(1)
วัน-สองวันที่ผ่านมา...น่าจะพอได้ คลายร้อน กันได้มั่งนิดๆ ด้วยเหตุเพราะ พระพิรุณ ท่าน จัดเต็ม ส่งฝนมาให้อยู่หลายหาบ หลายห่า ด้วยกัน แต่ฝนช่วงนี้...ก็ยังคงออกไปทางฝนอันเนื่องมาจาก พายุฤดูร้อน นั่นแหละเป็นหลัก หรือเป็นฝนที่ อากู๋กูเกิล ท่านสรุปเอาไว้ประมาณว่า เกิดจากมวลอากาศเย็นจากจีนตอนบน เกิดเลื่อนลงมาปะทะกับมวลอากาศร้อนที่ครอบคลุมประเทศไทย เลยก่อให้เกิดฝนฟ้าคะนอง ลมกรรโชกแรง หรือถึงขั้นลูกเห็บตก อะไรประมาณนั้น...
(2)
กว่าจะได้เย็นแบบชุ่มๆ ฉ่ำๆ กันไปตลอด...ก็คงต้องรอไปถึงช่วงกลางๆ พฤษภาฯ นั่นแหละทั่น ช่วงที่ฤดูฝนจะเริ่มย่างเข้ามาอย่างเป็นทางการ ตามลักษณะอุณหภูมิอากาศ ตามฤดูกาลของประเทศไทยโดยปกติ และถ้าหากถึงช่วงจังหวะนั้น สำหรับผู้ที่ไม่ได้มีธุระปะปัง ต้องออกไปโน่น ไปนี่ ผู้ที่สามารถนั่งๆ นอนๆ อยู่กับบ้านเฉยๆ แบบพวก วานปรัสถ์ หรือพวกผู้สูงวัย ผู้ที่เกษียณอายุทั้งหลาย ก็น่าจะสุโข สโมรสร อยู่พอสมควร เพราะการได้ยินเสียงฝนเคาะหลังคา ขณะที่นอนผึ่งพุงอยู่บนเสื่อ บนฟูก คงต้องยอมรับว่า ช่างเป็นอะไรที่โรมันคาทอลิก (โรแมนติก) อยู่พอสมควร ยิ่งเปิดหน้าต่าง ถ่างระเบียงให้กว้างๆ มองไปสุดลูกหู ลูกตา เห็นยอดไม้ ทิวไม้ จับคู่เต้นระบำรำฟ้อนไปกับสายฝน ชนิดม้วนต้วนไป-มา ยิ่งเป็นอะไรที่สดชื่น รื่นเริง เอามากๆ...
(3)
แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ...สำหรับผู้ที่ยังต้องไปโน่น-มานี่ ยังจัดอยู่ในประเภท พรหมจาริน หรือ คฤหัสถ์ ต้องออกแรงดิ้นรน ต้องหาอยู่ หากิน ไปตามสภาพ เจอกับฝนที่หล่นมากองกลายเป็น น้ำรอระบาย ขังอยู่ตามถนน หนทาง ในแต่ละสาย เจอกับรถที่ติดแหง็ก ไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวเป็นชั่วโมงๆ แนวโน้มที่จะก่อให้เกิดอาการ ซาดิสต์ติก ไม่ใช่โรแมนติก ย่อมต้องมีสูงเอามากๆ ชนิดบางรายแปลงกายเป็น มนุษย์หมาป่า ไล่งับลูกๆ ที่ตัวเองมีหน้าที่ต้องไปรับ-ไปส่ง ร้องไห้กระจองอแง บ้านแตกสาแหรกขาด เอาเลยก็ยังมี ด้วยเหตุเพราะการไม่คิดจะปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศ แต่มุ่งจะปรับสภาพอากาศ หรือปรับสภาพธรรมชาติ ให้เข้ากับตัวเองมาจนกลายเป็นอุปนิสัย หรือ สันดาน นั่นแล...
(4)
แต่นับจากกลางพฤษภาฯ ไปอีกสี่ซ้า ห้าเดือน ไปจนถึงช่วงกลางๆ เดือนตุลาฯ ไม่ว่าจะเป็น พรหมจาริน, คฤหัสถ์ หรือ วานปรัสถ์ ก็แล้วแต่ ก็น่าจะเบาๆ สบายๆ กันไปได้ทั่วทุกหมู่ ทุกเหล่า เพราะถึงช่วงจังหวะ เวลา ของอากาศหนาว หรือฤดูหนาวจะเข้ามาเยือนประเทศไทยตามฤดูกาลโดยปกติ คือนอกจากไม่ต้องร้อนระดับตับแลบ ม้ามแลบ ตามแบบฉบับช่วงฤดูร้อนในแต่ละครั้ง ยังไม่ต้องเฉอะๆ แฉะๆ เปียกๆ ปอนๆ ตามแบบฉบับฤดูฝนในแต่ละคราว อันเป็นตัวสร้างความหุดๆ หิดๆ ให้บรรดาผู้ที่อยู่ในเมืองใหญ่ทั้งหลาย จนต้องกลายเป็นพวก ซาดิสต์ ไปแทบตลอดทั้งปี เนื่องจากความหนาวในประเทศไทยนั้น ไม่เพียงแต่ไม่ถึงกับเป็นพิษ เป็นภัย ให้ใครๆ ก็ตาม ยังนำมาซึ่งความสดชื่น รื่นเริง นำมาซึ่งสีสัน บันเทิง ที่น่ารัก น่าใคร่ ซะอีกต่างหาก...
(5)
แต่ก็นั่นแหละ...กว่าจะถึงหน้าหนาว แถมอาจหนาวแค่ช่วงสั้นๆ ไม่ใช่หนาวตลอดตั้งแต่กลางตุลาฯ ไปถึงกลางกุมภาฯ อย่างที่มีการให้คำนิยามเอาไว้เป็นทางการ คืออาจหนาวแค่ช่วงปลายๆ ธันวาฯ ไปต้นกุมภาฯ จากนั้นก็อาจเริ่มร้อนๆ ขึ้นอีกซะแล้ว การหาทางเปลี่ยน อุปนิสัย หรือ สันดาน ของตัวเอง ให้เกิดความสอดคล้อง ต้องกัน กับสภาพความเป็นไปของดิน-ฟ้า-อากาศ จึงน่าจะเป็นอะไรที่ เข้าท่า กว่าการคิดจะปรับสภาพความเป็นไปของดิน-ฟ้า-อากาศ ให้มาเข้ากับ อุปนิสัย และ สันดาน ของตัวเอง อย่างมิอาจปฏิเสธได้ อันนี้นี่แหละ...ที่อาจถือเป็นหลักคิด คตินิยม ค่านิยม ที่ไม่ใช่แต่เฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในแถบเส้นศูนย์สูตร อย่างประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮาเท่านั้น แต่สามารถนำไปปรับใช้กับใครก็ได้ ประเทศใดก็ได้ ไม่ว่าจะอยู่ในเส้นรุ้งเส้นแวง ที่เท่าไหร่ต่อเท่าไหรก็แล้วแต่...
(6)
ไม่งั้น...คงไม่มีนักคิด นักปราชญ์ ตั้งแต่ครั้งโบร่ำโบราณ ท่านหยิบเอามาเอ่ยไว้เป็น วาทะ นั่นแหละว่า Summer ends and autumn comes, and he who would have it otherwise would have high tides always and full moon every night. หรือ ฤดูร้อนผ่านไป...ฤดูใบไม้ร่วงจึงตามมา แต่สำหรับผู้ที่อยากให้เป็นอย่างอื่น ก็คงไม่ต่างไปจากผู้ที่อยากให้กระแสน้ำขึ้นเสมอๆ และอยากให้พระจันทร์เต็มดวงในทุกๆ คืน อะไรประมาณนั้น และในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่ได้เป็นไปตามที่ ตัวเองต้องการจะให้เป็น ด้วยเหตุเพราะมันเป็นไปตาม ธรรมชาติ หรือมันเป็นไปอย่างที่ตัวมันเป็น เพราะ
มันเป็นเช่นนั้นเอง หรือ มันเป็นพรรค์นั้นแหละ บรรดาความ ซาดิสต์ ทั้งหลาย ก็เลยต้องกรูเข้ามาทางประตู ส่งผลให้ความ โรแมนติก ทั้งหลาย ต้องพรั่งพรูออกไปทางหน้าต่าง อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้...
(7)
แม้ไม่ได้เกี่ยวกับสภาพดิน-ฟ้า-อากาศ กับความเป็นไปของฤดูกาลก็เถอะ...แต่ถ้าหากอะไรก็ตามที่ไม่ได้คิดจะยึดเอาหลักคิด คตินิยม ค่านิยม ทำนองนี้เอาไว้ซะอย่างแล้ว โอกาสที่จะต้องกลายสภาพไปเป็นพวก ซาดิสต์ เป็น มนุษย์หมาป่า แปลงตัวมา ย่อมมีความเป็นไปได้เสมอๆ ไม่ว่าจะใน โลกแห่งความจริง หรือ โลกเสมือนจริง ก็แล้วแต่ ไม่งั้น...เราคงไม่ได้มีโอกาสเห็นผู้ที่เคยเป็นมนุษย์มนาอยู่ดีๆ แท้ๆ แต่พอดันเข้าไปจิ้มๆ ทิ่มคีย์บอร์ดในโซเชียล มีเดีย แค่ไม่กี่ที แวบเดียว...ก็แปลงสภาพกลายเป็น ไลเคนส์ เป็นมนุษย์หมาป่า เป็นแฟรงเกนสไตน์ กันไปเป็นรายๆ!!!
----------------------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |