ศาลจำคุกพ่อเลี้ยงโหด 26 ปี เมายาบ้ารำคาญเสียงร้องลูกเลี้ยงวัยแค่ 6 เดือน ใช้หมอนกดทับร่างจนขาดใจตายไปต่อหน้า เมียกลับเข้าบ้านรู้เรื่อง รักผัวมากกว่าลูก ช่วยซ่อนเร้นศพนำไปทิ้งในที่รกร้าง ต้องคำพิพากษาก่อนหน้านี้ จำคุก 2 ปี 3 เดือน
วันที่ 23 เมษายนนี้ ที่ห้องพิจารณา 905 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีความผิดต่อชีวิตหมายเลขดำ อย.4011/2561 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ฟ้องนายวิทวัส หรือกัส จิตธโนปจัย อายุ 23 ปี พ่อเลี้ยงโหดใช้หมอนทับลูกเลี้ยงจนสิ้นใจ ก่อนนำศพใส่ตะกร้าไปทิ้งปากซอยย่านห้วยขวาง เป็นจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 199, 288, 366/3 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 57, 91
กรณีเมื่อวันที่ 8 ก.ย.2561 เวลากลางคืน จำเลยจับเด็กทารกชายวัย 6 เดือนพลิกคว่ำหน้าลงกับพื้นเตียงแล้วนำผ้าห่มห่อคลุมร่างไว้ ก่อนนำหมอนวางทับผ้านวม แล้วนอนหนุนกดทับร่างเด็กทารกที่อยู่ใต้ผ้าห่มนาน 30 นาที โดยมีเจตนาฆ่าเด็กทารก จนถึงแก่ความตายเนื่องจากขาดอากาศหายใจ จากนั้นจำเลยกับ น.ส.กาญจนา ทศสว่าง มารดาของเด็กทารก ซึ่งแยกดำเนินคดี ได้ร่วมกันเคลื่อนย้ายศพ โดยนำศพใส่ตะกร้าเสื้อผ้า มีเสื้อผ้าวางปิดบังศพไว้ แล้วนำไปทิ้งบริเวณที่ดินรกร้าง ริมถนนประชาอุทิศ ซอยรัชดานิเวศน์ แยก 5 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กทม. เพื่อปิดบังการตาย นอกจากนี้ยังพบว่าจำเลยได้เสพเมตแอมเฟตามีน อันเป็นยาเสพติดประเภท 1 หรือยาบ้า โดยใช้ไฟลนแล้วสูดดมควันเข้าร่างกาย
จำเลยให้การรับสารภาพ และถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ศาลเบิกตัวจำเลยมาฟังคำพิพากษา
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า จำเลยให้การรับสารภาพว่าวันเกิดเหตุจำเลยอยู่กับผู้ตายเพียง 2 คนในห้องเช่า โดยผู้ตายร้องไห้เสียงดัง จำเลยเกิดความรำคาญ จึงใช้ผ้าห่มกดทับร่างของผู้ตายจนเสียชีวิตแล้ว เมื่อมารดาของผู้ตายกลับมาจึงเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ก่อนจะนำศพไปทิ้งยังที่ดินรกร้าง ริมถนนประชาอุทิศ ซอยรัชดานิเวศน์ แยก 5
โจทก์มี น.ส.กาญจนา เทศสว่าง มารดาของผู้ตายเบิกความเป็นพยานสอดคล้องกับคำรับสารภาพของจำเลย จึงเชื่อว่าคำให้การเป็นความจริง ไม่ใช่เพื่อปัดความผิด ประกอบกับผลตรวจศพของแพทย์ระบุว่าผู้ตายเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ สอดคล้องกับคำรับสารภาพของจำเลย ซึ่งหากจำเลยไม่ได้กระทำผิดคงไม่ทราบถึงสาเหตุการตาย พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักมั่นคง
การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฐานฆ่าผู้อื่น ให้จำคุกตลอดชีวิต ฐานซ่อนเร้นศพ จำคุก 2 ปี และเสพเมตแอมเฟตามีนจำคุก 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ฐานฆ่าผู้อื่น จากจำคุกตลอดชีวิตเปลี่ยนเป็นโทษจำคุก 50 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 25 ปี, ฐานซ่อนเร้นศพ จำคุก 1 ปี และฐานเสพเมตแอมเฟตามีนจำคุก 3 เดือน รวมจำคุกจำเลยไว้ทั้งสิ้น 26 ปี 3 เดือน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ น.ส.กาญจนา เทศสว่าง มารดาของผู้ตาย ถูกฟ้องแยกอีกสำนวนหนึ่ง เป็นคดีหมายเลขดำ อย.3635/2561 ในข้อหาช่วยให้ผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษหรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้นฯ, ร่วมกันซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย และโดยไม่มีเหตุอันสมควร, เสพเมตแอมเฟตามีนโดยผิดกฎหมาย โดยศาลได้มีคำพิพากษาว่า จำเลยมีผิดฐานช่วยให้ผู้อื่นได้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหายฯ จำคุก 4 ปี, ฐานเสพเมตแอมเฟตามีน จำคุก 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี 3 เดือน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |