ข้าวแช่...กับความเป็นไทยๆ


เพิ่มเพื่อน    

                                                           (1)

        ร้อนๆ อย่างนี้...ถ้าหากได้ ข้าวแช่ ซักหนึ่งสำรับ น่าจะเป็นอะไรที่ช่วยให้สดชื่น รื่นเริง ขึ้นมาได้ไม่น้อย ยิ่งถ้าหากเป็นข้าวแช่ประเภทชาววง ชาววัง ที่เต็มไปด้วยการประดิษฐ์ ประดอย แกะโน่น แกะนี่ ผสมโน่น ผสมนี่ ชนิดสุดแสนจะวิลิศมาหราด้วยแล้ว ยิ่งเป็นอะไรที่นอกจากจะ ดูดี ยังช่วยเพิ่มความซี้ดๆ ซ้าดๆ ซู้ดๆ ซ้าดๆ ระดับประทับลิ้น ประทับใจ มิมีวันรู้ลืม...

                                                       (2)

        สำหรับผู้ที่คิดประดิษฐ์ คิดค้น ข้าวแช่ ขึ้นมานั้น...ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม แต่คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ว่า...ช่างเป็นอะไรที่ ครีเอทีฟ ไอเดีย ซะเหลือเกิน คือเป็นอะไรที่เหมาะสม สอดคล้อง กลมกลืน กับสภาพอากาศ โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อน ฤดูร้อนเมืองไทย ที่น่าจะตับแลบ ม้ามแลบ มาตั้งแต่ครั้งบรรพกาล ตั้งแต่รุ่นปู รุ่นย่า รุ่นโคตรเหง้าสักหลาดโน่นเลย การนำเอาข้าวร้อนๆ ในหม้อ ในไห คดใส่ในถ้วยแก้ว ชามแก้ว แล้วรินรดน้ำดอกมะลิ หรือน้ำกุหลาบ ที่ทั้งเย็นฉ่ำ ทั้งหอมหวน ด้วยกลิ่นมะลิ กลิ่นกุหลาบ ระเหยออกมาบางๆ แค่นี้ก็ โฟร์เอสสร้างสรรค์ พอสมควรแล้ว...

                                                       (3)

        แต่ด้วยเหตุเพราะความรุ่มร้อน อบอ้าว ของดิน-ฟ้า-อากาศ ที่มันคงไม่เอื้ออำนวยต่อการสวาปาม หรือการเจริญอาหารมากมายซักเท่าไหร่ แทนที่จะยกเอาปลาทั้งตัว หรือขาหมู ขาวัว ทั้งขา มายัดเยียดให้ต้องท้องเฟ้อ เรอเปรี้ยวเอาง่ายๆ ใครก็ไม่รู้???...รายที่เป็นผู้ประดิษฐ์ คิดค้น ข้าวแช่ ท่านกลับอาศัยความละเอียด ประณีต นุ่มนิ่ม นุ่มนวล และสุดแสนฉลาด บิเอากะปิก้อนเท่าปลายนิ้วก้อย มาคั่วแห้ง คั่วแข็ง ยังไงก็มิอาจทราบได้ มาเรียงเอาไว้ซักสี่ก้อน ห้าก้อน ภายในจานแก้ว ตามด้วยการเอาเนื้อปลากระเบน ที่ถูกฉีกไว้เป็นริ้วๆ ฝอยๆ ผัดกับน้ำหวาน น้ำตาล ซะจนเหนียวเหนอะหนะ มาวางเคียงเอาไว้อีกหนึ่งหย่อม ตัดรสเค็มของกะปิ ด้วยรสหวานของปลากระเบนเชื่อมน้ำตาล ชนิดลงตัวเป็นอย่างยิ่ง...

                                                     (4)

        แล้วยังมีไอ้โน่นนิด ไอ้นี่หน่อย อีกเยอะแยะมากมาย ไม่ว่ามะม่วงมันที่เอามาแกะสลักเป็นรูปดอกไม้ ใบไม้ เปรี้ยวๆ มันๆ ช่วยแก้เลี่ยน แก้เอียน ได้เป็นอย่างดี แล้วอะไรต่อมิอะไรอีกสารพัด สารพัน ที่แทบจำไม่ได้ซะแล้ว ถูกจัดเรียงเอาไว้รับประทานกับข้าวหอมๆ เย็นๆ จนไม่ว่าจะร้อนแสนร้อนซักเพียงไหร แต่สุดท้าย...ก็สามารถ เจริญอาหาร ได้เป็นอย่างดี ใครที่เคยมีโอกาสไปรับประทาน ข้าวแช่ ที่ร้านอาหารเก่าแก่ ชื่อร้าน ดรรชนี ตรงข้ามวัดตรีทศเทพ ร้านของน้องสาวอาจารย์ ลิขิต หงษ์ลดารมภ์ ที่ไม่รู้ทุกวันนี้จะยังอยู่ หรือไม่อยู่ ก็มิอาจทราบได้ เพราะไม่มีโอกาสได้ผ่านไปแถวนั้นมานานแล้ว น่าจะยังพอจดจำความประทับลิ้น ประทับใจ ได้ไม่ยาก...

                                                      (5)

        อันนี้นี่แหละทั่น...อาจเรียกได้ว่า ถือเป็นส่วนหนึ่ง หรือเป็นองค์ประกอบเล็กๆ สำหรับสิ่งที่เรียกว่า ความเป็นไทยๆ คือความสามารถในการดัดแปลง จับไอ้นั่น มาผสมกับไอ้นี่ เพิ่มไอ้นั่น ลดไอ้นี่ จนเกิดความ ลงตัว ทั้งกับสภาพตัวตนของตน สภาพแวดล้อมสังคม ไปจนถึงสภาพความเป็นไปของดิน-ฟ้า-อากาศ เอาเลยก็ยังได้ ซึ่งก็ไม่ได้มีแต่เฉพาะ ข้าวแช่ เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการต้ม ยำ ทำแกง ทอด ผัด หรืออะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ พี่ไทยท่านสามารถดัดแปลงเมนูแขก เมนูเจ๊ก เมนูฝรั่ง ฯลฯ ให้กลายเป็นเมนูแบบไทยๆ ได้อย่างลงตัวเป็นอย่างยิ่ง ส่งผลให้ ไทยฟู้ด หรือ อาหารไทย กลายเป็นที่ถูกปาก ถูกใจ ของฝรั่งมังค่า แขก เจ๊ก จีน จาม จนกลายเป็นส่วนหนึ่งและส่วนสำคัญของ วัฒนธรรมไทย ที่ดึงดูดคนต่างบ้าน ต่างเมือง อดไม่ได้ที่จะต้องเดินทางมาเยือน มาลองลิ้ม ชิมรส อาหารไทย ชนิดประเทศไทยกลายเป็นประเทศติดอันดับต้นๆ ของแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกไปแล้ว...

                                                      (6)

        การใคร่ครวญ สังเกต และพิจารณาถึงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้นี่แหละ...ที่อาจพอช่วยให้บรรดาเราๆ-ทั่นๆ ทั้งหลาย ไม่ถึงกับต้องเกลียดชาติ ชังชาติ มากมายเกินไปนัก แม้ว่าสิ่งที่เรียกว่า ความเป็นไทย มันอาจมีอะไรที่เอ้อเร้อ เอ่อเต่อ ไม่ค่อยเข้าท่า เข้าทาง หรืออาจจะ เชยซ์ซ์ซ์ๆ อยู่บ้าง แต่ส่วนที่น่ารัก น่าใคร่ น่าประทับใจ มันก็มีอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย และถ้าหากเราแยกแยะส่วนดีและส่วนไม่ดีออกจากกัน อะไรที่ไม่ดีก็หาทางปรับ หาทางแก้ ให้มันดูดีขึ้นมามั่ง เช่นเรื่องของความมีวินัย หรือความไม่คิดจะ ทำอะไรตามใจคือไทยแท้ อะไรทำนองนั้น ส่วนอะไรที่ดีไม่เพียงแต่ต้องรักษา หวงแหน แต่ยังต้องหาทางยกระดับให้มันดีๆ ยิ่งๆ ขึ้นไป ไปจนกระทั่ง ความเป็นไทย กับ ความเป็นธรรม กลายเป็นอันหนึ่ง อันเดียวกัน หรือเป็น คนละเรื่องเดียวกัน ไปจนได้ อันนั้นนั่นแหละ ถึงจะถือว่าเป็นอะไรที่สุดยอดเอามากๆ...

                                                         (7)

        ยิ่งถ้าหากเป็นเรื่องของ การเมือง-การปกครอง อันมีผลกระทบต่อผู้คนในวงกว้าง หรือแทบจะถ้วนทั่วทุกตัวคน ยิ่งต้องพยายามหันไปอาศัยสิ่งที่เรียกว่า ความเป็นธรรม และ ความเป็นไทย เอามาผสมให้มัน ลงตัว ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ อะไรที่มันฝรั่งไป เลี่ยนเกินไป ไม่ถูกปาก ถูกลิ้นคนไทยซักเท่าไหร่ ก็คงต้องหาทางดัดแปลงมันไว้ซะมั่ง ส่วนอะไรที่มันเลอะเทะ เละเทอะ ออกอาการ ทำอะไรตามใจคือไทยแท้ ก็จับเอามาคั่วแบบกะปิคั่ว เติม ความเป็นธรรม ลงไป เพื่อให้มันเกิดความมีวินัย ความอดทน อดกลั้น จนสามารถวางเรียงเอาไว้ในจานได้อย่างสวยสดงดงาม ไม่ว่าจะเป็นความเปรี้ยว ความหวาน ความเค็ม ความมัน สามารถรวมตัวกันเป็น ข้าวแช่ หนึ่งสำรับ สร้างความสดชื่น รื่นเริง ให้กับผู้คนที่กำลังรุ่มๆ ร้อนๆ เพราะอากาศ ไม่ให้ต้องร้อนเพราะ การเมือง จนอาจต้องตับแลบ ม้ามแลบ กันไปทั้งประเทศอีกจนได้...

                              -----------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"