18 เมษายน 2562 นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธนาคารอยู่ระหว่างเตรียมมาตรการแพ็คเกจสินเชื่อที่อยู่อาศัย ในกรอบวงเงินไม่เกิน 3-5 หมื่นล้านบาท เพื่อเสนอรัฐบาลใหม่ เมื่อเข้ามาก็สามารถเดินหน้าโครงการสินเชื่อเพื่อดูแลประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยได้ทันที โดยแพ็คเกจสินเชื่อในรอบนี้จะครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งผู้มีรายได้น้อย มนุษย์เงินเดือน และผู้สูงอายุ
ทั้งนี้ ในกลุ่มสินเชื่อสำหรับผู้มีรายได้น้อย ธนาคารจะผลักดันโครงการบ้านล้านหลังเฟสสอง ให้ผู้มาลงทะเบียนจองสิทธิ์กว่า 1.27 แสนราย สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้มากที่สุดภายในสิ้นปี 2562 และจะมีสินเชื่อสำหรับผู้มีรายได้ปานกลาง หรือ มนุษย์เงินเดือน ที่ต้องการสินเชื่อสำหรับที่อยู่อาศัยราคา 2-2.5 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่อยู่อาศัยในเมือง แต่ไม่สามารถเข้าโครงการบ้านล้านหลังได้ โดยให้อัตราดอกเบี้ยพิเศษไม่เกิน 3% ด้วย
ส่วนกลุ่มผู้สูงอายุ ธอส.อยู่ระหว่างดำเนินโครงการรีเวิร์ส มอร์เกจ ในวงเงินนำร่องโครงการ 1 พันล้านบาท ให้ผู้สูงอายุนำที่อยู่อาศัยที่ปลอดภาระหนี้สินมาเข้าโครงการกับ ธอส. เพื่อรับสินเชื่อรายเดือนใช้ในการดำรงชีวิต ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาวงเงินสินเชื่อต่อหลักทรัพย์ จาก 50% เพิ่มเป็น 75% แต่ถ้าพิจารณาแล้วโครงการนี้ไม่เป็นที่นิยม เพราะทำให้การซื้อขายต่อบ้านของผู้สูงอายุมีความยากลำบาก ธอส.ก็อาจจะซื้อขาด และให้ผู้สูงอายุ นำเงินไปซื้อที่อยู่อาศัยในราคาต่ำกว่า และนำส่วนต่างสินเชื่อมาใช้ในการดำรงชีพ
"การปล่อยสินเชื่อของ ธอส. ในไตรมาส 2 คาดว่าจะชะลอตัว เนื่องจากติดช่วงวันหยุดยาวหลายวัน รวมทั้งมาตรการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยของ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เริ่มมีผลบังคับใช้ ดังนั้น ธอส.จึงต้องจัดหา และเตรียมแพ็คเกจสินเชื่อ เพื่อเสนอรัฐบาลใหม่ เพื่อใช้กระตุ้นสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้ขยายตัวในระยะต่อไป" นายฉัตรชัย กล่าว
สำหรับการปล่อยสินเชื่อในไตรมาส 1/2562 ปล่อยสินเชื่อใหม่รวม 4.2 หมื่นล้านบาท อยู่ในช่วงคาดการณ์ 4-4.5 หมื่นล้านบาท โดยสินเชื่อไตรสมาส 1 เร่งตัวมาก โดยเฉพาะในเดือน มี.ค. ที่ปล่อยใหม่ได้ 1.9 หมื่นล้านบาท เป็นผลมาจากมาตรการ ธปท. ที่เริ่มมีผลในวันที่ 30 มี.ค. และ มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำของธอส.คงที่ 3 ปี 2.79% ทำให้ลูกค้าสนใจมากู้กันมาก
นายฉัตรชัย กล่าวอีกว่า ในวันที่ 16 ก.ย.2562 คาดว่าจะสามารถออกสลาก ธอส. งวดแรกวงเงินรวม 2-2.6 หมื่นล้านบาท ขายให้กับประชาชน ราคาหน่วยละ 1 ล้านบาท ผลตอบแทนหน้าสลาก 1.4% ระยะเวลา 3 ปี จำหน่ายคนละไม่เกิน 5 หน่วย ซึ่งคาดว่าจะได้รับผลตอบรับที่ดี สามารถขายได้หมด เพราะมีการให้รางวัลจูงใจ โดยออกรางวัลเดือนละ 20 รางวัล รวม 3 ปี 720 รางวัล เป็นการขายผลตอบแทนและโอกาสถูกรางวัลมากกว่าสลากประเภทอื่น จากนั้นจะขายสลากหน่วยละ 10 ล้านบาท โดยหน้าสลากจะระบุชื่อผู้ซื้อ และสามารถซื้อร่วมได้ ในวงเงิน 3 หมื่นล้านบาท และต้นปี 2563 จึงจะเริ่มขายสลากให้กับรายย่อยหน่วยละ 100 บาท
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |