ฟัน'พ่อฟ้า'วุ่นวายแน่ 'ธนาธร'หลังพิงมวลชนขู่'กกต.'อย่าสร้างข้อกังขา


เพิ่มเพื่อน    

    “ยุทธนา” ปัดไขก๊อกพ้นเก้าอี้สอบหุ้นวี-ลัค “ศรีสุวรรณ” เตรียมไปให้ปากคำอีกรอบ กลุ่มการเมืองภาคประชาชนชง กกต.เบรกรับรองชื่อว่าที่ ส.ส.อนาคตใหม่ ชี้เหตุพ่อฟ้าขาดคุณสมบัติทำให้เสียงเป็นโมฆะ สมชัยเตือนระวังสึนามิ โดมิโนหล่นทับ 7 อรหันต์เอง “ช่อ” มาแปลก รับหัวหน้าพรรคพร้อมทำงานนอกสภา หากถูกใบส้มจริง เตรียมเข้าแจงวันจันทร์ 29 เม.ย. “ธนาธร” ถึงไทยแล้วท่ามกลางกองเชียร์ ท่องคาถาไม่กังวลไม่ผิด ลั่นใช้ใบส้มไม่ได้ ขู่หาก กกต.สร้างข้อกังขานำไปสู่ความวุ่นวายแน่ สำทับมีการเมืองแทรก
    เมื่อวันที่ 25 เม.ย. พล.อ.ยุทธนา ไทยภักดี ประธานอนุกรรมการการเลือกตั้งสอบสวนกรณีถือครองหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวประกาศลาออกจากกรณีถูกกดดันให้ลงมติแจกใบส้มแก่นายธนาธร ว่ารายละเอียดถึงสาเหตุการประกาศลาออกไม่ขอพูดถึง เพราะไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งในหน่วยงาน แต่ยืนยันว่ายังคงทำงานเป็นประธานอนุกรรมการฯ อยู่ ยังไม่ได้มีการลาออกอย่างเป็นทางการหรือลายลักษณ์อักษร และในอนาคตอาจเปลี่ยนใจไม่ลาออก เพราะขณะนี้แนวทางการพิจารณาเรื่องดังกล่าวทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ทบทวนในประเด็นที่ได้โต้แย้ง
    ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า ในวันศุกร์ที่ 26 เม.ย.2562 เวลา 10.30 น.นี้ คณะกรรมการช่วยตรวจสอบสำนวน สำนักงาน กกต. ได้เชิญไปให้ถ้อยคำเพิ่มเติมกรณีที่สมาคมได้เคยร้องเรียนว่านายธนาธรในขณะสมัครรับเลือกตั้งอาจถือครองหุ้นในกิจการสื่อสิ่งพิมพ์ของบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด อันอาจเป็นลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ตามมาตรา 98 (3) แห่งรัฐธรรมนูญ 2560 และมาตรา 42(3) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.2561 ซึ่งสมาคมได้ยื่นร้องเรียนต่อ กกต.และส่งเอกสารข้อมูลเพิ่มเติมไปแล้ว 3 ครั้ง คือวันที่ 25 มี.ค., วันที่ 5 เม.ย. และวันที่ 23 เม.ย.
    นายศรีสุวรรณกล่าวอีกว่า กกต.ได้ออกมาแถลงตั้งข้อกล่าวหานายธนาธรว่ามีมูลไว้แล้วเมื่อวันที่ 23 เม.ย. เพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหาใช้สิทธิชี้แจงภายใน 7 วัน ดังนั้นเพื่อเป็นการฟังความอย่างรอบด้าน คณะกรรมการช่วยตรวจสอบสำนวนจึงได้เชิญสมาคมในฐานะผู้ร้องไปให้ข้อมูลเพื่อยืนยันในคำร้องตามระเบียบ กกต. และในที่สุดแล้ว หาก กกต.ชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานและฟังข้อเท็จจริงอย่างครบถ้วนแล้ว และเชื่อได้ว่ามูลคำร้องมีน้ำหนักมากกว่า ก็ต้องยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาให้เพิกถอนสิทธิการสมัครรับเลือกตั้งของนายธนาธรต่อไป 
    “ศาลฎีกาได้เคยมีคำสั่งในลักษณะที่ใกล้เคียงข้อพิพาทนี้ไว้แล้ว ตามคำสั่งศาลฎีกาที่ 111/2562, 1144/2562 และ 1228/2562 และอาจมีโทษทางอาญาฐานแจ้งหรือให้ข้อมูลอันเป็นเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญาต่อไปด้วย”นายศรีสุวรรณกล่าว
