"บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม" ไม่มีความเห็น รัฐบาลแห่งชาติ อยู่ที่จิตสำนึก ส่วน "เทพไท" เปลี่ยนชื่อใหม่ รัฐบาลปรองดอง ยืนยันวันนี้สถานการณ์เกิดเดดล็อกอย่างแท้จริง เดินไปทางอื่นไม่ได้ เว้นแต่ทุกพรรคต้องหันมาจับมือด้วยกัน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงข้อเสนอรัฐบาลแห่งชาติ มองว่าประเทศถึงทางตันจริงแล้วหรือไม่ โดยนายกฯ ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม กล่าวเพียงว่า ไม่มีความเห็น
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวช่วงหนึ่งด้วยว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่จิตสำนึก ในเรื่องความขัดแย้งก็เช่นเดียวกัน อยู่ที่จิตสำนึกว่าทุกคนต้องการให้บ้านเมืองเป็นอย่างไร มีความสงบปลอดภัย รักษาความสงบเรียบร้อยหรือไม่
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่หลายฝ่ายเสนอความคิดเห็นเรื่องรัฐบาลแห่งชาติว่า "ไม่รู้" เมื่อถามว่ามองว่ากระบวนการปกติสามารถตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่ทราบ และเรื่องนี้ ครม.ก็ไม่ได้พูดคุยกัน
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า เรื่องรัฐบาลแห่งชาติไม่ควรจะถูกพูดถึงในช่วงนี้ เพราะยังมีการเลือกตั้งซ่อมอีกกี่เขตก็ยังไม่รู้ รวมทั้ง กกต.ยังไม่ได้ประกาศรับรอง ส.ส. ทำให้แต่ละพรรคยังมีจำนวนส.ส.ไม่แน่นอนอย่างเป็นทางการ จึงไม่ควรกระโดดข้ามขั้น นอกจากนี้ ในรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายต่างๆ ก็ไม่มีข้อกำหนดในเรื่องนี้ด้วย และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีการปฏิบัติกันมาก่อน ดังนั้นวันนี้ควรเอาเรื่องง่ายๆ ตามขั้นตอนก่อน อย่าเพิ่งคิดไปไกลขึ้นขั้นนั้น
ขณะที่นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐอยู่ในช่วงเตรียมความพร้อมในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะต้องรอ กกต.ประกาศรับรองหลังวันที่ 9 พ.ค. ที่สำคัญ พรรคจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เท่านั้น ทุกอย่างเป็นไปตามครรลองประชาธิปไตย เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ การที่หลายฝ่ายพยายามออกมาโทษกติกา โทษรัฐธรรมนูญ ทั้งที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านประชามติเสียงถึง 16.7 ล้านคน ทำเหมือนแพ้แล้วพาล
"อยากฝากไปยังองค์กรต่างๆ กลุ่มการเมืองที่ออกมาระบุว่า หากรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำจะบริหารลำบากว่า ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะถ้าพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เราสามารถบริหารจัดการได้แน่ ตนเชื่อมือผู้นำรัฐบาลอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะสามารถนำพาประเทศไปสู่ทิศทางที่ประชาชนคาดหวัง"
นายธนกรกล่าวอีกว่า ทุกวันนี้พรรคพลังประชารัฐไม่เคยให้สัมภาษณ์พาดพิงหรือโจมตีใครก่อน มีแต่ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงเท่านั้น อากาศร้อนๆ แบบนี้ฝากไปยังพรรคต่างๆ ให้ใจเย็นๆ มีสติ ไม่เช่นนั้นจะเป็นบ้าได้ ส่วนบุคคลทางการเมืองที่โดนคดีต่างๆ นั้น อย่าไปโทษใครเลย ทุกอย่างเท่าเทียมใครทำอะไรไว้ก็ต้องรับกรรม ไม่มีใครไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมได้ กระบวนการยุติธรรมของไทยเชื่อถือได้เสมอ
