22 เม.ย.62 - ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ศาลนัดอ่านคำพิพากษาฎีกา คดีหมายเลขดำ 2054/2559 ที่พนักงานอัยการ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา อายุ 73 ปี อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และนายคัมภีร์ สมใจ อายุ 73 ปี อดีตผู้อำนวยการสำนักบริหารงานและทรัพยากรบุคคล สตง. เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
กรณีจัดให้มีการสัมมนาที่ จ.น่าน วันที่ 31 ต.ค. 2546 ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีการสัมมนากันจริง แต่จัดสัมมนาเพื่อให้ข้าราชการที่มีรายชื่อเข้ารับการสัมมนานั้น ได้ไปร่วมงานถวายผ้าพระกฐินพระราชทานที่จัดขึ้นในวันเดียวกันแล้วให้เบิกค่าเดินทาง ค่าที่พัก และค่าใช้จ่ายต่างๆ ในงบเดียวกัน 294,440 บาท ทำให้ สตง.เสียหาย ซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ชี้มูลความผิดคุณหญิงจารุวรรณ และนายคัมภีร์
โดยศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2558 ว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามมาตรา 157 ให้จำคุกคนละ 2 ปี โดยไม่รอการลงโทษ จากนั้นคุณหญิงจารุวรรณ และนายคัมภีร์ ได้ยื่นสมุดบัญชีเงินฝากคนละ 200,000 บาทขอปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์คดี
ขณะที่คดีได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ไปเมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2560 เห็นว่าพฤติการณ์บ่งชี้ตรงกันว่า การจัดและอนุมัติโครงการสัมมนากระทำไปเพื่อให้ข้าราชการ สตง. ไปร่วมการถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน และการทอดผ้ากฐินสามัคคี โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายด้วยตัวเอง แต่เบิกจ่ายงบประมาณ สตง. ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของส่วนราชการ พ.ศ.2545 โดยไม่มีการสัมมนาที่แท้จริง เป็นการเบิกจ่ายโดยไม่มีสิทธิทำให้ สตง.เสียหาย โดยจำเลยทั้งสองร่วมรู้เห็นตั้งแต่ต้นการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิด ตาม ม.157 ตามที่ศาลชั้นต้นพิพากษา อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ส่วนที่จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ว่า ควรลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษ เห็นว่าจำเลยทั้งสองรับราชการที่ สตง.มางานจนดำรงตำแหน่งระดับสูงนับว่าได้ทำคุณประโยชน์ให้กับราชการ ประกอบกับจำเลยทั้งสองมีอายุมากประมาณ 70 ปี มีเหตุควรปรานี ที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสอง คนละ 2 ปี จึงหนักเกินไป สมควรแก้ไขให้เหมาะสม จึงพิพากษาแก้โทษจำคุกเหลือ 1 ปีโดยไม่รอลงอาญาเช่นกัน
ขณะที่ระหว่างฎีกา คุณหญิงจารุวรรณและนายคัมภีร์ อดีต ผอ.สำนักบริหารงานและทรัพยากรบุคคล สตง. ได้ประกันตัวคนละ 200,000 บาท
ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลนัดฟังคำพิพากษาฎีกาครั้งแรก เมื่อวันที่ 30 ม.ค.62 แต่ได้เลื่อนอ่านคำพิพากษา เนื่องจากบุตรชายของนายคัมภีร์ ยื่นคำร้องแถลงว่าจำเลยมีอาการภาวะหัวใจล้มเหลว พร้อมนำใบรับรองแพทย์จากรพ.รามคำแหง และ รพ.พระมงกุฏเกล้า มาแสดงต่อศาลว่าจำเลยที่ 2 จะต้องรอผ่าตัดจะใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 2 เดือน ศาลจึงให้เลื่อนอ่านคำพิพากษามาในวันนี้ (22 เม.ย.)
โดยวันนี้คุณหญิงจารุวรรณ จำเลยที่ 1 มาศาล ซึ่งมีครอบครัว กลุ่มญาติ มาให้กำลังใจร่วมลุ้นผลคำพิพากษาด้วย พร้อมด้วยนายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป ก็เดินทางมาร่วมให้กำลังใจติดตามฟังคำพิพากษาด้วยเช่นกัน
ส่วน นายคัมภีร์ อดีต ผอ.สำนักบริหารงานและทรัพยากรบุคคล สตง. จำเลยที่ 2 ไม่มาศาล โดยมีบุตรชายและทนายความมาแทน โดยทนายความจำเลยที่ 2 แถลงต่อศาลพร้อมยื่นใบมรณบัตร ระบุนายคัมภีร์ จำเลยที่ 2 ได้เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2562 ที่ รพ.พระมงกุฎเกล้า ด้วยโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน โดยศาลสอบถามอัยการโจทก์แล้วไม่คัดค้าน ศาลจึงเห็นควรให้ส่งสำนวนกลับไปยังศาลฎีกา เพื่อให้พิจารณาแก้ไขคำพิพากษาต่อไป วันนี้จึงยังไม่อาจอ่านคำพิพากษาฎีกาได้ ให้เลื่อนการฟังคำพิพากษาคดีออกไปก่อน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |