‘เฟรช อริศรา’จากเด็กไร้บ้านสู่นักแสดงแถวหน้า!


เพิ่มเพื่อน    

 

          นาทีนี้คนที่คิวทองและงานชุกไม่แพ้พระเอก-นางเอกแถวหน้า คงไม่มีพ้นนักแสดงมากฝีมือ เฟรช-อริศรา วงษ์ชาลี เพราะตอนนี้เจ้าตัวมีละครถึง 3 เรื่อง ออนแอร์พร้อมกันทั้ง 7 วันเลยทีเดียว แต่กว่าจะมีวันนี้ได้เจ้าตัวเผิดใจในรายการ คุยแซ่บSHOW ว่าต้องต่อสู้กับอะไรมากมาย ทั้งเป็นคนไร้บ้าน ต้องทำงานตั้งแต่เด็ก

          “ละครออกทีเดียวให้เห็นหน้าทั้ง 7 วัน 3 เรื่อง เดี๋ยวจะเป็น 4 เรื่องแล้วค่ะ ตอนถ่ายมันไม่ได้ถ่ายพร้อมกันนะ แต่มาออกอากาศพร้อมกันทีเดียวมันก็เลยทำให้คนได้เห็นในหลายบทบาท ซึ่งตอนนี้งานก็โอเค

          สมัยก่อนลำบากมาก แม่ก็เช่าห้องห้องหนึ่ง แล้วก็อยู่กันประมาณ 7-8 คน พอเช้าก็ต้องผลัดกันเข้าห้องน้ำแล้วก็ไปโรงเรียน พอมาถึงวันนึงพ่อเสียแม่ก็เริ่มทำงานมากขึ้นจากขายของชำที่บ้านก็เริ่มรับจ้างซักรีด ขายข้าวต้ม คราวนี้เราก็ต้องเป็นลูกมือ ตอนเช้าแม่ก็ให้รีดผ้าก่อน เย็นกลับมาก็ซักผ้าตอนนั้นไม่มีเครื่องซักผ้าก็ต้องซักมือ แต่รายได้ก็ยังไม่พอ เพราะว่าหลานบางคนค่าใช้จ่ายไม่พอเราก็ต้องทำอะไรมากขึ้น แม่ก็ขายข้าวต้ม ขายได้สักพักก็ไม่ไหวเหนื่อย ทีนี้แม่ก็รับจ้างซักรีด แล้วก็ขายของชำ แล้วเราก็รับจ้างอย่างอื่นที่ทำอะไรก็ได้ เช่น เย็บกระดุมผ้าโหล ถ้าเสื้อแขนสั้นเราจะได้ 50 สตางค์ต่อหนึ่งตัว แต่ถ้าแขนยาวเราจะได้ 75 สตางค์ พอหลังเลิกเรียนเราก็เย็บ พอกลางคืนเราก็จับจ้างล้างจาน ได้เดือนละ 800 บาท แล้วก็เสิร์ฟในตลาด

 

 

          ไม่ได้ท้อเลย เพราะรู้สึกว่าแม่ทำทุกวันเราก็ทำ มันก็เลยรู้สึกว่ามีเวลาว่างปุ๊บก็ต้องทำ ทำอะไรก็ได้ที่มีรายได้ ขนาดทำงานโหดๆ ยังไม่พอค่าเช่าห้องเลย เพราะว่าต่อเดือนมีค่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ แล้วก็พอพ่อเสียก็เริ่มรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว เริ่มอยู่ตรงนั้นไม่ได้แล้วค่าเช่ามันไม่พอ จากหลักพันก็ต้องไปหาเช่าที่หลักร้อย แม่ก็เริ่มไม่ได้ขายของ เพราะแม่ทำงานประจำไปทำงานโรงนมเป็นบัญชีแล้วก็ขับมอเตอร์ไซค์ส่งนม ทีนี้แม่ก็ต้องไปเช่าที่มันใกล้ๆกับที่ทำงานตอนนั้นก็มีห้องน้ำรวมเพื่อรอที่อยู่ที่มันมีห้องน้ำในตัว

          สมัยก่อนตอนอยู่รวมๆกันเราไม่รู้สึกลำบาก แต่คนที่เขาฟังอาจจะรู้สึกลำบาก คือเมนูของเราก็คือผัดถั่วงอกกับเต้าหู้ขาว แล้วก็แตงกวาผัดไข่ เต้าหู้ยี้ ส่วนเนื้อสัตว์นานๆกว่าจะได้กิน

 

 

          แต่มันบังเอิญมาก ต้องขอบคุณเพื่อน ตอนนั้นเพื่อนชวนไปสมัครเป็นนักศึกษาให้กับโครงการของค่ายมือถือค่ายนึง เพื่อนบอกว่าไปเถอะที่นี่เขามีเงินเดือนประจำ มีโทรศัพท์ให้ใช้แล้วเราก็ทำกิจกรรมกับเขา เราก็ไปเป็นเพื่อน สรุปวันนั้นเพื่อนไม่ได้แต่เราได้ แล้วก็พอวันที่ไปทำกิจกรรมเราก็ไปเดินอยู่แถวหน้าตึก ไปเก็บขยะตามถนน ผู้บริหารเขาเห็น แล้วเขาจะถ่ายโฆษณา เขาก็ไม่แคสใครเขาก็เอาเด็กในกลุ่มนี้ไปถ่าย เราก็ได้เป็นหนึ่งในนั้น เงินก้อนแรกถือว่าเยอะพอสมควร ประมาณ 8-9 หมื่นได้ เราก็เก็บไว้เรียนแล้วก็ยังทำงาน ให้แม่เก็บไว้ส่วนนึงเผื่อใครมีความจำเป็นก็เอาไปใช้ และจากจุดนี้อาตู่เห็นก็เรียกมาเล่นละคร และหลังจากเล่นละครสักพักก็ไปเล่นหนังได้เงินก้อนใหญ่มาซื้อคอนโดให้แม่ เพราะว่าไม่เคยมีบ้าน ซึ่งตอนนั้นยังซื้อบ้านไม่ได้ เพราะว่าการซื้อบ้านมันต้องใช้เงินเยอะ แล้วหลังจากนั้นก็ไปซื้อทาวน์เฮ้าส์แต่ก็ไม่ได้อยู่ก็ขาย”

 

 

 

 

 

 

ขอบคุณภาพประกอบจากอินสตาแกรม fresh_aris

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"