มีแรงหนุนจาก ประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน หนึ่งในคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) ที่มี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน กับกรณี ต่อตระกูล ยมนาค ประธานคณะอนุกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติด้านการป้องกันการทุจริตใน คตช. ทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ เรียกร้องให้ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อเรียกศรัทธาการแก้ปัญหาทุจริตกลับคืนมา จากกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมมีนาฬิกาและแหวนเพชรราคาแพงไว้ในครอบครอง แต่กลับไม่แจ้งไว้ในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่งรองนายกฯ และ รมว.กลาโหม

      โดย ประมนต์ ระบุว่าการทำหนังสือดังกล่าวของต่อตระกูล ถือเป็นข้อคิดได้ว่าถ้าผู้ใหญ่ในรัฐบาลทำอะไรที่ทำให้คนมีความรู้สึกว่าไม่เอาจริงเอาจังในเรื่องนี้แล้ว จะทำให้คนที่ต้องการสนับสนุนถดถอยไปบ้าง

        "การออกมาแสดงความชัดเจนของผู้นำรัฐบาลก็เป็นเสียงเรียกร้องของประชาชนมาตลอด  ที่ไม่ใช่แค่มีใครในรัฐบาลทำผิดหรือไม่ผิดอย่างเดียว แต่อยู่ที่ว่าการที่เราเป็นผู้นำ การแสดงความเป็นผู้มีจริยธรรมคุณธรรมต้องสูงกว่าที่อื่น เป็นสิ่งที่คาดหวังของคนทั่วไปอยู่แล้ว ในฐานะที่ผมอยู่ในองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันมีพูดคุยและได้สะท้อนสัญญาณออกไปในหลายๆ ประเด็นที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ไปแล้ว"

      และย้ำว่า "ที่ผ่านมาได้ส่งความคิดเห็นผ่านหลายเส้นทางไปแล้ว ทำหน้าที่อย่างเป็นกลางที่สุดในหน้าที่ที่รับผิดชอบและบนความเหมาะสม ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ในการตรวจสอบทุจริตไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายตรงข้าม และมีหลายๆ วิธีในการออกมาแสดงจุดยืนที่ชัดเจน  ในฐานะองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันก็ได้สะท้อนเรื่องนี้ไปหลายๆ ครั้งแล้ว ถ้าอะไรที่เห็นว่าไม่สมเหตุสมผล"

      เป็นท่าทีของ ต่อตระกูล-ประมนต์ สองกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติที่นายกฯ แต่งตั้งมาเองกับมือ เพื่อหวังให้เป็นกรรมการในฝ่ายรัฐบาลที่เป็นเซ็นเตอร์คอยสนับสนุนและรณรงค์เรื่องการต่อต้านการทุจริต ดังนั้นการที่กรรมการต่อต้านการทุจริตของรัฐบาลกำลังมีข้อเป็นห่วงต่อกรณี เสี่ยป้อม  จึงถือเป็นการแสดงความคิดเห็นที่ไม่ธรรมดา เพราะไม่ใช่ความเห็นของนักการเมือง-นักวิชาการ-นักเคลื่อนไหวฝ่ายตรงข้าม คสช.

      ปฏิกิริยาจากกรรมการต่อต้านการทุจริตดังกล่าว แม้ดูแล้ว บิ๊กตู่ รับฟังแต่ไม่อาจทำอะไรได้ เพราะยังเกรงใจบิ๊กป้อม ทั้งแสดงให้เห็นถึงการขยายตัวของความกังวลใจต่อกรณีพลเอกประวิตรของคนในภาคส่วนต่างๆ แม้แต่กับคนที่ทำงานร่วมกับรัฐบาล คสช.เองด้วย

      เพราะอย่างกรณีของประมนต์ อดีตประธานหอการค้าแห่งประเทศไทย, อดีตประธานกรรมการบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย นอกจากนายกฯ จะตั้งให้เป็นกรรมการต่อต้านการทุจริตแล้ว ยังเคยตั้งให้เป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) อีกด้วย

      สำหรับหนังสือดังกล่าวของ ต่อตระกูล ทำถึงประธาน คตช. (พลเอกประยุทธ์) เรื่องขอแสดงความกังวลต่อบทบาทของ คตช.ในสถานการณ์วิกฤติปัจจุบัน กรณี พล.อ.ประวิตรถูกตรวจสอบเรื่องนาฬิกาหรู โดยหนังสือระบุว่าตามที่ พล.อ.ประวิตรอยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบข้อเท็จจริงจาก ป.ป.ช. กรณีที่เป็นข่าวทางสื่อต่างๆ ว่าสวมใส่นาฬิกาและแหวนเพชรราคาแพง แต่ไม่ได้แสดงไว้ในบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินในกรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายกฯ และ รมว.กลาโหมเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2557 นั้น

      “กระผม รศ.ต่อตระกูล ยมนาค ในฐานะประธานอนุกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติด้านการป้องกันการทุจริต และอนุกรรมการส่วนใหญ่ รู้สึกมีความกังวลต่อสถานการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและความเลื่อมใสศรัทธาต่อ คตช.ที่ คสช.ได้แต่งตั้งขึ้น โดยมีนโยบายสำคัญและเร่งด่วนในการป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งวิกฤติศรัทธาต่อ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีและประธาน คตช.โดยตรง

        ดังนั้น ท่านควรพิจารณาดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเร็ว เพื่อเป็นแบบอย่างตามที่ท่านเคยประกาศเจตนารมณ์ในการต่อต้านการทุจริตอย่างจริงจัง รวมถึงเป็นนโยบายของรัฐบาลที่สำคัญและเร่งด่วนของชาติด้วย" เนื้อหาของหนังสือดังกล่าวระบุไว้

      เท่ากับถึงตอนนี้ปมนาฬิกาหรูของเสี่ยป้อม นอกจากจะมี นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ คนในซีกรัฐบาล-คนที่ทำงานร่วมกับรัฐบาลออกมาวิจารณ์พลเอกประวิตร โดยสุดท้ายก็จบเรื่องแบบยอมขอโทษบิ๊กป้อมแล้ว ก็ยังมีกรรมการต่อต้านทุจริตของรัฐบาลเอง ที่ออกมาแสดงความกังวลว่าเรื่องดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อถือของหัวหน้า คสช.เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งภาคส่วน.