25 เม.ย.62 - จากกรณีที่มีผู้พบศพ น.ส.ปัชญา ปวงสุข หรือน้องเอ๋ย อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 90 หมู่ 8 บ้านกุดกว้าง ตำบลกุดน้ำใส อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น อยู่ภายในลำห้วยพระคือ ห่างจากฝั่งประมาณ 1 เมตร พื้นที่บ้านพระคือ หมู่ 16 ตำบลพระลับ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น สภาพศพมีร่องรอยถูกทำร้ายร่างกาย และที่ศีรษะมีรอยคล้ายของแข็งทุบ โดยคาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่น้อยกว่า 4 วัน ตามข่าวทีได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าในเรื่องนี้เมื่อเวลา 10.30 น. พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิสมัย ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวว่า ขณะนี้การทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายนั้นมีความคืบหน้าทางคดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งศพของผู้เสียชีวิตนั้นยังคงอยู่ในขั้นตอนของการชันสูตรที่สถาบันนิติเวช รพ.ศรีนครินทร์ โดยที่ญาติของน้องเอ๋ยได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วและเตรียมที่จะเดินทางมาดูศพเพื่อยืนยันอัตลักษณ์และตัวบุคคลอีกครั้ง ในขณะที่แนวทางการสืบสวนสอบสวนได้ตั้งไว้ 2 ประเด็นคือชู้สาวและปมขัดแย้งส่วนตัว แต่ตำรวจยังคงไม่ตัดประเด็นอื่นๆออกไป ต้องแกะที่ละเรื่องเพื่อให้ความคืบหน้าทางคดีนั้นมีอย่างต่อเนื่อง

"ตอนนี้รู้ตัวแล้วว่าคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุฆ่าน้องเอ๋ยนั้นเป็นใคร ขอตำรวจทำงานในคดีนี้อีก 2 วัน ส่วนเรื่องของการทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตายนั้นต้องรอผลการชันสูตรอย่างละเอียดจากแพทย์อีกครั้ง ในขณะที่ช่วงบ่ายวันนี้ตำรวจจะออกหมายจับ ซึ่งเป็นชาย 1 หญิง 1 แต่ไม่สามารถให้ข้อมูลได้มากกว่านี้เพราะจะกระทบกับรูปคดี และขณะนี้ชุดสืบสวนร่วม สภ.เมืองขอนแก่น,บก.สส.ภ.จว.ขอนแก่นและ บก.สส.ภ.4 ได้ทำงานร่วมกันเป็นทีมเพื่อเร่งรัดจับกุมคนร้ายในคดีนี้ให้ครบทุกคน”

ขณะที่ น.ส.ลลิลทิพย์ แก้วพรึ้ง อายุ 20 ปี ญาติของน้องเอ๋ย กล่าวว่า ผู้ตายเคยมีครอบครัวและมีลูก 2 คน โดยได้ย้ายไปอยู่กับอดีตแฟนหนุ่ม ที่ บ.คำบง ต.สะอาด อ.น้ำพอง แต่ก็ไปๆมาๆ ระหว่างบ้านแฟนกับบ้านของตนเองบ่อยครั้ง ซึ่งแม้จะเลิกรากับแฟนหนุ่มไปได้ประมาณ 5 เดือนแต่ผู้ตายก็ต้องไปๆมาๆ เพื่อดูแลลูกทั้ง 2 จนกระทั่งเมื่อวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมาผู้ตายได้แต่งตัวดี และขับรถจักรยานยนต์เข้ามาในเมืองโดยบอกกับครอบครัวว่ามาทำงานในตัวเมืองขอนแก่น จนกระทั่งถึงวันที่ 21 เม.ย.ก็ไม่มีใครติดต่อผู้ตายได้อีกเลยจนกระทั่งมาทราบอีกครั้งว่าเสียชีวิตแล้ว

"ครอบครัวสงสัยที่สุดคือ แฟนใหม่ของผู้ตายที่ชื่อนายตั้ม เพราะเมื่อวันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมาครอบครัวได้มาเล่นน้ำสงกรานต์ที่เขตตัวเมืองขอนแก่น และเมื่อกลับไปที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในตัวเมืองซึ่งเป็นที่พักของผู้ตายก็พบว่านายตั้มกับผู้ตายทะเลาะกันอย่างรุนแรง และนายตั้มได้ใช้อาวุธปืนจ่อที่ศีรษะของผู้ตายด้วยแต่ครอบครัวได้ห้ามไว้เพราะคิดว่าเป็นแฟนกันไม่น่าที่จะทำอะไรรุนแรงอย่างนี้"

จากนั้นในวันที่ 21เม.ย.ผู้ตายได้โทรศัพท์มาหาแต่ไม่มีคนรับ เมื่อโทรกลับไปก็ติดต่อไม่ได้ จนกระทั่งมาทราบว่าผู้ตายนั้นเสียชีวิตแล้วและเมื่อครอบครัวเดินทางไปดูศพก็ยืนยันชัดเจนว่าคือผู้ตายจริงที่ได้หายตัวไป ทั้งนี้ยังคงต้องการให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามตัวคนร้ายที่ก่อเหตุในคดีดังกล่าวนี้ให้ได้ทั้งหมดทุกคนและโดยส่วนตัวเชื่อว่าผู้ตายนั้นน่าจะถูกฆ่าตายในห้องพัก จึงอยากให้เจ้าหน้าที่จับกุมตัวคนร้ายโดยเร็ว และอยากให้มาขอโทษผู้ตาย ขอโทษครอบครัวของผู้ตายด้วยเพราะครอบครัวอยากถามว่าผู้ตายผิดอะไรทำไมต้องฆ่าและอยากให้คนร้ายได้รับโทษสูงสุด”