รบ.แห่งชาติภาคประชาชน
นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์ว่า แนวคิดการเสนอจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ที่ผ่านมามีหลายคนนำเสนอออกมา ส่วนตัวได้เคยเสนอกระตุ้นเตือนจิตสำนึกของเพื่อพ้องพี่น้องนักการเมืองว่าถึงเวลาต้องคิดถึงการตั้งรัฐบาลแห่งชาติภาคประชาชน ซึ่งก็มีเพื่อนนักการเมืองบางส่วนเห็นด้วย แต่บางส่วนยังไม่เข้าใจ ยังไปนำเสนอเอาคนที่จะเป็นปัญหาต่อระบอบประชาธิปไตยมาเป็นผู้นำรัฐบาลแห่งชาติ
เขากล่าวว่า รัฐบาลแห่งชาติภาคประชาชนที่ตนเสนอคือการให้ ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้ง หันหน้าคุยกัน เพื่อหาทางออกปลดล็อก 250 ส.ว.ให้ไปอยู่วงนอก แล้วหาประธานสภาผู้แทนราษฎร และคัดเลือกนายกฯจาก ส.ส.ที่มีอยู่ เพื่อให้ประชาธิปไตยเดินหน้าต่อไป ซึ่งจะเป็นการหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจ ตัดวงจรการยึดอำนาจ และสร้างความหวัง ความศรัทธาให้กับประชาชน
นายยงยุทธกล่าวว่า วิธีการดังกล่าวเป็นการใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ออกนอกระบบ ดังเช่นที่หลายคนอ้างเพื่อจะเอาคนที่มีทัศนคติเป็นลบต่อระบอบประชาธิปไตยมาเป็นนายกฯ แนวทางการตั้งรัฐบาลแห่งชาติจึงมั่วกันไปหมด ส.ส.ทุกคนล้วนแต่มีวุฒิภาวะและได้รับความไว้วางใจผ่านฉันทานุมัติจากประชาชนที่เลือกให้เข้ามาใช้อำนาจอธิปไตยแทนประชาชน เป็นที่พึ่งหวังว่าจะให้เข้ามาช่วยกันนำพาประเทศชาติให้หลุดพ้นกับดักทั้งความขัดแย้ง การช่วงชิงอำนาจจากพวกนอกระบบ เพื่อเป้าหมายจะให้ประเทศชาติเดินหน้าไปได้อย่างแท้จริง
"ความทุกข์ยากของประชาชนทั้งจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและปัญหาหมักหมมต่างๆ ของบ้านเมืองจะได้รับการแก้ไขเสียที ส.ส.ทุกพรรคทุกค่ายที่ผ่านสนามเลือกตั้งมาจนถึงวันนี้ ทุกคนคุยกันได้ หัวหน้าพรรคบางคนก็เกรงใจทหาร ทั้งที่ความจริงหัวหน้าพรรคแต่ละพรรคก็รู้จักกันทั้งนั้น"
นายยงยุทธกล่าวว่า นักการเมืองที่มีแนวคิดสอดรับกันไม่จำเป็นต้องมีนายหน้า แค่ยกหูโทรศัพท์คุยกัน จาก 1 เป็น 2 จาก 10 เป็น 100 หลายคนรวมกันก็มีพลัง แล้วไปเปิดเวทีคุยกัน จะทำได้หรือไม่ได้ จะได้บอกให้ประชาชนที่เฝ้ารอความหวังได้รับทราบ ไม่ต้องรอไปให้ส.ว.หรือใคร หรือทหารมาบงการ
ขณะที่ น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า นับวันตนก็ยิ่งประหลาดใจกับพฤติกรรมกลุ่มอยากอยู่ยาวเข้าไปทุกวัน หลังจากเลือกตั้ง 24 มี.ค.ที่ผ่านมา ในวันที่ 27 มี.ค. พรรคฝ่ายประชาธิปไตยที่มีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรวมเกินครึ่งสภาได้ประกาศร่วมมือจัดตั้งรัฐบาล แต่ช่วงเวลา 2 สัปดาห์กว่าๆ ที่ผ่านมา ฝ่ายแพ้เลือกตั้งที่มีจำนวน ส.ส.น้อยกว่า ไม่ยอมรับเจตนารมณ์ของประชาชน พยายามตั้งรัฐบาลแข่งฝ่ายประชาธิปไตยที่มีจำนวน ส.ส. มากกว่า ด้วยทุกวิธีการที่ไม่มีความละอาย
ไร้ความละอาย
โฆษกพรรคเพื่อชาติกล่าวว่า ตั้งแต่การแสดงความคิดเห็นที่ไร้ความละอาย ประเภทรัฐธรรมนูญฉบับอยากอยู่ยาวนี่ดีกำหนดให้มี ส.ว. 250 คน ไว้สนับสนุนการจัดตั้งนายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้เลือก ส.ว.พวกนี้มา การทำฟาร์มงูเห่าที่ประมูลค่าตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยไป อีกทั้งการปล่อยข่าวว่าพรรคนู้นพรรคนี้มีจำนวน ส.ส.เท่านู้นเท่านี้ ไปสนับสนุนการสืบทอดอำนาจกับพรรคตน แต่พอเจอกระแสโป๊ะแตกในโซเชียลฯ ทำให้แต่ละพรรคต้องออกมาแถลงว่าไม่เคยตกลงว่าจะไปสนับสนุนพวกอยากสืบทอดอำนาจ
เธอบอกว่า กระแสข่าว 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา พวกอยากอยู่ยาว ใช้สื่อกระแสหลักพยายามปล่อยข่าวว่าผู้ชนะเลือกตั้งฝ่ายประชาธิปไตยไม่มีทางจัดตั้งรัฐบาลได้ เพราะพวกอยากอยู่ยาวสามารถประกาศตัวทำเรื่องที่คนที่มีความละอายไม่กล้าทำ เรียกว่าเป็นบทเรียนในการใช้กระแสข่าว ความหน้าไม่อายปล่อยข่าวให้คนหน้าบางฝ่ายประชาธิปไตยท้อถอย แต่โชคดีที่กระแสโซเชียลฯ คนรุ่นใหม่คอยดักพฤติกรรมหน้าไม่อายเหล่านี้ ทำให้ฝ่ายอยากอยู่ยาวที่มีจำนวน ส.ส.แพ้เลือกตั้ง ยังไม่ประสบความสำเร็จในการจัดตั้งรัฐบาลแข่งกับผู้ที่มีจำนวน ส.ส.ชนะเลือกตั้ง
"ปัญหาความวุ่นวายความสับสนความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาล จะหมดไปเมื่อคนแพ้รู้จักแพ้ ไม่ใช่แพ้แล้วทำตัวเป็นคนชนะ ตั้งรัฐบาลแข่งคนชนะ ทำทุกวิธีให้คนชนะที่มีความละอายท้อถอย รวมทั้งอย่าให้คนหน้าไม่อายทำให้คนหน้าบางท้อถอย ขอบอกไว้เลยว่าคนที่ไม่รู้จักแพ้ ทำทุกอย่างขัดเจตนารมณ์ของประชาชนส่วนใหญ่จะได้รับบทเรียนแน่นอน ตัวอย่างในการเลือกตั้งครั้งนี้ก็ได้ให้บทเรียนผู้ที่ไม่รู้จักแพ้แล้ว" โฆษกพรรคเพื่อชาติกล่าว
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ ว่าที่ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการเสนอรัฐบาลปรองดองเพื่อให้ประเทศมีทางออกว่า การเสนอดังกล่าวมีรัฐธรรมนูญรับรอง โดยยึดตามมาตรา 272 ว่าด้วยการเลือกนายกรัฐมนตรีนอกบัญชีรายชื่อ โดยใช้เสียง 2 ใน 3 ของสองสภา หรือ 500 เสียงเพื่อยกเว้นบัญชีรายชื่อนายกฯ จากนั้นจึงเลือกเสนอชื่อผู้ที่เหมาะสมเป็นนายกฯ แต่กระบวนการนี้จะเกิดขึ้นได้พรรคการเมืองต่างๆ ต้องถอยกันคนละก้าวและลดทิฐิลง
เขากล่าวว่า หลัง กกต.ประกาศผลรับรอง ส.ส. เชื่อว่าแต่ละพรรคที่ประกาศตัวตั้งรัฐบาลจะรวมเสียงได้แบบปริ่มน้ำ ซึ่งอาจจะเกิดเดดล็อก เพราะอย่าลืมว่าตามมารยาทจะมี 3 คนไม่ออกเสียง คือ ประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ อีก 2 คน
รัฐบาลปรองดอง
นายเทพไทกล่าวอีกว่า เมื่อทุกพรรคการเมืองโหวตให้คนนอกเป็นนายกรัฐมนตรี หรืออาจจะมีบางส่วนที่ไม่ร่วมก็ได้ ไม่เป็นปัญหา แต่หากพรรคการเมืองหลักๆ มาร่วมเป็นรัฐบาลแล้วก็ถือว่าเป็นรัฐบาลปรองดอง หากไม่อยากจะใช้คำว่ารัฐบาลแห่งชาติ เพราะยังเสียวกับข้อเสนอของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีอยู่
“วันนี้แนวทางที่ผมเสนออาจจะเป็นไปได้น้อย แต่หลัง กกต.ประกาศผลเลือกตั้ง ก็ความเป็นไปได้อาจจะประมาณ 50:50 แต่ต่อไปอีกหนึ่งเดือนเชื่อว่าความเป็นไปได้จะมากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ และทวีมากขึ้น เพราะระยะเวลาจะเป็นตัวบีบ เพราะหากจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้จะเกิดแรงกดดันจากสังคมให้ทุกฝ่ายต้องเข้าหากัน ถ้าทุกคนถือทิฐิ หรือเห็นแก่ประโยชน์ เอาแต่ชนะคะคานกัน ประเทศก็ยิ่งเสียหาย เมื่อได้รับแรงกดดันมากๆ สุดท้ายก็หนีไปไม่ได้ ที่สุดก็ต้องมาจับมือกัน”
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเสนอแนวคิดนี้ถูกมองว่าเป็นพวกที่อกหักจากการเลือกตั้ง และไม่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี นายเทพไทชี้แจงว่าถ้ามองอย่างนั้นอย่าลืมว่าคะแนนป๊อปปูลาร์โหวตของฝ่ายที่ไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ มีมากกว่าฝ่ายที่สนับสนุนหลายเท่า ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีสิทธิ์ที่จะเป็นนายกฯ เลย แต่พรรคการเมืองอย่าคิดหวังว่าตัวเองผ่านการเลือกตั้งแล้ว ลงทุนไปเยอะเลยยืนกระต่ายขาเดียวว่าจะจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ ถ้ามีพฤติกรรมแบบนี้จะทำให้ประชาชนรู้ได้เลยว่าทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว หวังที่จะเป็นรัฐบาลเพื่อจะถอนทุนเท่านั้น
ต่อข้อถามว่า หากแนวทางนี้ไม่ได้รับการสนองตอบจากทุกพรรคการเมือง สถานการณ์จะเป็นอย่างไร นายเทพไทกล่าวว่า แม้ตอนนี้ กกต.จะยังไม่ประกาศผลการเลือกตั้งที่เป็นทางการ แต่ตนเชื่อว่าหากประกาศแล้วก็ไม่มีผลที่คลาดเคลื่อนไปจากเดิม เว้นแต่จะมีการใช้อำนาจของ กกต.จนทำให้ผิดเพี้ยนไป ซึ่งก็จะเกิดปัญหาเดดล็อก ไม่สามารถทำอะไรได้ ขอเตือนทุกพรรคการเมืองว่า หากเกิดเดดล็อกจริงตามที่ตนวิเคราะห์ คนที่จะได้ประโยชน์มากที่สุดก็คือหาก พปชร. พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลรักษาการ รวมถึงคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ยังสามารถอยู่ในอำนาจต่อไป เสวยสุขโดยไม่มีสิ้นสุด
เดดล็อกอย่างแท้จริง
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมามีการเสนอแนวทางรัฐบาลแห่งชาติมาหลายครั้ง แต่ไม่เคยสำเร็จ นายเทพไทกล่าวว่า เพราะที่ผ่านมาสถานการณ์เป็นเรื่องความขัดแย้งทางการเมือง เมื่อมีการเรียกหารัฐบาลแห่งชาติ แต่ไม่สำเร็จเพราะมีช่องทางอื่นแก้ไขได้ แต่วันนี้สถานการณ์เกิดเดดล็อกอย่างแท้จริง เดินไปทางอื่นไม่ได้ เว้นแต่ทุกพรรคต้องหันมาจับมือด้วยกัน หรือจะให้เทกระดานเลือกใหม่จะเอากันหรือเปล่า เงินที่ใช้ในการเลือกตั้ง 5-6 พันล้านใครจะรับผิดชอบ
นายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป (ปชช.) กล่าวว่า ตามที่หลายฝ่ายเป็นห่วงว่ารัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ หากได้รับเสียงสนับสนุนจาก ส.ส.เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรไม่มาก เสียงเพียงปริ่มน้ำจะบริหารราชการแผ่นดินไม่ได้ เพราะจะมีปัญหาในการพิจารณาผ่านกฎหมายต่างๆ รวมทั้งการพิจารณากฎหมายงบประมาณแผ่นดิน
แต่ตนเชื่อว่าไม่มีปัญหาดังกล่าว เพราะเห็นว่ากฎหมายที่พิจารณาโดยรัฐบาลในสมัยของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมถึงกฎหมายงบประมาณแผ่นดินเป็นกฎหมายที่สามารถดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 270 ได้ โดยใช้การพิจารณากฎหมายในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา
ซึ่งตนมั่นใจว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์จะมีเสียง ส.ส. และ ส.ว.สนับสนุนในรัฐสภามากกว่า 500 เสียง ทำให้สามารถบริหารราชการแผ่นดินไปได้ด้วยความมั่นคง.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |