เลือกตั้ง 24 มีนาคม ผ่านพ้นมา 1 เดือน พรรคเพื่อไทย จากที่เคยมั่นใจ ประกาศก้อง ลงสัตยาบันพรรคพันธมิตรการเมือง พรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคเศรษฐกิจใหม่ พรรคพลังปวงชนไทย จับมือต่อต้านเผด็จการ ยึดมั่นแนวทางประชาธิปไตย วางแผน รวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก นาทีนั้นนับนิ้วตัวเลข ส.ส.สูงถึง 255 เสียง เป็นการชิงเปิดเกมเชิงจิตวิทยา

        ตั้งรัฐบาล (เงา) ผ่านสื่อ ตีตราจองรัฐบาลเสียงข้างมาก

       ฝ่ายพรรคพลังประชารัฐพอเริ่มตั้งตัวได้ ก็มั่นใจว่ารวบรวมเสียงข้างมากได้ (เช่นกัน) ทำให้ความมั่นใจของพรรคเพื่อไทย พรรคพันธมิตร เริ่มลดน้อยถอยลง ล่าสุด เสี่ยอ้วน-ภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า

        ‘เราพร้อมเป็นรัฐบาล แต่ถ้าไม่ได้เป็นรัฐบาล จะทำหน้าที่ยืนยันจุดยืนเพื่อหาทางแก้ปัญหาให้กับประชาชนอย่างเข้มแข็ง’

        ท่าทีเริ่มอ่อนลง ไม่รู้เป็นเพราะโลกแห่งความจริง สมการตัวเลข เริ่มไม่ถึงหรือไม่

        ระหว่างการเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลมีข่าวไม่สู้ดีนักจากฝั่งเพื่อไทยออกมาเป็นระยะๆ ไม่ว่าจะเป็น กระแสข่าว หญิงหน่อย-คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง และหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ ลดบทบาทการเมือง ข่าวหลุดรอดจากพรรคเศรษฐกิจใหม่ ที่สมาชิกบางส่วนอยากไปร่วมงานทั้งพรรคพลังประชารัฐ กับอีกส่วนร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย

        ขณะที่ในพรรคเพื่อไทยเองก็เกิดแรงกระเพื่อมไม่น้อย เมื่อมีเสียงหลุดรอดมาจาก สมาชิกพรรคบางส่วนมองข้ามช็อต หากพรรคเพื่อไทยรวมเสียงข้างมากไม่ได้ ต้องไปทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านจริง ดังนั้นควรสรรหาผู้นำฝ่ายค้านเอาไว้ และตามกฎหมายกำหนดผู้นำฝ่ายค้านต้องได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.ด้วย

        งานนี้เลยมีคนมองไปถึงขั้น เมื่อจะหาทั้งผู้นำฝ่ายค้านแล้ว ควรเปลี่ยนหัวหน้าพรรค ที่ไม่ได้เป็น ส.ส.ด้วยไปเลย ทุกวันนี้หัวหน้าพรรคอายุมากถึง 84 ปี งานในสภาฯ ที่ต้องหา ผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมาย เกมสภาฯ มาทำหน้าที่ ตอนนี้เพื่อไทยประสบปัญหาอย่างหนัก เพราะพวกเขี้ยวลากดินในเกมสภาฯ ที่พอจะมาทำหน้าที่ได้ ไม่ว่าจะเป็น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ นายโภคิน พลกุล นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา นายสามารถ แก้วมีชัย กลายเป็นคนวงนอก ไม่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาเป็น ส.ส.  

        ทำให้พรรคเพื่อไทยมองข้ามช็อต เตรียมจัดองคาพยพใหม่ รองรับทั้งเกมการเมืองในสภาฯ และการขับเคลื่อนพรรคไปพร้อมกัน

        แม้นาทีนี้แกนนำในพรรคบางคนยังมีความหวังรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่อีกส่วนเริ่มถอดใจ มองโลกจากความเป็นจริง ปัจจัยแวดล้อม สภาพการณ์ปัจจุบันโอกาสที่จะตั้งรัฐบาล เหมือนเป็นการเข็นครกขึ้นภูเขา พร้อมปรับบทบาทไปทำงานฝ่ายค้านเต็มตัว และมีการประเมินไปถึงอายุรัฐบาลหน้า ที่มีเสียงปริ่มน้ำ คงจะทำงานด้วยความยากลำบาก เสถียรภาพ เอกภาพ ไม่มั่นคง เริ่มทำงานก็เหมือนนับเวลาถอยหลังไปพร้อมกัน

