พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่เห็นด้วยกับเค้าโครงการเศรษฐกิจดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง โดยเห็นว่าเป็นเศรษฐกิจระบอบคอมมิวนิสต์ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ประเทศที่ ๒ รองจากประเทศรัสเซีย และอาจเป็นหนทางให้ประเทศต่างๆ หาทางบุกรุกครอบครองประเทศไทย เพื่อมิให้เป็นคอมมิวนิสต์ ซึ่งพระองค์ได้มีบันทึกพระบรมราชวินิจฉัยคัดค้านไม่เห็นด้วยหลายประเด็น ดังนี้
"...การจัดการบำรุงเศรษฐกิจนั้นก็ดีแล้ว แต่ความในหมวดนี้ข้าพเจ้าไม่มีความเห็นพิสดาร นอกจากข้อสำคัญมีอยู่เพียงว่าถ้าจะทำได้ตามโครงการเศรษฐกิจนี้เมื่อใด ขอให้จัดการให้ราษฎรได้เป็นผู้เลือกที่จะใช้การเศรษฐกิจดังนี้จริงๆ คือขอให้ฟังเสียงราษฎรจริงๆ อย่าได้หักโหมบังคับเอาโดยทางอ้อมหรือทางใดทางหนึ่งให้ออกเสียงเห็นด้วยเลย ขออย่าโกรธราษฎรถ้าเขาพากันออกเสียงว่าไม่ชอบด้วยวิธีเหล่านี้ ซึ่งย่อมทำให้เกิดความไม่พอใจแก่พวกของผู้เขียนแน่นอน และอย่าได้ว่าราษฎรนั้นถือทิฐิมานะงมงาย หรือเป็นอุบาทว์กาลีโลก...
ข้าพเจ้าขอกล่าวว่าราษฎรของเรา ตลอดจนชนชั้นคนขอทานยังมิได้ปรากฏเลยว่าอดตาย คนที่อดตายจะมีก็แต่คนที่กลืนไม่ลงเพราะความเจ็บไข้เท่านั้น แม้แต่สุนัขตามวัดก็ปรากฏยังไม่มีอดตาย แม้แต่ในปีน้ำท่วม พ.ศ.๒๔๖๐ ผู้เขียนยังกล่าวเองในเค้าโครงเศรษฐกิจภาค ๒ ว่าไม่ราษฎรที่จะอดตาย เพราะมีข้าวเพียงพอที่จะแจกกันกินและยังมีเหลือเอาไปจำหน่ายยังต่างประเทศเสียด้วยซ้ำ
ความอดอยากแร้นแค้นนี้ย่อมแล้วแต่ตราชูอะไรชั่งเป็นเครื่องวัด ที่ได้รับเงินเดือน ๒๐๐ บาทก็นับว่าอดอยากแร้นแค้นก็ได้ ถ้าเทียบการกินอยู่กับผู้ได้รับเงินเดือนๆ ละพันบาท...รายงานของชาวต่างประเทศถึงฐานะทางเศรษฐกิจของประเทศไทยกับรัสเซียว่ายังดีกว่าประเทศรัสเซียในหลายๆ ด้านด้วยกัน อีกทั้งรายได้และฐานะการกินอยู่ของราษฎรไทยนั้นสูงกว่าราษฎรชาติอื่นๆ ทั้งหมดเป็นข้อสนับสนุน...
การตั้งธนาคารแห่งชาตินั้น จะสำเร็จได้ดีหรือไม่นั้น ย่อมแล้วแต่ราษฎรจะเชื่อธนาคารนี้แค่ไหน ถ้ารัฐบาลดำเนินการค้าขาดทุน และเอาเงินจากธนาคารแห่งชาติไปไม่รู้จักจบดังนี้แล้ว ธนาคารเห็นจะง่อนแง่นเต็มที...
การที่จะจัดให้ราษฎรมาทำงานให้แก้รัฐบาลดังนี้ โดยรัฐบาลมีอำนาจเต็มที่จะสั่งอะไรก็ได้ในเวลากำหนดเท่าใดก็ได้ ดังแผนนี้แล้วข้าพเจ้ารู้สึกว่าถ้าจะทำได้ก็คงต้องถึงใช้การบังคับกันอย่างหนัก ถึงกับต้องยิงกัน อย่าลืมว่าคนไทยนั้นรักเสรีภาพความเป็นอิสระอยู่ในเลือดแล้ว เขาย่อมสละเสรีภาพไม่ได้แน่ ถ้าจะต้องบังคับอย่างนี้แล้ว จะสมควรละหรือ...