    ที่สำนักงาน กกต. นายสุรวัชร สังขฤกษ์ กลุ่มการเมืองภาคประชาชน ได้ยื่นหนังสือถึงประธาน กกต. เพื่อขอให้ กกต.ระงับการรับรองผลการเลือกตั้งว่าที่ ส.ส.ของพรรค อนค. ซึ่งจะเข้าข่ายเป็นโมฆะ เนื่องจาก กกต.มีมติแจ้งข้อกล่าวหานายธนาธร ดังนั้นถือว่าการเลือกตั้งของพรรค อนค.ทั้งหมดต้องโมฆะ เพราะนายธนาธรเป็นผู้ออกหนังสือรับรองในนามหัวหน้าพรรค อนค.ให้ผู้สมัครของพรรคซึ่งมีความผิดทั้งในนามหัวหน้าพรรค และนิติบุคคล ซึ่งถือเป็นเอกสารเท็จ  เพราะนายธนาธรขาดคุณสมบัติ
    “ขอให้ กกต.ตรวจสอบและส่งคำร้องยุบพรรค อนค.ไปยังศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมส่งคำร้องไปยังศาลฎีกาให้ดำเนินคดีอาญากับหัวหน้า รวมถึงคณะกรรมการบริหารและเลขาธิการพรรคตามกฎหมายด้วย” นายสุรวัชรกล่าว
    นายสมชัย ศรีสุทธิยากร สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีต กกต. โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “กรณีธนาธร เป็นเรื่องของคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม หรือเป็นเรื่องการเลือกตั้งที่ไม่สุจริตเที่ยงธรรม” ระบุว่า มาตรา 42 (3) กำหนดลักษณะต้องห้ามของคนสมัคร ส.ส. ซึ่งเป็นจุดเริ่มของการมีมติเบื้องต้นของ กกต.ในการแจ้งข้อกล่าวหาต่อนายธนาธร ซึ่งคำถามคือ กกต.จะใช้เรื่องคุณสมบัติ หรือเรื่องการกระทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรม มาเป็นประเด็นจัดการปัญหานี้
เตือน“สึนามิ”ธนาธร
    นายสมชัยระบุอีกว่า คำตอบคือ หากใช้เรื่องคุณสมบัติอย่างเดียวไม่น่าเดินต่อได้ เพราะเรื่องคุณสมบัติต้องเป็นเรื่องร้องโดยบุคคลที่เห็นว่าเขาขาดคุณสมบัติ และต้องดำเนินการร้องใน 7 วันนับแต่วันประกาศรายชื่อผู้สมัคร ซึ่ง กกต.ประกาศชื่อเมื่อวันที่ 15 ก.พ.2562 การยื่นร้องคัดค้านคุณสมบัติจึงทำได้เพียงถึงวันที่ 22 ก.พ.2562 เท่านั้น ดังนั้นเรื่องคุณสมบัติจึงเป็นเพียงปฐมเหตุที่นำไปสู่การใช้มาตรา 132 ที่ระบุว่าผู้ใดกระทำการอันเป็นเหตุให้การเลือกตั้งไม่ได้เป็นไปด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรม แปลง่ายๆ ว่านายธนาธรไม่มีสิทธิสมัครด้วยคุณสมบัติ แต่ยังลง และความนิยมที่มีต่อนายธนาธรที่มีคุณสมบัติต้องห้ามนำไปสู่การเลือกตั้งที่ไม่สุจริตและเที่ยงธรรม ซึ่งแม้โยงยาวหน่อย ก็พยายามโยง และพยายามให้ใบส้มแก่นายธนาธร 
    “คิดไกลต่อไป หากธนาธรไม่มีสิทธิลง และคะแนนของอนาคตใหม่ทั้งหมดมาจากความนิยมต่อนายธนาธร หมายความถึงสึนามิลูกใหญ่กำลังมาถึงพรรคอนาคตใหม่ เพราะจะมีประเด็นต่อว่าทุกคะแนนของ อนค.ได้มาด้วยไม่สุจริตและเที่ยงธรรม สึนามิลูกนี้อาจโทษนายธนาธรฝ่ายเดียวไม่ได้ เนื่องจาก กกต.เองก็มีกลไกตรวจสอบคุณสมบัติ และใช้เวลาเป็นสัปดาห์ประกาศรายชื่อ ให้เวลาทักท้วง มีการเลือกตั้ง และผ่านการเลือกตั้งไปเป็นเดือนแล้ว จึงหยิบยกเรื่องราวมาตรวจสอบ จึงเป็นคำถามใหญ่ที่ถามกลับไปยัง กกต.ได้ว่าท่านผิดในเรื่องดังกล่าวด้วยหรือไม่ โดมิโนทางการเมืองกำลังเริ่มทำงาน และให้ระวังคนเริ่มเล่นด้วยว่าโดมิโนตัวสุดท้ายจะกลับมาล้มทับตัวเองหรือไม่” นายสมชัยกล่าว
    นายไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีนี้เช่นกันว่า การดำเนินการของ กกต.เข้าที่เข้าทางตามที่กฎหมายบัญญัติแล้ว เพราะการแจกใบนั้นใบนี้โดยยังไม่ไต่สวนทำไม่ได้ ส่วนกระแสที่กดดันให้ กกต.แจกใบส้มแก่นายธนาธรนั้น เป็นแรงกดดันที่หลงผิดทางกฎหมาย เนื่องจากใบส้มนั้นใช้ 2 กรณีเท่านั้น คือ 1.ผู้สมัครรับเลือกตั้งกระทำการทุจริตในการเลือกตั้ง ไม่ใช่กรณีขาดคุณสมบัติ และ 2.ใช้กับกรณีผู้สมัคร ส.ส.เขตไม่ใช่ผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์  
    “ไปอ่านดูกฎหมายกันให้ดี เพราะถ้ารุ่มร่ามตรงนี้ไม่เพียงแต่แจกใบส้มไม่ได้ แต่จะผิดกฎหมายด้วย" นายไพศาลระบุ
    ขณะที่นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.การคลัง โพสต์เฟซบุ๊กว่า เหตุที่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.จากหลายพรรคการเมืองขาดคุณสมบัติลงสมัครรับเลือกตั้ง เพราะปรากฏว่าเป็นเจ้าของหรือมีหุ้นในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสื่อสารมวลชน ซึ่งพบปัญหามาจากการใช้แบบฟอร์มการจดทะเบียนบริษัทแบบสำเร็จรูป ซึ่งผู้ประกอบการมักระบุวัตถุประสงค์การตั้งบริษัทอย่างกว้างขวางไว้ก่อนเพื่อความสะดวกในการปรับเปลี่ยนธุรกิจในอนาคต 
    “การจดทะเบียนแบบนี้ทำกันแพร่หลาย แม้ทำร้านอาหาร โรงงานอุตสาหกรรม ฯลฯ ก็นิยมใช้แบบฟอร์มสำเร็จรูป เพราะปลอดภัยดี ถ้าเกิดวันหนึ่งในอนาคต ธุรกิจจะเปลี่ยนไปใกล้เคียงหรือตีความได้ว่าเข้าข่ายนี้ก็จะไม่มีปัญหาว่าบริษัทดำเนินการเกินขอบเขตวัตถุประสงค์ที่จดทะเบียนไว้ ซึ่งผมได้ข้อมูลว่าขณะนี้ได้มีการร้องเรียนอ้างเหตุนี้เพิ่มเติมอีกจำนวนมากกระจายหลายพรรค” นายธีระชัยโพสต์
ปูดพร้อมทำงานนอกสภา
    ส่วน น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค อนค.กล่าวว่า นายธนาธรจะเดินทางเข้าชี้แจงข้อกล่าวหากรณีถือครองหุ้นบริษัท วี-ลัคฯ ต่อ กกต.ด้วยตัวเอง ซึ่งหลังจากนายธนาธรเดินทางกลับถึงไทย ก็จะหารือและกำหนดวันเข้าชี้แจงต่อ กกต.อีกครั้ง โดยคาดว่าจะเดินทางไปในวันจันทร์ที่ 29 เม.ย.ช่วงบ่าย เพื่อให้ทันตามกรอบเวลาที่กำหนด และพรรคไม่กังวลกับข้อกล่าวหาต่างๆ ของนายธนาธร เพราะเชื่อว่าไม่มีมูลความผิด
    “มีการพูดคุยกันไปถึงว่าจะได้ใบส้ม หากได้ใบส้มจริงๆ ก็ไม่มีเป็นไร นายธนาธรยินดีทำหน้าที่อยู่นอกสภา ซึ่งเชื่อว่ามีงานอื่นให้ทำอีกมาก แต่ตอนนี้ต้องต่อสู้เพื่อยืนยันเสียงของประชาชนที่สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ให้ดีที่สุด” น.ส.พรรณิการ์กล่าว และว่า พรรคจะจัดประชุมใหญ่สามัญ ระหว่างวันที่ 26-27 เม.ย.นี้ จะมีการอบรมว่าที่ ส.ส.ครั้งที่ 2 เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสภา
    เวลา 18.45 น. ผู้สนับสนุนพรรค อนค.ทยอยเดินทางมารอรับนายธนาธรที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งจะเดินทางมาถึงในเวลา 19.15 น. โดยสายการบินเอมิเรตส์แอร์ไลน์ เที่ยวบิน EK372 โดยหลังผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองแล้ว นายธนาธรได้มาพบกับผู้สนับสนุนที่มารอต้อนรับ ซึ่งมีการตะโกนเชียร์ชื่อนายธนาธร ก่อนให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ว่า ขอขอบคุณประชาชนทุกคน และชาวอนาคตใหม่ที่มาต้อนรับ ยืนยันว่ากำลังใจของเรายังดี พวกเรายังเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ ดังนั้นไม่มีอะไรต้องกังวล สำหรับแนวทางการต่อสู้ ต้องรอดูเอกสารจาก กกต.ก่อน ซึ่งเรามีเวลา 7 วันในการเข้าไปชี้แจงข้อกล่าวหา ซึ่งจะติดต่อไปยัง กกต.ในวันที่ 26 เม.ย. ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยถูกเชิญเข้าไปชี้แจง นี่เป็นครั้งแรก ครั้งที่แล้วที่ทนายเข้าไปเป็นการชี้แจงในนามนางสมพร คุณแม่ของตนเอง
    เมื่อถามว่า มีความกังวลใดๆ ในการต่อสู้คดีหรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า ไม่กังวล เพราะเราไม่ได้ทำอะไรผิด กระบวนการโอนหุ้นทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และเรียบร้อยไปตั้งแต่ต้นเดือน ม.ค.แล้ว 
    ถามต่อว่า กังวลหรือไม่ว่า กกต.อาจทำงานเพราะแรงกดดันทางการเมือง นายธนาธรกล่าวว่า เราทุกคนต้องให้กำลังใจ กกต. เพราะมีเจ้าหน้าที่ กกต.เยอะแยะที่ต้องการเห็นประเทศเดินไปข้างหน้า และตระหนักถึงการทำหน้าที่อย่างเที่ยงธรรม หวังว่า กกต.จะมองเห็นว่าการกระทำที่บริสุทธิ์ นำประเทศไปสู่ทางออกได้ แต่ถ้าการกระทำไม่บริสุทธิ์ และสร้างข้อกังขากับประชาชนเมื่อไร นั่นจะนำไปสู่ความวุ่นวาย เพราะประชาชนตั้งความหวังกับการเลือกตั้งครั้งนี้ไว้มาก
    เมื่อสอบถามถึงกรณีการเดินทางจาก จ.บุรีรัมย์ กลับมาที่ กทม.ในวันโอนหุ้น นายธนาธรกล่าวว่า คนที่บอกว่ากลับมากรุงเทพฯ ไม่ทัน ไม่มีใครมีหลักฐานเลยว่าบ่ายวันนั้นอยู่ที่ไหน หากเดินหาเสียงที่ จ.บุรีรัมย์จริง ต้องมีรูปภาพหลุดออกมาสักรูป หรือมีวิดีโอบ้างแล้ว ส่วนการนั่งเครื่องบินกลับกรุงเทพฯ นั้น เข้าใจว่าต้องไปขึ้นเครื่องที่ จ.อุบลราชธานี หากต้องไปขึ้นเครื่องที่อุบลฯ กับนั่งรถกลับจาก จ.บุรีรัมย์นั้น ค่าเท่ากัน
    เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่า ช่วงนี้พรรคฝ่ายประชาธิปไตยมีแนวโน้มที่จะโดนใบส้มกันหลายคน นายธนาธรกล่าวว่า กรณีใบส้มนั้น เรามั่นใจมากว่าบังคับใช้ในกรณีตนเองไม่ได้ ส่วนกรณีการลงชื่อรับรองผู้สมัคร ส.ส.ที่โดนตัดสิทธิ์นั้น พรรคเรามีผู้สมัคร ส.ส.เกือบ 500 คน เราไม่สามารถรู้ได้ว่าผู้สมัครคนไหนมีประวัติอะไรกันมาบ้าง เชื่อว่าหัวหน้าพรรคอื่นก็เป็นเหมือนกัน
    ถามว่า หากมั่นใจในหลักฐานทำไม กกต.ยังตั้งข้อกล่าวหาอยู่ นายธนาธรกล่าวว่า เชื่อว่ามีแรงกดดันทางการเมืองเข้ามาที่ กกต. ดังจะเห็นได้ว่าประธานคณะอนุกรรมการที่ตั้งขึ้นมาตรวจสอบเรื่องนี้ได้ลาออกไป ส่วนตัวไม่อยากทำให้เรื่องนั้นเป็นเรื่องของนายธนาธร แต่เชื่อว่าคนที่มารวมกันที่นี่ และคนที่ให้กำลังใจธนาธรทั่วประเทศไทย ไม่ได้ให้กำลังใจธนาธร แต่ให้กำลังใจประชาธิปไตย และความเป็นธรรม นี่คือหลักการที่เราต้องปกป้องรักษา.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"