18 เม.ย.2562- กรณีพระราชบัญญัติการศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ.2562 ซึ่งประกาศใช้แล้วในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ 136 ตอนที่ 50 ก เมื่อวันที่ 16 เม.ย.2562 และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 17 เม.ย.นั้น เว็บไซต์อะลิตเติ้ลบุ๊ดด่ะ ดอทคอม ซึ่งเป็นเว็บของวัดไทยในลาสเวกัส สหรัฐอเมริกาได้มีการวิเคราะห์ไว้น่าสนใจในหัวข้อ “เจ้าคุณประยูรจ่อนั่งเก้าอี้ใหญ่ –ประธานกรรมการการศึกษาพระปริยัติธรรม”
โดยเนื้อหาระบุว่า หัวใจสำคัญในพระราชบัญญัติฉบับนี้นั้น อยู่ที่มาตรา 8 ที่ระบุว่า "ให้มีคณะกรรมการการศึกษาพระปริยัติธรรมคณะหนึ่ง ประกอบด้วย ประธาน รองประธาน และคณะกรรมการทั้งโดยตำแหน่งและแต่งตั้ง"
พอล้วงเข้าไปในส่วนลึกของมาตราเหล่านี้แล้ว ก็จะพบว่า ทั้งแม่กองบาลี แม่กองธรรม ประธานกรรมการการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา อธิการบดี มจร. อธิการบดี มมร.ล้วนแต่ถูกแต่งตั้งให้เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง หวยก็เลยไปออกที่พระพรหมบัณฑิต หรือท่านเจ้าคุณประยูร เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส อดีตอธิการบดี มจร. ซึ่งเพิ่งจะเออลี่รีไทร์ คือเกษียณอายุราชการออกไปก่อนกำหนด ทั้งๆ ที่ยังสามารถอยู่ต่อได้อีกยาว
ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นวิสัยทัศน์อันยาวไกลหรือไม่อย่างไร ทำให้การตัดสินใจ "ยุติบทบาทในตำแหน่งอธิการบดี มจร. ยกเก้าอี้ให้เจ้าคุณสมจินต์ไปเมื่อปีกลาย" ของท่านเจ้าคุณประยูร กลับส่งผลให้ได้ตำแหน่งใหญ่กว่า เพราะถ้าได้ตำแหน่งประธานคณะกรรมการการศึกษาพระปริยัติธรรม ก็จะคุมทั้ง นักธรรม-บาลี และปริยัติสามัญ หนำซ้ำยังได้อธิการบดี มจร.-มมร. และประธานกรรมการการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา มาเป็นกรรมการชุดใหม่นี้ด้วย ความหมายก็คือ ทุกรูปทุกองค์จะต้องมาเป็นลูกน้องเจ้าคุณประยูร ตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ นี่คือเจ้าพ่อองค์ใหม่ในวงการสงฆ์ไทย
ว่าโดยชื่อชั้นแล้ว ท่านเจ้าคุณประยูรนั้น ก็ต้องถือว่าเป็นสุดยอดนักการศึกษาและนักบริหารการศึกษา แบบว่าครบเครื่อง ได้ทั้งบู๊ทั้งบุ๋น แถมยังมีบริวารเป็นกองทัพ เครือข่ายหรือคอนเน็กชั่นกว้างไกลทั้งในและต่างประเทศ ถือว่าเป็นพระสงฆ์ไทยอินเตอร์ที่เพอร์เฟ็กสุดๆ เพียงหนึ่งเดียวในยุคปัจจุบัน
คุณวุฒิการศึกษานั้น จบ ป.ธ.9 ขณะเป็นสามเณร คว้าปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยเดลี เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง
ตำแหน่งในทางบริหารการศึกษาก็ผ่านมาหมด ทั้งอาจารย์สอนมหาวิทยาลัย คณบดี รองอธิการบดี และอธิการบดี ไม่มีอะไรในประเทศไทยเจ้าคุณประยูรไม่เคยเป็น ยกเว้นตำแหน่งสังฆราช ปัจจุบันเป็นทั้ง เจ้าอาวาสพระอารามหลวง เจ้าคณะภาค และกรรมการมหาเถรสมาคม
และจังหวะก็สวยสุด เมื่อตัดใจลุกจากตำแหน่งอธิการบดี มจร. เมื่อเดือนกรกฎาคมปีกลาย (2561) ผ่านไปได้ไม่ถึงปี กลับกลายเป็นว่า การตกงาน หรือการว่างงาน กลายเป็นโอกาสทองของท่านเจ้าคุณประยูร เพราะเมื่อไม่ได้เป็นอธิการบดี มจร. ก็ไม่ต้องเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง ซึ่งก็เข้าในคุณสมบัติที่ต้องการในตำแหน่ง "ประธานคณะกรรมการการศึกษาพระปริยัติธรรม" ตาม พ.ร.บ.ใหม่ ที่เพิ่งประกาศใช้ในวันนี้
เพราะมองไปในบรรดากรรมการมหาเถรสมาคมทุกรูปทุกองค์ในวันนี้ ก็ไม่เห็นมีใครมีคุณสมบัติ ทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิ เหมาะสมเท่ากับพระพรหมบัณฑิตอีกแล้ว ส่วนพระนักบริหารการศึกษาทั่วประเทศไทยในวันนี้ ก็ล้วนแต่เคยเป็น "ผู้ใต้บังคับบัญชา" ของท่านเจ้าคุณประยูรทั้งสิ้น แล้วถามว่าจะมีอะไรไม่เหมาะสม หรือเหมาะสมไปกว่านี้ เจ้าคุณประยูรนั่งนิ่งสบายๆ เก้าอี้ใหญ่ก็วิ่งมาหา ไม่ต้องวิ่งเต้นเส้นสายให้เหนื่อย เพราะใครก็เป็นสู้ท่านไม่ได้ใน พ.ศ. นี้ แต่ถ้าขาดท่านไปในคณะกรรมการชุดนี้สิ ไม่รู้ว่าจะไปทิศทางไหน ฉลากใหญ่ระดับ "ซูเปอร์ล็อตโต้" จึงออกที่วัดประยูรเหมือนถูกล็อกเลข
พ.ร.บ.พระปริยัติธรรม ฉบับใหม่นี้ จะต้องเริ่มตรงจุดนี้ คือ หาประธานให้ได้ก่อน จะโดยกรรมการโดยตำแหน่งมาประชุมปรึกษาหารือกันแล้วรายงานให้มหาเถรสมาคม "สรรหา" ตัวประธาน หรือมหาเถรสมาคมดำเนินการเอง และสมเด็จพระสังฆราชทรงแต่งตั้ง เมื่อได้ประธานแล้ว งานการบริหารการศึกษา ทั้งนักธรรม บาลี และปริยัติสามัญ จึงจะเริ่มต้น "นับหนึ่ง" ตามกฎหมายใหม่
มองไปทั่วกรุงเทพมหานครแล้ว ท้องฟ้าเหนือวัดประยูรวงศ์นั้น สดใสและสวยงามเหลือเกิน คนเรานั้น บทบุญจะพา วาสนาจะส่ง อะไรก็หยุดไม่อยู่.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |