เพื่อไทยประชุมใหญ่ โว ปชช.ยังไว้วางใจเป็นพรรคอันดับหนึ่ง "วิโรจน์" โทษอำนาจรัฐอำนาจเงินทำพลาดเป้า ส.ส. "เหนาะ" จวกเลือกตั้งสกปรกเจอรถ 10 คันมาปิดบ้าน ขู่ใครเป็นงูเห่า ปชช.จะลงโทษ "ภูมิธรรม" ยัน 7 พรรคจับมือกันหนักแน่น แต่เสียงอ่อยแม้เป็นฝ่ายค้านพร้อมทำงานเต็มที่ เตือน กกต.เอาใจใครบางคนจะไม่จบง่ายๆ สายอีสานเชียร์ "ไพจิต" ขับเคี่ยว "เฮียพงษ์" ชิงหัวหน้า "พปชร." โวพันธมิตรร่วมจัดตั้งรัฐบาลเริ่มชัดเจน แต่รอ กกต.รับรองผล ส.ส.ก่อน เมินจุดยืน "มิ่งขวัญ" อนค.ใจระทึก! กก.ตรวจสอบ "ธนาธร" ถือหุ้นสื่อนัดถก 22เม.ย.นี้ก่อนชง กกต.แจ้งข้อกล่าวหา
     ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) วันที่ 21 เมษายน พรรคเพื่อไทยจัดประชุมใหญ่ประจำปี 2562 โดยมีการพิจารณางบการเงิน รายงานผลการดำเนินการในรอบปีที่ผ่านมา แผนการดำเนินการในปีต่อไปตามระเบียบพรรค มีสมาชิกพรรค ว่าที่ ส.ส. แกนนำพรรค อาทิ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์, นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ, พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรค, นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค รวมทั้งพ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ได้เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ด้วย เช่นเดียวกับอดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ที่มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย เดินทางมาร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง 
    ขณะที่นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ว่าที่ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวว่าจะถูกดันเป็นหัวหน้าพรรคแทน พล.ต.ท.วิโรจน์ เพียงว่า “ผมไม่รู้อะไรสักอย่าง”
    ด้าน พล.ต.ท.วิโรจน์กล่าวว่า การประชุมในวันนี้ เป็นการประชุมที่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อรับรองกิจกรรมของพรรคการเมือง ผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค. ขอขอบคุณผู้สมัคร ส.ส. กรรรมการบริหารพรรค เจ้าหน้าที่พรรค ที่ช่วยกันดำเนินงานให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย แม้ผลการเลือกตั้งไม่เป็นไปอย่างที่ตั้งไว้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากอำนาจรัฐ อำนาจเงิน ที่เราต้องเผชิญอยู่ แต่ผลที่ออกมาก็เป็นที่น่าพอใจ ที่เรามีว่าที่ ส.ส.จำนวนมากเป็นอันดับหนึ่ง
    นายภูมิธรรมกล่าวว่า แม้เรายังไม่ทราบผลการเลือกตั้งที่ชัดเจน แต่เวลานี้จะต้องตั้งตัวแทนพรรคประจำจังหวัดให้ครบ 77 จังหวัด ทั้ง  250 เขตเลือกตั้ง จากเดิมที่เรามีเพียง 50 จังหวัด เพื่อเตรียมพร้อมรับมือหากมีเหตุการณ์ทางการเมืองเกิดขึ้น ก็พร้อมส่งผู้สมัครลงครบทุกเขต การเลือกตั้งที่ผ่านมาเป็นปัญหา อุปสรรคและผลการเลือกตั้งยังไม่เกิดขึ้น เราได้ประสานงานกับองค์กรหน่วยงานอื่นทั้งเอ็นจีโอ ภาคประชาชน ที่สังเกตการณ์เลือกตั้งทั้งหมด ขณะนี้มีตัวเลขหน่วยเลือกตั้งทั้งหมดกว่า 8 หมื่นหน่วย แต่ยังต้องการให้รัฐบาลและคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ประกาศหน่วยเลือกตั้งให้ชัดเจน เพราะเมื่อลงไปในรายละเอียดแล้วจะพบว่ามีหลายพื้นที่ยังเป็นปัญหา กระบวนการที่เกิดขึ้นขณะนี้มีความซับซ้อนมากไปกว่าเดิม เป็นขบวนการที่ดำเนินการโดยมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง
    ต่อมาเวลา 12.00 น. หลังประชุมใหญ่สามัญประจำปีเสร็จสิ้น ได้เปิดให้สมาชิกพรรค ว่าที่ ส.ส. พรรค ได้รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ในพรรคเนื่องในโอกาสวันสงกรานต์ อาทิ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์, นายเสนาะ เทียนทอง, คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์, นายชัยเกษม นิติสิริ และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง 
    นายเสนาะกล่าวตอนหนึ่งว่า "ทำการเมืองมากว่า 40 ปี ไม่เคยมีครั้งไหนสกปรกเท่าครั้งนี้มาก่อน เอารถ 10 กว่าคันมาปิดบ้าน ทำแบบนี้ได้อย่างไร ขอเตือนคนที่คิดจะเป็นงูเห่า ถ้าไปจะถูกประชาชนลงโทษ เขาจะไม่เอา ผมรังเกียจงูเห่า"
    จากนั้นนายภูมิธรรมแถลงว่า ที่ประชุมประเมินสถานการณ์ทางการเมืองพรรคยังเป็นพรรคที่ประชาชนมอบความไว้วางใจให้เป็นพรรคอันดับหนึ่ง ได้ที่นั่ง ส.ส.มากที่สุด ยืนยันจะรักษาความไว้วางใจของประชาชน และต้องรักษาประเพณีการปกครองที่พรรคอันดับหนึ่งมีสิทธิอันชอบธรรมได้จัดตั้งรัฐบาล แต่ขณะนี้มีความพยายามใช้โอกาสนี้สร้างความพร้อมในการจัดตั้งรัฐบาลที่เป็นกระบวนการฝ่าฝืน ไม่เคยมีพรรคที่ได้อันดับสองจัดตั้งรัฐบาลและการอ้างคะแนนป๊อปปูลาร์ ถือว่าเป็นการอ้างที่เลื่อนลอย ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันถูกออกแบบให้รัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น จะนำไปสู่ปัญหาปากท้องของประชาชน 
7 พรรคยังเหนียวแน่น
     เลขาธิการพรรค พท.กล่าวว่า เราให้คณะทำงานชุดต่างๆ ของพรรคเดินหน้าเต็มที่ หลังประกาศผลการเลือกตั้งเราพร้อมเป็นรัฐบาล แต่ถ้าไม่ได้เป็นรัฐบาลจะทำหน้าที่ยืนยันจุดยืนเพื่อหาทางแก้ปัญหาให้กับประชาชนอย่างเข้มแข็ง รัฐธรรมนูญถือเป็นอุปสรรคสำคัญที่ต้องแก้ทั้งฉบับ โดยจะต้องพิจารณาระบบกระบวนการได้มาซึ่งอำนาจ กลไกการตรวจสอบทั้งระบบ  
    นายภูมิธรรมกล่าวถึงการเสนอเรื่องรัฐบาลแห่งชาติว่า เป็นข้อเสนอที่ลัดขั้นตอน ไม่สมบูรณ์ ยังเชื่อว่าถ้ากระบวนการต่างๆ ทำงานเต็มที่จะไปได้ พรรคการเมือง 7 พรรคที่ไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจยังมีความแข็งแรงในการจับมือกันยังหนักแน่นในสิ่งที่เราประกาศว่าไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ แต่จะสืบทอดเจตนารมณ์ของประชาชน หากจะฝืนแย่งชิงอำนาจไปเพื่อกลุ่มของตน ก็ต้องใช้กระบวนการนอกรัฐธรรมนูญ จะด้วยการซื้องูเห่า งูจงอาง หรืองูเขียวก็ตาม เป็นวิธีการที่ไม่สง่างาม และสร้างกระบวนการที่น่ารันทดให้กับระบอบประชาธิปไตย หากใครทำเช่นนั้น จะมีผลต่อการตัดสินใจของประชาชนวันข้างหน้า พรรคใดที่ตัดสินใจใช้วิธีการแบบนี้ ประชาชนจะได้เห็นเจตนาที่แท้จริงในการสืบทอดอำนาจ 
    “ถ้า กกต.ประกาศผลอย่างมีเหตุผลก่อนวันที่ 9 พ.ค. ทุกอย่างก็จบ แต่ถ้ายืนยันเอาใจใครบางคน มันจะไม่จบง่ายๆ หากเป็นแบบนั้น กกต.ต้องมีความกล้าหาญมากที่จะต้องเผชิญกับทุกอย่างที่จะเกิดขึ้น วันนี้ไม่ว่าฝ่ายไหนจะได้จัดตั้งรัฐบาล รัฐบาลที่ออกมาจะไม่มีเสถียรภาพ จึงขอให้สมาชิกอยู่กับประชาชนเตรียมความพร้อม หากมีสถานการณ์อะไรที่เปลี่ยนแปลงไป” นายภูมิธรรมกล่าว
     ผู้สื่อข่าวถามถึงข่าวการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค  นายภูมิธรรมกล่าวว่า เรายังไม่คิดไปไกลขนาดนั้น ตอนนี้ผลการเลือกตั้งยังไม่ทราบ เราต้องรอให้ กกต.ทำหน้าที่ของตัวเอง ถ้าเป็นไปตามกระบวนการทุกอย่างจะเดินได้ และรู้ว่าใครจะได้เป็นรัฐบาล รวมถึงตัวผู้นำฝ่ายค้านก็จะเลือกในช่วงเดือน ก.ค. ถ้าเรามาคิดเรื่องการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค ก็เท่ากับเรายอมแพ้ วันนี้เราจึงให้ความสำคัญกับการจัดตั้งรัฐบาลก่อน
    เมื่อถามว่า หากวันที่ 9 พ.ค. กกต.ไม่สามารถประกาศรับรองผลการเลือกตั้งได้ พรรคเพื่อไทยจะดำเนินการอย่างไร นายภูมิธรรมกล่าวว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นถือว่า กกต.กล้าหาญมาก กกต.ก็ต้องพร้อมเผชิญกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น เพราะเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของ กกต. วันนี้มีแต่คนต้องการให้ กกต.ทำทุกอย่างให้ชัดเจน หากยังทำไม่ได้ก็ควรพิจารณาตัวเองว่าความบกพร่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นอยู่ในส่วนที่ต้องรับผิดชอบอย่างไร
    นายสุทิน คลังแสง ว่าที่ ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้พรรคเพื่อไทยและพรรคพันธมิตรรวมทั้งสิ้น 7 พรรคการเมืองยังมั่นคง ไม่แตกแถวล้านเปอร์เซ็นต์ ตัวเลข ส.ส.ทั้งหมดที่รวมเสียงได้ 255 คน แต่สิ่งที่น่ากังวลคือ ความพยายามจากบางฝ่ายที่จะทำให้จำนวน ส.ส.ลดลง แต่พรรคเท่าเดิม เห็นได้จากที่มีบางคนไปยื่นให้ตรวจสอบผู้สมัคร ส.ส.ว่าที่ ส.ส.เรื่องการถือครองหุ้นสื่อการไปยื่นยุบพรรคเศรษฐกิจใหม่ ถือเป็นกระบวนการของดิ้นอีกฝ่ายยอมรับว่าวิตก เพราะไม่มีความมั่นใจต่อ กกต. แต่ก็ยังเชื่อว่า กกต.คงไม่กล้าอะไรที่มั่วๆ คงไม่อยากทำให้เกิดวิกฤตศรัทธาต่อองค์กรไปอีก
    เมื่อถามถึงกระแสข่าวหากพรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านจริง ต้องสรรหาผู้นำฝ่ายค้านที่เป็น ส.ส. รวมไปถึงเรื่องเปลี่ยนหัวหน้าพรรค นายสุทินกล่าวว่า คงเป็นการพูดคุยของสมาชิกพรรคบางส่วน ในเรื่องของผู้นำฝ่ายค้าน เมื่อดูจากผู้ที่เป็น ส.ส.มีผู้ที่มีความเหมาะสมหลายคน นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ขณะที่ในภาคอีสาน นายไพจิต ศรีวรขาน ว่าที่ ส.ส.นครพนม ถือว่ามีความเหมาะสมเช่นกัน เช่นเดียวกับว่าที่ ส.ส.ในภาคกลาง ภาคเหนือ อีกหลายคน แม้จะไม่ได้อาวุโสมากนัก แต่ก็มีความเหมาะสม ทำงานในสภามานาน
บี้ศาลไม่รับคำร้อง กกต.
