"ปิยบุตร" ชู 3 นิ้ว เข้า ปอท.รับทราบข้อกล่าวหา แฟนคลับแห่ให้กำลังใจ "UNOHCR-อังคณา" นำทีมสิทธิมนุษยชน แต่ไร้เงาทูตฝรั่งมุง หลังพิมพ์ลายนิ้วมือเจ้าตัวปฏิเสธทุกข้อหา ลั่นกฎหมายทุกฉบับมอบอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน ศาลเป็นผู้ใช้อำนาจอธิปไตยฝ่ายตุลาการและกำหนดให้ประชาชนสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ บ่นตั้งแต่ตั้งพรรคอนาคตใหม่ถูกแจ้งความแล้วหลายคดี โดยหัวหน้า คสช.ที่เป็นคู่แข่งส้มหวาน
จากกรณีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ ฝ่ายกฎหมาย คสช. ร้องทุกข์กล่าวโทษเอาผิด นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ในข้อหาดูหมิ่นศาลและนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (2) จากการอ่านแถลงการณ์ของพรรคอนาคตใหม่คัดค้านมติศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมานั้น
เมื่อวันที่ 17 เมษายน เวลา 10.00 น. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ พร้อมด้วยทีมทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. ในฐานะโฆษก ปอท. เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ความผิดตาม ป.อาญาฯ ม.198 ฐานดูหมิ่นศาล และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2560 มาตรา 14 (2) นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยมีมวลชนเดินทางมาให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ ก่อนถึงเวลานัดหมาย ได้มีแกนนำพรรคอนาคตใหม่ อาทิ พล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรค, น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค พร้อมผู้สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ เดินทางมารอให้กำลังใจนายปิยบุตรด้วย โดยนายปิยบุตรได้ขอบคุณผู้สนับสนุนทุกๆ คนที่มาให้กำลังใจ พร้อมชู 3 นิ้ว เป็นสัญลักษณ์ต่อต้าน คสช.ด้วย
นายปิยบุตรได้ขอบคุณกองเชียร์และผู้สังเกตการณ์จากองค์กรระหว่างประเทศ ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติ หรือ UNOHCR และนางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) รวมทั้งอดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ นักเคลื่อนไหวกลุ่มอยากเลือกตั้ง ที่เข้ามาสังเกตการณ์
เขากล่าวว่า มาครั้งนี้เพื่อมารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกที่ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ ได้รับมอบอำนาจจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มาร้องทุกกล่าวโทษตนในข้อหาละเมิดอำนาจศาล ป.อาญาฯ มาตรา 198 ความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2560 มาตรา 14 (2) นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจ หรือโครงสร้างพื้นฐาน อันเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
ข้องใจ คสช.เป็นคนฟ้อง
อย่างไรก็ตาม ตนมั่นใจกับกระบวนการยุติธรรมของตำรวจ ซึ่งที่ผ่านมาก่อนที่จะมาเป็นนักการเมืองตนก็เป็นอาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลเป็นปกติ ไม่เคยถูกร้องทุกข์มาก่อน แต่พอตั้งพรรคอนาคตใหม่ได้ไม่ถึงปี กลับถูกกล่าวหามากกว่าพรรคการเมืองอื่น โดยในครั้งนี้จึงต้องดูข้อเท็จจริงว่าตนกระทำความผิดอย่างไร เพราะมั่นใจว่าไม่มีถ้อยคำไหนที่ตนสร้างความเกลียดชัง
นายปิยบุตรตั้งข้อสังเกตว่า ที่ผ่านมา พ.อ.บุรินทร์ จะมาแจ้งความด้วยตนเอง ไม่ได้รับมอบอำนาจจากคสช. แต่ครั้งนี้ไม่ทราบว่าผู้ใหญ่คนไหนที่มอบอำนาจให้ พ.อ.บุรินทร์มาร้องทุกข์ตน
"ยืนยันว่าการถูกแจ้งข้อกล่าวหาในครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบกับพรรคอนาคตใหม่อย่างแน่นอน"
เขาบอกว่า ได้มีการพูดคุยกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่บ้างแล้ว และมีการให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
นายปิยบุตรยังกล่าวอีกว่า ตนไม่ทราบว่าจะมีผู้สังเกตการณ์จากสถานทูตหรือองค์กรระหว่างประเทศเดินทางมา แต่ได้มีการสอบถามว่าตนถูกดำเนินคดีเพราะอะไร ซึ่งได้มีการสอบถามทุกพรรคการเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศบริเวณอาคารศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ อาคารบี มีการตรวจเข้มบุคคลที่จะเข้ามาในพื้นที่โดนการตรวจบัตรประชาชน ถ่ายภาพบุคคลและตรวจสแกนกระเป๋า รวมทั้งประสานตำรวจ สน.ทุ่งสองห้องเข้ามาดูแลความเรียบร้อยด้วย
ขณะที่ พ.ต.อ.ศิริวัฒน์เผยว่า ได้ขอกำลังตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง ร่วมตำรวจ บก.ปอท. มาทำการตั้งโต๊ะตรวจสแกนบัตรประชาชนทุกคนที่จะเข้ามาที่ บก.ปอท. ป้องกันมือที่สามและเหตุอื่นๆ ส่วนขั้นตอนจะแจ้งข้อกล่าวหา จากนั้นสอบปากคำและปล่อยตัวนายปิยบุตรกลับไปทันที ยืนยันเจ้าหน้าที่ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
สำหรับผู้สังเกตการณ์ มีนางอังคณา นีละไพจิตร คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ (UNOHCHR) จำนวน 2 คน มาร่วมสังเกตการณ์ และเข้ารับฟังการรับทราบข้อหาด้วย
ในการรับทราบข้อกล่าวหาดำเนินไปตามขั้นตอนปกติ มีการพิมพ์ลายนิ้วมือ และมีรายงานว่าก่อนพิมพ์ลายนิ้วมือ นายปิยบุตรได้ถอดแหวนแต่งงาน พร้อมกับบอกว่าเดี๋ยวจะเลอะ
ต่อมานายปิยบุตรเปิดเผยหลังเข้าพบพนักงานสอบสวนฯ ว่าได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และจะเขียนคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 9 วัน หรือวันที่ 25 เม.ย. และต้องหารือกับทนายก่อนว่าจะเดินทางมาด้วยตนเองหรือไม่
กฎหมายบอกให้วิจารณ์ศาลได้
ส่วนกรณี พ.อ.บุรินทร์ได้แจ้งความเอาผิดตนนั้นพบว่าเป็นฝ่ายกฎหมาย คสช. ได้เป็นผู้มอบอำนาจมาให้ร้องทุกข์ โดยตนตั้งข้อสังเกตว่าคนมาแจ้งความเป็นคน คสช. และหัวหน้า คสช. ก็เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคู่แข่งของพรรคอนาคตใหม่
"สำหรับกฎหมายทุกฉบับมอบอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน ซึ่งศาลเป็นผู้ใช้อำนาจอธิปไตยฝ่ายตุลาการ และกำหนดให้ประชาชนสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้"
เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่บอกว่า ในข้อหามาตรา 198 ดูหมิ่นศาล ซึ่งตามกฎหมายอาญานั้นสามารถให้บุคคลใดแจ้งความร้องทุกข์ก็ได้ และอาจเป็นปัญหาต่อไปในอนาคต เนื่องจากหากตนผิดจริงก็จะเป็นบรรทัดฐานวิพากษ์วิจารณ์องค์กรต่างๆ เพราะทำให้บุคคลที่สามสามารถแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดได้ โดยตนคิดว่ากฎหมายยังมีข้อบกพร่อง
สำหรับบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหาตาม พ.อ.บุรินทร์แจ้งความเอาผิดตนนั้น จากการตรวจสอบข้อความที่ถูกกล่าวอ้างที่เป็นความผิด ไม่พบว่ามีคำที่ตนพูดและไม่มีถ้อยคำใดแสดงถึงการดูหมิ่นศาลแต่อย่างใด นอกจากนี้ ตนได้ลงมาเล่นการเมืองแล้ว ต้องมีความอดทนอดกลั้นต่อการแสดงความคิดเห็นที่ไม่เป็นจริง
ด้านนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ กล่าวว่า ตอนแรกขอพนักงานสอบสวนขยายระยะเวลา 15 วันแต่ทางพนักงานสอบสวนชี้แจงว่ามีการเร่งรัดจากผู้ใหญ่จึงไม่สามารถขยายเวลาได้ เมื่อมีการถามว่าข้อหามาตรา 198 ดูหมิ่นศาล อย่างไรก็ตาม แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ โดยช่วงเวลาเพียง 9 วัน อาจจะไม่ทันต่อการส่งคำให้การ และอาจร้องขอต่อชั้นอัยการอีกครั้งหาก พนักงานสอบสวนส่งสำนวนไปเรียบร้อยแล้ว
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) และแกนนำกลุ่มก้าวต่อไปเพื่อประชาธิปไตย (กตป.) ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว ระบุว่า “วันนี้จะตามข่าวอาจารย์ปิยบุตรครับ อยากทราบว่าตั้งข้อหาอะไรกันแน่ คงต้องช่วยกันติดตามและวิจารณ์เรื่องนี้ ไม่ควรปล่อยให้มีการใช้การดำเนินคดีอาญาเพื่อเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้ง #หยุด คสช.ก้าวก่ายกระบวนการยุติธรรม"
น.ส.หฤทัย ม่วงบุญศรี หรือ อุ๊ นักร้องชื่อดัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า ผู้ไม่ประสงค์ดีต่อประเทศไทยมีอยู่จริง มีเครือข่ายทั้งในประเทศโยงใยไปถึงต่างประเทศ จุดประสงค์เพื่อทำลายความมั่นคงของประเทศไทย เพื่อประโยชน์ของต่างชาติ และคนบางจำพวกที่ไม่หวังดีกับประเทศชาติ
การใช้สื่อ เพื่อทำลายประเทศไทย การใช้สื่อเพื่อให้คนเกิดความเกลียดชังต่อสถาบันหลักของชาติ
การใช้สื่อเพื่อทำลายภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทย การใช้สื่อ เพื่อให้เกิดเป็นกระแสชังชาติ ให้คนในชาติเสื่อมศรัทธาในความเป็นชนชาติไทย และนี่จะเป็นบทพิสูจน์ของประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง ที่คนไทยจะต้องประสบพบเจอ และจะต้องก้าวข้ามพวกมันไปให้ได้!
เธอระบุว่า ขออนุญาตนำบทความของท่านอาจารย์สมเกียรติ โอสถสภา ที่ให้คนไทยได้ฉุกคิด และให้สังคมไทยได้ตั้งคำถาม ว่าเกิดอะไรขึ้น! เพื่อเป็นการสังเกตการณ์ไปพร้อมๆ กัน จงอย่ากะพริบตา! และอย่าชะล่าใจพวกมันโดยเด็ดขาด หมายเหตุ ใครไม่เกี่ยว ไม่ต้องร้อนตัว ไม่ต้องดิ้น ไม่ต้องเดือดร้อน อยู่เฉยๆ
ด้าน พล.ต.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. กล่าวในที่ประชุมสั่งการให้หน่วยงานความมั่นคงติดตามสถานการณ์ต่างๆ ภายในประเทศ เพราะรัฐบาลมีหน้าที่รักษาความสงบอยู่ พร้อมกำชับกระทรวงการต่างประเทศว่า หากมีความจำเป็นให้แจ้งสถานทูตต่างๆ ให้เข้าใจสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในประเทศ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |