กระแสรักชาติ ต่อต้านการแทรกแซงของต่างชาติ เทิดทูนและจงรักภักดีต่อสถาบัน ฯลฯ ยังไงๆ...ย่อมต้องถือเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้วแน่ๆ และควรที่จะส่งเสริม ควรที่จะกระตุ้น ให้คึกคัก เข้มแข็งเข้าไว้ โดยเฉพาะในยุคที่โลกมันชักจะ อันตราย ยิ่งขึ้นทุกที แต่ก็นั่นแหละ...สิ่งสำคัญที่ควรจะระมัดระวังเอาไว้มั่ง ก็คืออย่าให้มันออกอาการ สวิง (สะวิง???) หรือ สุดโต่ง จนเกินไป...
-------------------------------------------------
ทำอย่างไรถึงจะทำให้มันตั้งอยู่บน ความมีเหตุ-มีผล ให้มากๆ เข้าไว้ ยิ่งถ้าหากสามารถนำเอา ความเป็นไทย หรือความมีมิตรจิต มิตรใจ ต่อผู้อื่น ไม่ว่าชาติไหน ภาษาไหน หรือไม่ว่าจะมีพื้นฐานมุมมองแตกต่างไปจากกันเพียงไร มาใช้เป็นตัวรองรับเอาไว้ด้วย ก็ยิ่งน่าจะ เข้าท่า ยิ่งขึ้นไปใหญ่ หรือถ้าจะพูดแบบที่ ผู้หลัก-ผู้ใหญ่ ในบ้านเมือง อย่าง ป๋าเปรม ท่านเคยว่าเอาไว้ ก็คือ ทำอย่างไรถึงจะทำให้ ความเป็นไทย กับ ความเป็นธรรม เป็นสิ่งที่สามารถดำเนินเคียงคู่กันไปโดยตลอด อันนี้นี่แหละที่ต้องถือว่าสำคัญเอามากๆ...
--------------------------------------------------
อย่างเมื่อต้องเจอกับพวกเด็กๆ ประเภท อองตวน หรือ โรเบสปิแอร์ กลับชาติมาเกิด...ก็อย่าถึงกับต้องไปกระเหี้ยนกระหือรือกะจะเอาให้ตาย ให้จมธรณีลงไปให้จงได้ ปล่อยให้เป็นเรื่องตัวบท กฎหมาย ของบ้านเมืองที่ต้องว่ากันไปตามเนื้อผ้า ส่วนอะไรที่มันไม่ถึงกับน่าเกลียด น่ากลัว จนเกินไป คือไม่ได้ถึงกับหิ้วเครื่องประหาร กิโยตีน ติดไม้ ติดมือ มาด้วย ก็อาศัยความมีเหตุมีผลที่ว่านี่แหละ ชี้แจง แถลงไข อรรถาธิบาย ให้ความรู้ ความเข้าใจ ต่อพวกเด็กๆ เขา แม้วันนี้เขายังไม่คิดจะซึมซาบ แต่ก็เชื่อเถอะว่า อีกไม่ช้า-ไม่นาน เมื่อวัยและประสบการณ์ ที่เป็นตัวเคี่ยวกรำมวลมนุษย์ทุกผู้อย่างไม่มีข้อยกเว้น ได้ดำเนินไปตามขั้นตอนของ กรรม หรือของการกระทำ ไม่ว่า อองตวน หรือ โรเบสปิแอร์ ก็ตาม อาจถือศีล ออกบวช ตามแบบฉบับ องคุลิมาล เอาง่ายๆ...
---------------------------------------------------
ส่วนพวกต่างชาติที่ชอบแทรก ชอบแซง บ้านอื่น เมืองอื่น กันมาโดยตลอด...แม้จะมีการปรับกระบวนยุทธ์ กลยุทธ์ ไปในรูปไหนแบบไหน ก็ตาม แต่ภายใต้ความเป็นไปของโลกในทุกวันนี้ มันคงไม่ได้เป็นอะไรง่ายๆ เหมือนอย่าง ยุคเรือปืน หรือยุคอาณานิคมแผนเก่า แผนใหม่ ใดๆ ก็แล้วแต่ โดยเฉพาะเมื่อบรรดาเครื่องไม้ เครื่องมือต่างๆ ไม่ว่าจะเรียกว่า ประชาธิปไตย สิทธิ เสรีภาพ หรือ สิทธิมนุษยชน ไปจนถึงขั้นสิ่งที่เรียกๆ ว่า การค้าเสรี เอาเลยก็ยังได้ มันชักจะเป็นอะไรที่ล้าสมัย เสื่อมโทรม ทรุดโทรม ไม่ได้วิลิศมาหรา วิเศษวิเสโส เหมือนแต่ก่อน ตรงกันข้าม...กลับเป็นอะไรที่เลอะเทอะ เปรอะเปื้อน ไม่ได้มาตรฐานหรือหนักไปทาง สองมาตรฐาน อย่างเห็นได้โดยชัดเจน ดังนั้น...ไม่ว่าออกเรี่ยว ออกแรง กันในระดับไหนก็ตาม ส่วนใหญ่ก็มัก เหี่ยวปลาย และ แห้วกระป๋อง ไปด้วยกันทั้งสิ้น...
-----------------------------------------------------
พูดง่ายๆ ว่า...แค่ดูจาก อาหรับสปริง เป็นตัวอย่าง ก็มีแต่ต้องขนลุก ขนพอง กันไปแผงๆ คือไม่ว่า ประชาธิปไตย หรือ สิทธิมนุษยชน ตามแบบฉบับตะวันตก แพร่สะพัดเข้าไปในที่ไหน ประเทศไหน มีแต่ เจ๊ง...กับ...เจ๊ง หรือ ฉิบหาย...กับ...ฉิบหาย อย่างมิอาจปฏิเสธได้ ไล่มาตั้งแต่ตูนิเซีย ลิเบีย อียิปต์ ซีเรีย เยเมน ฯลฯ ต่างแหลกลาญ เละเป็นขี้ เละเป็นโจ๊ก กันไปเป็นแถบๆ ที่พอรอดปากเหยี่ยว ปากกา มาได้บ้าง อย่างเช่นอียิปต์ เป็นต้น อันนั้น...หนีไม่พ้นต้องหันไปหา เผด็จการ ที่หนักซะยิ่งกว่า บิ๊กตู่ ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า ถึงพอ เอาอยู่ ได้บ้าง นอกนั้น...มีแต่ยังต้องจมกองทุกขเวทนา ด้วยเหตุเพราะความกระหายใคร่อยาก ต่อสิ่งที่เรียกว่า ประชาธิปไตย และ สิทธิมนุษยชน ตามแบบฉบับตะวันตกไปด้วยกันทั้งสิ้น...
--------------------------------------------------------
จากตัวอย่าง บทเรียน เพียงเท่านี้...ใครที่ยังอยากจะเห็น ไทยสปริง อุบัติขึ้นมาในวันนี้ พ.ศ.นี้ ถ้าไม่ โง่ ก็ บ้า โดยไม่ต้องเสียเวลาสรุปไปเป็นอื่น แม้แต่ การค้าเสรี ที่เคยงัดเอามาใช้ตั้งแต่ยุคเรือปืน จนถึงยุค จอร์จ โซรอส ถล่มค่าเงินบาทของไทย ที่เรียกๆ กันว่า เสรีนิยมยุคใหม่ ก็เถอะ เอาไป-เอามา...กลับต้องกลายเป็น เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส เอาดื้อๆ เมื่อผู้นำหัวขบวนทุนนิยมเสรี อย่าง ทรัมป์บ้า ออกมาเปิดฉาก สงครามทางการค้า กับใครต่อใคร ด้วยการแสดงออกถึงความเห็นแก่ตัวกู-ของกู หรือ ความแก่ตัว ชนิด อเมริกาต้องมาก่อน กันในทุกเรื่อง ทุกกรณี ส่งผลให้สิ่งที่เรียกว่า การค้าเสรี กลายเป็นเรื่องหลอกเด็กไปโดยทันที เพราะใครที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ต่างต้องเสริมเพิ่มเติมคำว่า ความเป็นธรรม ห้อยท้ายคำว่า เสรี เอาไว้ด้วย คือต้อง ฟรี และ แฟร์ เท่านั้น มันถึงพออยู่ๆ กันไปได้...
-----------------------------------------------------------
บรรดาความจริง หรือข้อเท็จจริงเหล่านี้...ต่างสามารถหยิบเอามาใช้เป็น ประจักษ์พยาน ได้สบายๆ โดยไม่ต้องไปเกลียด โกรธต่อความเพียรพยายาม ยั่วส้นตีน ของพวกเด็กๆ เขา ถึงแม้จะเปรี้ยวมือ เปรี้ยวเท้า เพียงใดก็เถอะ แต่ถ้าหากยังไม่ถึงขั้นลากเครื่อง กิโยตีน ออกมาอวดโชว์กันแบบจะจะ แจ้งๆ ก็คงต้องอาศัยความอดทน อดกลั้น ความมีเหตุ-มีผล และความมีน้ำใจ-ไมตรีนั่นแหละ เป็นตัวอรรถาธิบายชนิดปากเปียก ปากแฉะ กันไปข้าง เพราะไม่ว่าจะเมื่อยปาก เมื่อยกราม เพียงใดก็ตาม แต่อย่างน้อย...ก็น่าจะพอช่วยให้สิ่งที่เรียกว่า ความเป็นไทย อันเป็นที่รักและหวงแหน กลายเป็นสิ่งดำเนินควบคู่ไปพร้อมๆ กับ ความเป็นธรรม ได้อย่างสอดคล้อง กลมกลืน และอันนี้นี่เอง...ที่จะทำให้ ชาติ-ศาสน์-กษัตริย์ เป็นไปได้อย่างยั่งยืน มั่นคง แข็งแรง อีกตราบนานเท่านาน...
------------------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก German proverb... He that pelts every barking dog, must pick up a great many stones.- บุคคลที่คิดจะขว้างสุนัขที่เห่าทุกตัว มีแต่ต้องเก็บและแบกก้อนหินเอาไว้เป็นจำนวนมาก...
-------------------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |