สัมมนาอัดเละ นิสัยตร.8จอม ปูดพันไซฟ่อน


เพิ่มเพื่อน    

   วงเสวนาอัด "ตำรวจไซด์ไลน์" ยับ! "พิชาย" แฉ 8 พฤติกรรมสุดเสื่อม ทั้งละเมิด กม. ผิดจริยธรรม "วิรุตม์" ชี้โครงสร้างแบบทหารทำให้เกิดปัญหา ย้ำต้องแยกงานสอบสวน "เดอะแจ็ค"  จี้ตรวจสอบ "สมยศ" ลามอัด คสช.ไซด์ไลน์จึงไม่เอาจริงปฏิรูป  "สุนันท์" บอกลายแทง "เจ้าพ่ออ่าง-เจ้าพ่อตำรวจ-เจ้าพ่อปั่นหุ้น"  ร่วมกันไซฟ่อนเงินร้อง "ปปง.-ดีเอสไอ" ตามรอยเงินสีเทา   "ศรีสุวรรณ" จวก ตร.รับอั่งเปาความล้มเหลวปฏิรูป ตร.  จี้ผู้บังคับบัญชาลาออก
    เมื่อวันอาทิตย์ ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย มีการเสวนาทางวิชาการเรื่อง "ตำรวจไซด์ไลน์ ปัญหาจริยธรรมและกาฝากกระบวนการยุติธรรมไทย" โดย รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต คณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวถึงปัญหาจริยธรรมในองค์กรตำรวจ โดยยกวิจัยจากประเทศออสเตรเลีย อังกฤษ ได้พูดถึงเรื่องจริยธรรมพฤติกรรมตำรวจ ต่างสะท้อนว่า บุคลิกตำรวจค่อนข้างเป็นแบบเผด็จการ วางอำนาจ ยิ่งอยู่ในอำนาจนาน ยิ่งนิยมอำนาจเผด็จการมากขึ้น มองโลกในแง่ร้าย การตั้งข้อสงสัยผู้อยู่ในเหตุการณ์ว่าจะผิดไว้ก่อน ไม่ค่อยไว้วางใจใคร 
    รศ.ดร.พิชายกล่าวว่า ในสังคมไทยมักเห็นพฤติกรรมตำรวจแบ่งเป็น " 8 จอม" คือ 1.จอมโหด ปฏิบัติตัวเป็นศาลเตี้ย 2.จอมเป่า เป่าคดี ตั้งแต่ไม่รับคำร้องทุกข์จากชาวบ้าน เป่าคดีจากผู้มีอำนาจให้เบาบางลง 3.จอมเอื้อ ใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์คนอื่น 4.จอมรีดไถ พฤติกรรมปฏิบัติรีดเงินจากชาวบ้าน ทั้งเรื่องจราจร บ่อน หวย ซ่อง 5.จอมวิ่ง โยกย้ายตำรวจ 6.จอมยัด ที่ยัดทั้งของผิดกฎหมายหรือข้อกล่าวหาให้ประชาชน  7.จอมไซด์ไลน์ มองงานตำรวจไว้เพียงประดับอำนาจ บารมี 8.จอมเอาหน้า แย่งผลงานเพื่อนทั้งที่งานไม่ค่อยทำ ที่ยกตัวอย่างมาถือเป็น 8 พฤติกรรมที่เราเห็นทั้งละเมิดกฎหมาย ผิดจริยธรรม นอกจากนี้ ขอเสนอว่าต่อไปบัญชีทรัพย์สินตั้งแต่ระดับผู้การ ควรประกาศต่อสาธารณะ เพื่อให้เกิดการตรวจสอบ  
    "พฤติกรรมต่างที่สะท้อนมาถึงการทำงานอีกหลายปัจจัย เช่น การทำงานตามคำสั่งเจ้านาย ก่อให้เกิดการรับเงินจากผู้มีอำนาจ นักธุรกิจ คนในวงการตำรวจมักมีกฎในการปกป้องพวกเดียวกัน นโยบายการเมืองบางช่วงเวลาเอื้อให้ตำรวจทำหน้าที่มิชอบ ค่านิยมวัฒนธรรมที่ผิดพลาด พฤติกรรมที่ไม่ชอบมีวัฒนธรรมของตำรวจ เลือกลงโรงพักที่มีผลประโยชน์ ขอติดตามนายเพราะได้เลื่อนตำแหน่งเร็ว รวมทั้งการประกอบอาชีพอื่นร่วมกับอาชีพตำรวจ มีค่านิยมเสพสุข ฟุ้งเฟ้อ วัฒนธรรมกฎรักษาความลับ เพื่อเป็นกลไกช่วยรวมตัวกลุ่มตำรวจ ปกปิดพฤติกรรมให้รอดพ้นการสังเกตจากโลกภายนอก ถ้าใครฝ่าฝืนต้องเผชิญถูกขับจากกลุ่ม ลาออก เสียเพื่อน สูญเสียอาชีพการงาน วัฒนธรรมการใช้กำลัง สุดท้ายมีพฤติกรรมคล้อยตามอำนาจ" รศ.ดร.พิชายกล่าว
    พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร อดีตรองผู้บังคับการจเรตำรวจ กล่าวถึงพฤติกรรมค่านิยมในแวดวงตำรวจที่ฝังรากลึกมานานว่า ส่วนหนึ่งมาจากการจัดโครงสร้าง ใช้หลักคิด วินัยแบบทหาร คิดว่าน่าจะนำมาใช้กับตำรวจได้ แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ตำรวจอ่อนแอ การจับกุมหลายครั้งส่วนใหญ่เป็นไปด้วยความรุนแรง ละเมิดสิทธิและมิชอบ ปัญหาทั้งหลายเป็นมาจากโครงสร้าง อีกทั้งบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ที่จะระบุสิ่งต่างๆ เข้ามา แต่ก็ยังไม่เห็นทางออก การปฏิรูปที่สำคัญคือ การแยกงานสอบสวนออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีที่เป็นประเด็นตำรวจไซด์ไลน์ ถ้าทำงานเต็มเวลา คงไม่มีเวลาไปทำอาชีพเสริม 
    "บางประเทศแม้แต่ให้ภรรยาไปเปิดร้านขายสุรายังไม่ได้ แต่ในเมืองไทยไม่ใช่ ไปเกี่ยวพันทั้งเรื่องบ่อน หวย ซ่อง ผับบาร์ รถโดยสาร รถรับจ้าง ในองค์กรตำรวจแม้มีกฎระเบียบเรื่องจริยธรรมตั้งแต่ปี 2551 แต่กลับไม่เคยมีตำรวจโดนลงโทษเลย ตีความได้ 2 แบบคือ ตำรวจมีจริยธรรมที่ดี หรือระบบการตรวจสอบไม่ได้เรื่อง อีกทั้งผู้บังคับการบางคนกลับมีคำขวัญแปลกๆ เช่น ใจถึงพึ่งได้  มีให้ได้แจก" พ.ต.อ.วิรุตม์กล่าว
    ด้านนายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เหตุที่ไปร้องเรียนให้มีการตรวจสอบอดีต ผบ.ตร. เพราะเห็นว่าตำรวจต้องมีหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชน แต่อดีตผู้บริหารสูงสุดขององค์กรกลับไปยืมเงินผู้ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยจากการค้ามนุษย์ เลยมีข้อสงสัยว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินส่วยใช่หรือไม่ ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาของสังคม กระทบต่อสิทธิประชาชน มักไม่ค่อยมีใครอยากยุ่งกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ หากสมัยหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล จะแยกอำนาจการสอบสวนออกจาก สตช.ทันที หลายครั้งตำรวจถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ทั้งในช่วงการเลือกตั้งเพื่อให้เกิดการได้เปรียบกับอีกพรรค จึงไม่อยากเห็นตำรวจถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองให้กับผู้มีอำนาจ 
    "ปัญหาตำรวจต้องปฏิรูปองค์กรนี้อย่างเร่งด่วน เช่นเดียวกับดีเอสไอ ควรมีการปฏิรูป มีหลายคดีที่ประชาชนเคลือบแคลง ทำไมถึงไม่มีการสั่งฟ้อง ยังไม่นับรวมกรณีผู้ต้องขังคนสำคัญผูกคอตายในห้องขัง รวมไปถึง ป.ป.ช. อัยการ ต่างที่ต้องมีการปฏิรูปเช่นเดียวกัน ไม่ทราบว่า สนช.และ คสช.ท่านทำรัฐประหารไซด์ไลน์หรือไม่ ไม่ได้เอาจริงปฏิรูปราชการ ปฏิรูปเศรษฐกิจ ปฏิรูปตำรวจ" นายวัชระกล่าว         
    ขณะที่นายสุนันท์ ศรีจันทรา คอลัมนิสต์และผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน กล่าวว่า เรื่องกรณีตำรวจไซด์ไลน์ที่เกิดขึ้นเป็นการรวมตัวกันของ 3 เจ้าพ่อ ประกอบด้วย เจ้าพ่ออ่าง เจ้าพ่อตำรวจ เจ้าพ่อนักปั่นหุ้น บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นมีมูลค่ารวมกันกว่า 18.13 ล้านล้านบาท มากกว่าจีดีพี การซื้อขายปีนี้ไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านต่อวัน ตลาดหุ้นคือบ่อนการพนัน แต่ไม่เคยมีใครติดคุก เงินที่เข้ามาในตลาดมีทั้งทหาร ตำรวจ อัยการ นักกฎหมายระดับชาติ มักไปอยู่ในบริษัทที่มีลักษณะหุ้นสีเทา หุ้นปั่น เพราะต้องการนำไปปกป้องบริษัท เพื่อไม่ให้มีใครกล้ายุ่ง เรื่องเกี่ยวพันไปถึง พล.ต.อ.สมยศ ที่ไม่ใช่เพียงเงินยืม เมื่อไปตรวจสอบไม่ได้แจ้งในบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. พล.ต.อ.สมยศมักไปเกี่ยวข้องกับหุ้นที่เป็นที่น่าเคลือบแคลงสงสัยมากมาย หุ้น AQ หรือบริษัทกฤษดามหานครเดิม เมื่อเจ้าของเดิมดูแลไม่ไหว เลยผ่องถ่ายมาให้ พล.ต.อ.สมยศในปี 2557 จึงกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 19 เปอร์เซ็นต์ พอปี 2558 พล.ต.อ.สมยศขายทั้งหมดออกให้นายกำพล เงินของนายกำพลส่วนหนึ่งมาลงใน aqua ที่ปัจจุบันมีการฟ้องร้องทางกฎหมาย 
     "วิธีการในตลาดหุ้นเปลี่ยนไป จากปั่นเป็นไซฟ่อนเงินโดยเพิ่มทุน และไปซื้อทรัพย์สินภายนอกแพงกว่าราคาจริง แล้วเอาเงินทอน บางบริษัท แปลกใจมีการเพิ่มทุนกว่า 11 ครั้ง กรณีการซื้อขาย ยืมเงินบางเรื่อง เราไม่รู้เป็นเงินบาปแล้วมาทำผิดในตลาดหรือไม่ คนที่จะตอบเรื่องนี้ได้คือดีเอสไอกับ ปปง. เพราะเราได้ลายแทงแล้ว ขอให้ตามรอยไปให้สุด อาจได้เจ้าพ่อใหญ่ในวงการอื่นมาเกี่ยวข้องด้วย ในตลาดหลักทรัพย์เต็มไปด้วยสิบแปดมงกุฎ เราเคยได้ยินข่าวคนฆ่าตัวตาย ฆ่ายกครัว เพราะไปเล่นหุ้นแล้วขาดทุนเป็นจำนวนมาก ถือเป็นการฆ่ากันอย่างเลือดเย็น เต็มไปด้วยอาชญากรรม ไม่มีใครกลัว ก.ล.ต. เพราะปั่นได้ 500-1,000 ล้าน ไม่ยอมเสียชื่อถูก ก.ล.ต.ปรับ โดยไปรอที่ปลายทางเซ็นครั้งเดียวหลุดไปเลย จึงไม่เคยเห็นบริษัทใดถูก ก.ล.ต.ลงโทษ อดีต ผบ.ตร.มีหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชน แต่เอาเวลาไปเล่นหุ้น เล่นแล้วมันติด ขอฝาก ก.ล.ต. อยากได้คนกล้า เป็นปากเสียงนักลงทุนจริงๆ เคยเสนอไปยัง ก.ล.ต.ให้มีเอ็นจีโอไปทำหน้าที่ 1 ตำแหน่งในคณะกรรมการ ไม่ใช่มีแต่ตัวแทนโบรกเกอร์" นายสุนันท์กล่าว  
    ขณะเดียวกัน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ออกแถลงการณ์ กรณีปรากฏคลิปเผยแพร่อยู่ในโลกออนไลน์ ซึ่งปรากฏตำรวจชั้นประทวนจำนวนมากเข้าคิวต่อแถวยกมือไหว้รับซองแต๊ะเอียหรืออั่งเปาจากผู้ชายคนหนึ่ง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 ก.พ.2561 ณ หมู่บ้านกฤษดานคร พุทธมณฑลสาย 3 เขตทวีวัฒนา ว่ากรณีดังกล่าวแม้ ผบก.น.7 จะมีหนังสือคำสั่งด่วนพิเศษให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่สังคมต้องการจะทราบว่าผู้บังคับบัญชาของตำรวจชั้นผู้น้อยทั้งระบบ ตั้งแต่ ผบก.น.7, ผบช.น., จเรตำรวจ, ผบ.ตร., ก.ตร. และ ก.ต.ช. ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน จะแสดงความรับผิดชอบต่อความล้มเหลวในการกวดขันวินัยข้าราชการตำรวจอย่างไรต่างหาก ซึ่งสังคมไทยต้องการเห็นสปิริตของคนเหล่านี้ด้วยการลาออก เพื่อแสดงความรับผิดชอบ ป.ป.ท. และ ปปง.ควรจะเข้าไปตรวจสอบที่มาหรือเส้นทางของเงินหรือทรัพย์สินด้วยว่ามาจากไหน นอกจากนั้นคลิปดังกล่าวยังสะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวโดยสิ้นเชิงของคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจ ที่มี พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ เป็นประธาน ซึ่งคณะกรรมการดังกล่าวต้องแสดงความรับผิดชอบด้วย. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"