23เม.ย.62-นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ว่า ที่ประชุมได้อนุมัติโยกย้ายผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) จำนวน 50 ราย แบ่งเป็น ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) 48 ราย และผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) 2 ราย และที่ประชุมยังเห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีการโอนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ผู้ดำรงตำแหน่งครูในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มาบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งครู เช่น โอนครูสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) มาอยู่สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เป็นต้น ซึ่งการดำเนินการเรื่องนี้ถือเป็นครั้งแรก เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีเกณฑ์การดำเนินการในลักษณะนี้มาก่อน เนื่องจากการโอนย้ายข้าราชการข้ามหน่วยราชการภายใน ศธ.และนำเข้าที่ประชุม ก.ค.ศ.พิจารณาเป็นรายกรณีไป  และเท่าที่ทราบที่ผ่านมามีการคัดเลือกกันเองก่อนหรือไม่ ซึ่งเราก็ไม่สามารถรู้ได้ ดังนั้นเมื่อหลักเกณฑ์นี้ออกมาจะทำให้ไม่มีการลักไก่เกิดขึ้น อีกทั้งจะมีการขึ้นบัญชีไว้และเลือกตามลำดับ ไม่เช่นนั้นก็จะเหมือนในอดีตมีการรับโอนมาไว้ก่อนล่วงหน้า

นพ.ธีระเกียรติ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้เห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีที่มีเหตุผลความจำเป็นพิเศษ จำนวน 4 กรณี ได้แก่ กรณีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีสัญญาผูกพันตามโครงการพิเศษ/นักเรียนทุนรัฐบาล การบรรจุในพื้นที่พิเศษ และความจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษอื่น ตามมาตรา 50 แห่ง พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 ที่ระบุว่า ในกรณีที่มีความจำเป็นหรือเหตุพิเศษที่ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาไม่สามารถดำเนินการสอบแข่งขันได้ หรือการสอบแข่งขันอาจทำให้ไม่ได้บุคคลต้องตามประสงค์ของทางราชการ โดย อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาอาจคัดเลือกวิธีอื่นได้ ซึ่งเกณฑ์ดังกล่าวจะรองรับ พ.ร.บ.พื้นที่นวัตกรรมการศึกษาฯ โรงเรียนร่วมพัฒนา (Partnership School) โรงเรียนจุฬาภรณ์ หรือแม้กระทั่งโรงเรียนตำรวจตะเวนชายแดน (ตชด.) โรงเรียนบนพื้นที่ห่างไกล   ซึ่งมีความต้องการคัดเลือกคนเก่งและครูเก่งที่มีความเชี่ยวชาญจริงๆ เพื่อมาใช้กับโรงเรียนเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม หลักเกณฑ์ดังกล่าวไม่ได้เป็นการคัดเลือกเอง แต่จะมีคณะกรรมการกลางของ คระกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) คัดเลือกจากนั้นจะเสนอมาที่ ก.ค.ศ.อนุมัติต่อไป  ทั้งนี้หลักเกณฑ์ดังกล่าวไม่ได้ห้ามสอบ แต่เมื่อเกณฑ์ที่มีอยู่เมื่อจัดสอบแล้วส่งผลให้เราไม่ได้คนในแบบที่เราต้องการก็ต้องใช้วิธีการคัดเลือกแบบพิเศษโดยไม่ได้กำหนดสัดส่วนแต่ดูตามสภาพของแต่ละพื้นที่