ฮือฮา 2 หญิงสูงวัยใช้ขวาน เสียม ทุบรถกระบะจอดขวางหน้าบ้าน เดือดติดป้ายเตือนยังไม่สนใจ ขณะที่หญิงเจ้าของรถกลับมาพบสภาพถึงผงะ โร่แจ้งความตำรวจดำเนินคดี เพื่อนบ้านเผยผู้ก่อเหตุคงเครียดหนัก เพราะเจอคนมักง่ายประจำ เหตุเพราะมีตลาดนัด เผยพ่อป่วยโคม่า ญาติพาไป รพ.ไม่ทันเพราะมีคนจอดขวางทำให้พ่อเสียชีวิต
    ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ หลังมีผู้โพสต์คลิปวิดีโอ หญิงสูงวัย 2 คนใช้ขวานและเสียม ฟัน ทุบรถกระบะสีขาว ที่จอดขวางประตูรั้วหน้าบ้านของตน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ เพจเฟซบุ๊ก "บิ๊กเกรียน" ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ดังกล่าว ระบุว่า เจ้าของบ้านเมื่อออกมาพบรถกระบะจอดขวางทางเข้า-ออก ก็ได้บีบแตรรถของตนที่จอดอยู่ในบ้านเป็นเวลานาน แต่เจ้าของรถที่จอดขวางก็ยังไม่มาแสดงตัว ขณะที่รถก็มิได้ปลดเกียร์ว่างทำให้เคลื่อนรถไม่ได้ จนสุดท้ายเจ้าของบ้านเกิดความโกรธ ช่วยกันใช้ขวานและเสียมทุบรถคันที่จอดขวางจนพังเสียหายที่กระโปรงรถและกระจกข้าง ซึ่งต่อมาหญิงเจ้าของรถได้กลับไปที่รถและยกมือไหว้ขอโทษ แต่กลับโดนตำหนิอย่างรุนแรง
    มีรายงานต่อมาว่า หลังเกิดเหตุ น.ส.รชนิกร เลิศวาสนา อายุ 37 ปี ชาวจังหวัดสมุทรสาคร เจ้าของรถยนต์กระบะ นิสสัน นาวารา สีขาว ทะเบียน กค 9297 กรุงเทพมหานคร ผู้เสียหาย ได้เดินทางไปยัง สน.ประเวศ เบื้องต้นตำรวจได้โทรศัพท์ไปยังบุคคลดังกล่าวมาพบเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ต่อมาในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ตำรวจจึงได้นำหมายเรียกไปยื่นให้เจ้าของบ้านมาพบ แต่หากไม่ยอมออกมาก็จะติดไว้ที่ประตูหน้าบ้านพัก เพื่อให้ผู้ก่อเหตุเดินทางมาให้ปากคำและรับทราบข้อกล่าวหาตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป นอกจากนี้จะได้เรียก น.ส.รชนิกรเข้ามาให้ปากคำอีกครั้งเพื่อชี้ตัวคนก่อเหตุ
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเบื้องต้นมีผู้แสดงความเห็นผ่านสื่อโซเชียล ส่วนใหญ่ตำหนิการกระทำของเจ้าของบ้านที่ทุบรถ ว่าทำเกินกว่าเหตุ แต่อีกฝ่ายก็แย้งว่า เจ้าของบ้านได้ติดป้ายชัดเจนเล้วว่าห้ามจอด แต่ก็ยังมีคนมักง่ายมาจอดข้างทางเข้า-ออกอีก แถมจอดนานโดยที่ไม่สนใจว่าใครจะเดือดร้อนหรือไม่ โดยบ้านหลังดังกล่าวได้ติดป้ายขนาดใหญ่ เป็นคำสั่งของศาลปกครอง สั่งบรรเทาทุกข์ชั่วคราว โดยให้กรุงเทพมหานครใช้อำนาจสั่งปิดตลาดนัดรุ่งอรุณ หน้าสวนหลวง ร.9 เหตุก่อความเดือดร้อนต่อประชาชนจากการจัดตั้งตลาด หลังพบผู้ว่าฯ กทม.และ ผอ.เขตประเวศ ละเลยหน้าที่ให้มีการทำผิดกฎหมาย สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้ชาวบ้าน
    ที่น่าสนใจ ผู้โพสต์รายหนึ่งระบุว่า เป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น เปิดเผยว่า "คุณพ่อของบ้านหลังนี้เคยเสียชีวิตเพราะคนที่มาจับจ่าย เดิมทีเจ้าของที่ขายที่ดินไม่ได้บอกว่าจะทำตลาด แต่แล้วกลับสร้างตลาด คนที่อาศัยอยู่ก่อนจึงเดือดร้อน แล้วมีการฟ้องร้อง เจ้าของบ้านชนะคดี แต่ตลาดยังขายอยู่ ไม่รู้เพราะเหตุใด ส่วนตัวก็เห็นใจทั้งพ่อค้าแม่ค้าและเจ้าของบ้าน เพราะตลาดนี้มาคิดสร้างทีหลัง ตลาดก็วุ่นวายตั้งแต่ตี 3 จน 11 โมง ตลอดแนวรั้วรอบบ้าน" ที่สำคัญ เจ้าของบ้านเคยมีเหตุการณ์พ่อป่วย อาการโคม่า แล้วมีรถจอดขวางแบบนี้ ทำให้ส่ง รพ.ช้า พ่อเลยเสียชีวิต
       ก่อนหน้านี้ น.ส.บุญศรี แสงหยกตระการ พร้อมพวกรวม 4 คน ยื่นฟ้องผู้ว่าฯ กทม. ผอ.เขตประเวศ สำนักงานเขตประเวศ และ กทม. ต่อศาลปกครอง ว่าร่วมกันดำเนินการโดยไม่ชอบด้วย พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 และละเลยต่อหน้าที่ ปล่อยให้มีการดำเนินกิจการตลาดนัดข้างบ้านของตนจนสร้างเดือดร้อนรำคาญ จนไม่สามารถอยู่ได้อย่างปกติสุข เสี่ยงต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน จึงขอให้ศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองระงับการดำเนินกิจการตลาดนัดดังกล่าวไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าจะมีคำพิพากษา 
    ต่อมาวันที่ 18 พฤศจิกายน 2553 ศาลปกครอง โดยนายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด ในฐานะตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุดและคณะ ได้มีคำสั่งคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราว โดยให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. และนายสมชาย ฉัตรสกุลเพ็ญ ผอ.เขตประเวศ ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 และ พ.ร.บ.อื่นที่เกี่ยวข้อง ไม่ให้นางจิดาภา ลิมป์ธรรมเลิศ หรือแซ่ลิ้ม เจ้าของตลาดนัดรุ่งอรุณ และนายมงคล พุ่มผกา เจ้าของตลาดนัดไม่มีชื่อ ซึ่งตั้งอยู่ในที่ดินเปล่าข้างบ้านเลขที่ 37/208 ซอยหมู่บ้านเสรีวิลล่า ถนนศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม.ของ น.ส.บุญศรี แสงหยกตระการ ก่อเหตุเดือดร้อนรำคาญที่เกิดจากการจัดตั้งตลาดไว้เป็นการชั่วคราวก่อนการพิพากษา หรือจนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
    ส่วนการจะอนุญาตให้มีการจัดตั้งตลาดได้หรือไม่นั้น ขอให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. และนายสมชาย ฉัตรสกุลเพ็ญ ผอ.เขตประเวศ พิจารณาตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 และ พ.ร.บ.อื่นที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งให้นายสมชาย ฉัตรสกุลเพ็ญ ผอ.เขตประเวศ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานท้องถิ่น มีหน้าที่รับผิดชอบกำกับดูแลให้เป็นไปตามคำสั่งศาลโดยเคร่งครัด และรายงานให้ศาลทราบอีกทางหนึ่ง.