        แม้ในสนามเลือกตั้งใหญ่ พรรคเพื่อไทย จะแพ้ไปในหลายเขตที่คนในพรรคต่างตั้งคำถามถึงความผิดปกติ ทำให้พรรคเพื่อไทยคิดขอแก้มืออีกครั้ง ผ่านสนามเลือกตั้งเมืองหลวง การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่พรรคเพื่อไทยตั้งความหวังมาตลอดตั้งแต่ยุคไทยรักไทย ที่ไม่เคยมีคนของตัวเองได้เข้าไปทำหน้าที่ตรงนี้เลย และคิดจะขอแก้มือมาโดยตลอด หมายมั่นปั้นมือจะต้องมีคนของพรรคเพื่อไทยเข้าไปทำหน้าที่ตรงนี้ให้ได้สักครั้ง  

        เริ่มมีการวางกลยุทธ์รองรับเอาไว้ กางปฏิทินคำนวณวันเลือกตั้งเอาไว้เป็นที่เรียบร้อย บรรดาคนในพรรคคาดการณ์หลังจากเลือกตั้งใหญ่ 24 มีนาคมเสร็จสิ้น จากนั้นราวๆ 90-120 วัน น่าจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.อย่างแน่นอน โดยสมาชิกในพรรคส่วนใหญ่พร้อมใจกันให้การสนับสนุน

        ชัชชาติ สิทธิพันธุ์!!!!

        เป็นตัวเลือกที่นาทีนี้มีความเหมาะสมมากที่สุด สำหรับ ชัชชาติ แล้ว ถือเป็นหนึ่งใน ขวัญใจอดีต ส.ส.กทม. ผู้สมัคร ส.ส.กทม. รวมไปถึง ส.ก. ส.ข. ที่ต่างเห็นพ้อง พร้อมใจพร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ว่ากันว่า ไม่เพียงรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.กทม.ที่ถูกเปิดออกมาเท่านั้น ยังมีการวางแผน เตรียมทีมงาน เตรียมทีมรองผู้ว่าฯ เริ่มมีการแบ่งงาน แบ่งทีมการทำงาน เตรียมการเอาไว้แต่เนิ่นๆ อีกด้วย

        ไม่เท่านั้นทางพรรคยังมองไปถึงคู่แข่งขันคนสำคัญ ที่ต่างอยากช่วงชิงในสนามเลือกตั้ง กทม.ที่ทั้งพรรคเพื่อไทย และ ชัชชาติ จะต้องเจอ ประกอบไปด้วย นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ที่มีแนวโน้มสูงจะได้ลงสมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์ นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าฯ กทม. ก็มีแนวโน้มจะลงสมัครในนามพรรคพลังประชารัฐ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ที่ถูกมองว่ามีความสนิทสนมแนบแน่นกับ กำนันสุเทพ-สุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมสนับสนุนพรรครวมพลังประชาชาติไทย แต่ บิ๊กวิน รอบหน้าขออาสามาแข่งขันด้วยตัวเองในนามผู้สมัครอิสระ นอกจากนี้ยังมีอีกคู่แข่งขันที่น่ากลัว

        ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ผู้สมัคร ส.ส.อนาคตใหม่ในพื้นที่ กทม.เรียกเสียงฮือฮาในสนามเมืองกรุง ประกอบกับพรรคก็มีท่าทีจะส่งผู้สมัครของพรรคลงแข่งขันเช่นกัน ซึ่งนาทีนี้อยู่ระหว่างกระบวนการสรรหาผู้สมัคร

        หลังจากโอกาสรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลเพื่อไทยลดน้อยถอยลง พรรคเลยต้องปรับโหมด ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลอย่างสร้างสรรค์ทั้งในและนอกสภาฯ หวังอานิสงส์ส่งผลไปถึงสนามเลือกตั้งเมืองกรุง ที่เพื่อไทยทั้งหวังล้างตา แก้มือไปพร้อมกัน.

       "แม้ในสนามเลือกตั้งใหญ่ พรรคเพื่อไทยจะแพ้ไปในหลายเขตที่คนในพรรคต่างตั้งคำถามถึงความผิดปกติ ทำให้พรรคเพื่อไทยคิดขอแก้มืออีกครั้ง ผ่านสนามเลือกตั้งเมืองหลวง การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่พรรคเพื่อไทยตั้งความหวังมาตลอดมาตั้งแต่ยุคไทยรักไทย"