    “สำหรับเรื่องประธานสภาฯ จริงๆ ไม่ควรเกิดการแย่งชิงกัน โดยยึดจากธรรมเนียมปฏิบัติ มารยาทการเมืองต้องให้พรรคที่ได้ ส.ส.มากที่สุด เป็นผู้คัดเลือก จะยึดเอาคะแนนป๊อปปูลาร์โหวต มาใช้สิทธิ์เลือกไม่ได้ ตำแหน่งประธานสภาฯ มีความสำคัญ พรรคยังไม่ได้วางตัวใครเป็นพิเศษ เพราะต้องรอความชัดเจน หลังวันที่ 9 พ.ค. หลังจาก กกต.รับรอง ส.ส.เสียก่อน เพื่อที่จะได้รู้ถึงจำนวน ส.ส.แต่ละพรรคอย่างชัดเจน”นายสุทินกล่าว  
     นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักษาชาติ เปิดเผยว่า วันที่ 22 เม.ย. เวลา 10.00 น. จะไปยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ไม่รับพิจารณาวินิจฉัยคำร้องของ กกต.ที่ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า กกต.จะสามารถดำเนินการคำนวณหาจำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 มาตรา 128 ที่การคิดคำนวณดังกล่าวอาจทำให้พรรคการเมืองบางพรรคที่มีจำนวน ส.ส. ที่จะพึงมีได้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยต่อ ส.ส.หนึ่งคนได้จำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อหนึ่งคนได้หรือไม่ และการดำเนินการดังกล่าวชอบด้วยรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 91 หรือไม่ เนื่องจากเห็นว่ากรณีดังกล่าวอาจเข้าลักษณะเป็นการขอคำปรึกษา ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยไว้ในคำสั่งที่ 1/2561 ลงวันที่ 26 ม.ค.2561 ซึ่งศาลเห็นว่า ตามคำร้องของ กกต.ยังเป็นเพียงข้อสงสัย ข้อหารือ หรือการคาดการณ์ว่าอาจจะเกิดปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของ กกต. คำร้องของ กกต. จึงไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัย
     "หากพิจารณาตามคำวินิจฉัยของคำสั่งที่ 1/2561 จึงควรมีคำสั่งต่อคำร้องของ กกต. กรณีขอให้วินิจฉัยเรื่องการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ด้วยการไม่รับคำร้องของ กกต.ไว้พิจารณาวินิจฉัย" นายเรืองไกรกล่าว 
    น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า พรรคที่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ พยายามให้ข่าวรายวันว่าพรรคตนจะเป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล โดยจะสนับสนุนการสืบทอดอำนาจทหารต่อไป แต่สังเกตหรือไม่ว่าทำไมทุกกลุ่มทุกพรรคที่ถูกปล่อยข่าวว่าจะมีงูเห่า ขัดมติพรรคและสัญญาประชาคมที่ให้ไว้กับประชาชนในช่วงหาเสียง เพื่อมาสนับสนุนการสืบทอดอำนาจต่างออกมาปฏิเสธกันซ้ำแล้วซ้ำอีก แสดงว่ากระแสสังคมส่วนใหญ่ปฏิเสธการสืบทอดอำนาจรุนแรง ว่าที่ ส.ส.ที่ลงพื้นที่สัมผัสอารมณ์ร่วมของสังคมได้ และทุกคนรู้ว่าถ้าคิดจะอาสาเป็นผู้แทนราษฎรต่อ คงไม่มีใครกล้าเอาอนาคตตนเองมาทิ้งด้วยการขืนกระแสสูงของสังคม
    “ขอเตือนพรรคสนับสนุนการสืบทอดอำนาจ นายทุนพรรค และพวกผู้เฒ่าที่อยากอยู่ยาวว่า เผื่อใจไว้ด้วยว่าอะไรที่หวังอาจไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง การลงทุนซื้องูเห่าอาจเป็นการลงทุนที่สูญเปล่าสำหรับผู้ลงทุน อะไรที่คิดว่าแน่นอนอาจไม่ใช่ความแน่นอน ใครก็ตามที่กระทำการบิดพลิ้วสัญญาประชาคม จะไม่ได้สิ่งที่คาดหวัง ที่มั่นใจทึกทักเอาเองว่ากติกาที่สร้างขึ้นมาเพื่อการสืบทอดอำนาจของผู้ร่าง อาจจะเป็นบูมเมอแรงที่สะท้อนกลับหาคณะที่อยากอยู่ยาวเอง" น.ส.เกศปรียากล่าว 
พันธมิตร พปชร.ชัดเจน
     นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานยุทธศาสตร์กรุงเทพฯ ของพรรค เปิดเผยว่า ระหว่างนี้ที่พรรคการเมืองต่างๆ กำลังรอ กกต.รับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ เพื่อเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลนั้น ทีม กทม.ของพรรคได้เตรียมเดินหน้านโยบายที่หาเสียงไว้กับประชาชน ซึ่งเป็นนโยบายที่ทำได้จริง ไม่เพ้อฝัน และจะทำทันที เพื่อแก้ไขปัญหาให้ชาว กทม. โดยจะเร่งเดินหน้า 3 นโยบายหลัก 1.แก้ไขปัญหาการจราจรติดขัด 2.นโยบาย 50 เขต 50 สวนสาธารณะ เพิ่มปอดให้กรุงเทพฯ และ 3.นโยบายพัฒนาตลาดใน กทม.ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ส่วนนโยบายใหญ่ของพรรค ก็ได้เตรียมความพร้อมไว้เป็นอย่างดี หากได้มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล ก็จะเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายในทันที
    เขาบอกว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าหลังการเลือกตั้งครั้งนี้ประเทศไทยจะได้รัฐบาลผสมจากหลายพรรค ซึ่งทุกพรรคต่างมีนโยบายเป็นของตัวเอง ดังนั้นหากพรรค พปชร.ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็จะต้องหารือกับพรรคร่วม เพื่อผนวกและปรับนโยบายของพรรคการเมืองต่างๆ ให้เดินหน้าไปด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่ง พปชร.มั่นใจจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่ถึงกระนั้นต้องรอให้ กกต.รับรองผลการเลือกตั้งเสียก่อน ทุกอย่างถึงจะมีความชัดเจน เพราะขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนในหลายเรื่อง เช่น การแจกใบเหลือง ส้ม แดง การนับคะแนนใหม่และเลือกตั้งใหม่ในหลายหน่วย รวมถึงสูตรการคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ
    "ขณะนี้พันธมิตรที่จะร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรค พปชร.นั้น มีความชัดเจนในระดับหนึ่ง ซึ่งไม่ผิดจากที่สื่อมวลชนได้รายงานไปแล้วเป็นระยะๆ แต่ความชัดเจนทั้งหมดจะเกิดขึ้นภายหลังวันที่ 9 พ.ค.นี้แน่นอน" 
    ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคเศรษฐกิจใหม่ของนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ประกาศจุดยืนไม่ร่วมรัฐบาลกับพปชร. จะทำให้รวมเสียงลำบากหรือไม่ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า เราไม่ก้าวก่าย แต่ให้เกียรติจุดยืนของพรรคอื่น เพราะทุกพรรคต่างมีอุดมการณ์ทางการเมืองของตัวเอง จึงเป็นสิทธิ์ที่จะแสดงจุดยืนตามความคิดเห็น และเรายังไม่ด่วนสรุปว่าขณะนี้พรรคการเมืองใดได้จำนวน ส.ส.เท่าใด เพราะ กกต.ยังไม่รับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ตัวเลขจึงยังไม่ชัดเจน แต่ยืนยันว่า พปชร.ไม่ได้ประโยชน์ใดๆ จากการทำงานของ กกต.ของหน่วยงานรัฐ
    ในการจัดงาน "พันธุ์บุรีรัมย์" หรืองานวันกัญชาโลก ที่สนามแข่งรถช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต ซึ่งมีการประชุมเวทีเสวนาเพื่อจัดทำข้อเสนอเพื่อการพัฒนาเรื่อง "กัญชงและกัญชาพืชเศรษฐกิจการแพทย์และสังคมในอนาคต" และสะท้อนกัญชาเสรี โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เข้าร่วมรับฟังข้อมูล และรับข้อเสนอจากหน่วยงาน ภาคี เครือข่ายต่างๆ อาทิ สภาการแพทย์แผนไทย,  สภาเกษตรกร เพื่อนำไปขับเคลื่อนนโยบายกัญชาเสรี ของพรรคภูมิใจไทยต่อไป    
กกต.จ่อฟัน"ธนาธร"
    นายอนุทินกล่าวบนเวทีตอนหนึ่งว่า ตนและว่าที่ส.ส.วันนี้ต้องมารับรองและพยายามเข้าไปผลักดันกฎหมายในสภาไปต่อสู้กัญชาเสรีเกิดขึ้น และถ้าพรรคที่จะร่วมรัฐบาลไม่เอานโยบายกัญชาเสรี พรรคภูมิใจไทยจะเป็นฝ่ายค้าน และจะค้านจนกว่ากัญชาเสรีจะได้รับการผลักดันนโยบายกัญชาเสรี และถ้าเราทำไม่ได้ งวดหน้าพวกเราเป็นอดีต ส.ส.หมด ลงสมัครไม่ได้แล้ว เพราะเราได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ส.ส.ที่เราได้ทั้งหมดกว่า 50 คน รู้เลยว่ากัญชาพาพวกเราเข้าสภา ดังนั้นต้องรับกฎหมายกัญชาเสรีที่เราร่างไว้เรียบร้อยแล้ว
    วันเดียวกัน สำนักข่าวอิศรา w ww.isranews.org รายงานว่า จากการนำเสนอข้อมูลกรณีการโอนหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ระหว่างนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ภรรยา กับนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดา มาอย่างต่อเนื่อง โดยหนังสือตราสารโอนหุ้นที่นายธนาธรนำมาชี้แจงระบุว่า โอนหุ้นเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 ขณะที่เอกสารจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า มีการแจ้งโอนหุ้นดังกล่าวเมื่อวันที่ 21 มี.ค.2562 ทั้งนี้ ตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 98 (3) และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 มาตรา 42 (3) บัญญัติว่า ห้ามมิให้ผู้สมัคร ส.ส. เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดนั้น 
    ขณะที่มีรายงานข่าวจากสำนักงาน กกต. แจ้งว่า นับตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย.2562 ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการ กกต. มีมติตั้งคณะกรรมการช่วยตรวจสอบสำนวนเพื่อดำเนินการสืบสวนหรือไต่สวน กรณีการกล่าวหานายธนาธร ว่ามีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ ในวันที่ 22 เม.ย.2562 นี้ คณะกรรมการช่วยตรวจสอบฯ ดังกล่าว ที่มีนายวินัย ดำรงค์มงคลกุล เป็นประธาน จะมีการนัดหมายประชุมคณะกรรมการฯ และคาดว่าภายหลังการประชุม จะมีความเห็นอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อนำเสนอ กกต. ซึ่งจะพิจารณาเรื่องนี้ ในวันอังคาร 23 เม.ย.นี้ ถ้า กกต.เห็นว่าข้อกล่าวหามีมูล จะทำหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาเพื่อให้นายธนาธรมาชี้แจงต่อไป  โดยกรอบการทำงานเบื้องต้นคาดว่าจะทำให้เสร็จก่อนวันที่ 9 พ.ค.2562 หรือก่อนวันประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ แต่ถ้าเอกสารหรือหลักฐานมีจำนวนมากอาจขยายระยะเวลาได้.