พิจารณามาแล้วนี้ย่อมเป็นความเห็นส่วนตัวของข้าพเจ้า ซึ่งจะเป็นการถูกต้องหรือไม่นั้นก็เป็นแค่ความคิดของข้าพเจ้าเท่านั้น การที่จะรู้ว่าใครเป็นคนถูกหรือไม่นั้นก็ต้องทดลองดูเท่านั้นจึงจะเห็นได้ แต่มีข้อสำคัญอันหนึ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนอย่างไม่ต้องสงสัยเลยว่า โครงการนี้นั้นเป็นโครงการอันเดียวอย่างแน่นอนกับที่ประเทศรัสเซียใช้อยู่ ส่วนใครจะเอาอย่างใครนั้นข้าพเจ้าไม่ทราบ
สตาลินจะเอาอย่างหลวงประดิษฐ์ฯ หรือหลวงประดิษฐ์ฯ จะเอาอย่างสตาลินก็ตอบไม่ได้ ตอบได้ข้อเดียวว่าโครงการทั้ง ๒ นี้เหมือนกันหมด เหมือนกันจนรายละเอียดเช่นที่ใช้และรูปของวิธีการกระทำจะผิดกันก็แต่รัสเซียนั้นแก้เสียเป็นไทยหรือไทยนั้นแก้เป็นรัสเซีย ถ้าสตาลินเอาอย่างหลวงประดิษฐ์ฯ ข้าวสาลีแก้เป็นข้าวสาร หรือข่าวสารแก้เป็นข้าวสาลี รัสเซียเขากลัวอะไร ไทยก็กลัวอย่างนั้นบ้าง รัสเซียเขาหาวิธีตบตาคนอย่างไร ไทยก็เดินวิธีตบตาคนอย่างนั้นบ้าง
สภาบำรุงเศรษฐกิจของรัสเซียก็มีและในโครงการของเรามีโครงการภาคที่ ๑ ที่ ๒ ของหลวงประดิษฐ์ฯ นั้นตรงกับโครงการเศรษฐกิจอันใหม่ และโครงการ ๕ ปี นิวอิคโคโนมิคโปลีซีไฟร์เยียรแพลนของรัสเซียทุกอย่างไป และขั้นที่ ๓ นั้นคือการเปลี่ยนสภาพประเทศไทยให้กลายเป็นคอมมิวนิสต์อย่างแท้จริงอย่างรัสเซีย ความข้อนี้มีข้อพิสูจน์อยู่อย่างชัดเจนในร่างพระราชบัญญัติการประกอบเศรษฐกิจ
ในข้อนี้ไม่ยอมให้ราษฎรมีสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ ก็เมื่อโครงการอย่างเดียวกับที่ใช้อยู่ในประเทศรัสเซียดังกล่าวแล้ว ถ้ารัฐบาลเรายังดำเนินการกระทำทุกอย่างไปโดยตลอดก็เปรียบเหมือนรัฐบาลเราช่วยให้สมาคมเทอร์ตอินเตอร์เนชั่นแนลที่มีความประสงค์จะเปลี่ยนโลกให้กลายเป็นคอมมิวนิสต์นั้น ดำเนินการไปถึงจุดประสงค์ได้โดยง่าย เพราะการที่เราจะดำเนินการนี้นั้นโดยไม่ต้องสงสัยเลยว่า ในที่สุดเราจะกลายเป็นคอมมิวนิสต์ไปอย่างแน่นอน
การเป็นคอมมิวนิสต์นี้เป็นเพราะการเศรษฐกิจเป็นไปทางคอมมิวนิสต์ ไม่ได้กล่าวความว่ารัฐบาลจะจัดทำให้ผู้หญิงเป็นของกลางดังที่ว่ากันแต่อย่างไรก็ดีประเทศไทยจะต้องกลายเป็นคอมมิวนิสต์ประเทศที่ ๒ ของโลกรองจากประเทศรัสเซีย การที่ไทยจะได้ตำแหน่งอันนี้นั้น ไม่มีใครจะดีใจเท่ากับรัสเซียและสมาคมเทอร์ตอินเตอร์เนชั่นแนล
แต่ส่วนประเทศๆ แล้วเขาคงไม่พอใจเลย ความไม่พอใจที่เขาแสดงต่อรัสเซียเวลานี้มีเท่าใด เราก็ย่อมเห็นประจักษ์ชัดเจนแล้ว เราจะอยากให้เขาไม่พอใจในเมืองเราดังนั้นหรือ การที่จะแก้ตัวว่าการทำดังนี้ถ้าเราไม่ได้ไปรบกวนใครเป็นการทำลายในประเทศของเราเอง และไม่มีข้อใดชี้ชัดในชั้นต้นว่าเป็นคอมมิวนิสต์นั้นย่อมไม่มีประโยชน์ เพราะทุกชาติยิ่งเพื่อนบ้านของเราแล้วเขาไม่โง่เลยจะตบตาเขาเล่นไม่ได้คล่องๆ เป็นแน่
เพราะความจริงที่เขาเห็นว่าเราเดินอย่างรัสเซียนั้นก็พอที่จะทำให้เขาเข้าใจแล่วว่าเราจะกลายเป็นอะไรไปในที่สุด มิใยเราจะบอกว่าเราไม่เป็นคอมมิวนิสต์ให้คอแทบแตก เขาก็ไม่เชื่อเราเลย ก็เมื่อเขาไม่เชื่อดังนี้ก็จะเป็นภัยมากกว่าที่จะเป็นคุณตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
ในเรื่องที่เราอาจถูกบุกรุกให้เป็นการเสียอิสรภาพได้ เราจะมัวพูดว่าไม่กลัวนั้น เป็นการพูดอย่างผู้หญิงที่เป็นฮีสทีเรียเท่านั้น เพราะใครๆ ก็ย่อมเห็นได้ชัดเจนว่าประเทศไทยมิได้มีฐานะเหมือนรัสเซียในการป้องกันภัยภายนอก รัสเซียใหญ่กว่าไทยมากนัก ใครจะไปทำอะไรก็ยาก ดังกล่าวมาแล้ว ก็เมื่อเป็นเช่นนี้จะเป็นการสมควรแล้วหรือที่เราจะยอมสละความเป็นเอกราชของเราเพื่อให้เป็นที่พอใจประเทศรัสเซียชาติเดียว
โครงการอันนี้นั้นอย่าว่าแต่จะทำเลย ถึงแม้จะได้ประกาศออกไปให้ตลอด ๓ ภาค รวมทั้งคำชี้แจงเท่านั้นก็ตาม คนจะเริ่มตกใจกันเป็นอันมากถึงเกิดความไม่ปกติได้ แล้วก็ผลร้ายอาจมีมากดังนี้ แล้วเราจะจะทำทำไม เวลานี้วิธีการที่จะทำอย่างอื่นก็พอทำได้ไปก่อนอีก
ในขณะนี้มี อาทิ คิดพยายามชักชวนให้ราษฎรเข้าตั้งสหกรณ์ดำเนินการดังที่ใช้กันอยู่ที่ประเทศเดนมาร์ก เป็นต้น มีผู้กล่าวกันว่า ถ้าเราไม่มีโครงการเศรษฐกิจเสียเร็วๆ นี้ เราคงแพ้ในสงครามเศรษฐกิจเป็นแน่ เพราะราษฎรของเราไม่ใคร่ทำการค้าเอง
แต่บัดนี้ฐานะประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงไปบ้างแล้ว มีราษฎรซึ่งเป็นชั้นขุนนางหรือเจ้านายที่ถูกปลดจากราชการเป็นจำนวนมาก กำลังจะก่อการทำมาหากินเอง แต่ยังมัววิตกกันอยู่อย่างเดียว รัฐบาลจะไม่ยอมให้ตนไปทำการค้าขายอิสระถ้าขืนไปทำเข้าภายหลังอาจเสียหายได้เปล่าๆ ก็ได้ เพราะฉะนั้น ในขณะที่ข้าพเจ้ายังไม่เห็นด้วยกับโครงการเศรษฐกิจของหลวงประดิษฐ์ฯ"
---------------------
อ้างอิง: สมบัติ ธำรงธัญวงศ์, การเมืองการปกครองไทย พ.ศ.1762-2500, เหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |