ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้บรรจุระเบียบวาระการประชุมเรื่องเร่งด่วน ในวันพฤหัสบดีที่ 22 ก.พ.นี้ คือ ให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง หรือ 7 เสือ กกต. ตามรายชื่อที่คณะกรรมการสรรหาและที่ประชุมศาลฎีกาส่งมาให้ สนช.โหวต เห็นชอบ-ไม่เห็นชอบ จำนวน 7 รายชื่อ

      แยกเป็น 5 ชื่อจากกรรมการสรรหา ประกอบด้วย ฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช., เรืองวิทย์  เกษสุวรรณ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ, อิสสรีย์ หรรษาจรูญโรจน์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์, ชมพรรณ์ พงษ์เจริญ สุธีรชาติ หัวหน้าสำนักงานกฎหมายสุธีรชาติ, ประชา เตรัตน์ อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย และอีก 2 ชื่อที่ศาลฎีกาส่งมา คือ ฉัตรไชย จันทร์พรายศรี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลฎีกา และปกรณ์ มหรรณพ ผู้พิพากษาศาลฎีกา

      ทั้งนี้ การลงมติของ สนช.ตามระเบียบวาระดังกล่าวเกิดขึ้นหลังก่อนหน้านี้ที่ประชุม สนช.เมื่อ 25  ธ.ค.60 มีมติตั้ง กมธ.ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง กกต. โดยมีกรอบการทำงานภายใน 60 วัน นับจาก 25 ธ.ค.

      จึงทำให้ใกล้ครบกำหนดที่ กมธ.ที่มีพลเอกอู้ด เบื้องบน เป็นประธานจะต้องทำรายงานสรุปการตรวจสอบดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุม สนช.ที่จะเป็น การประชุมลับ จากนั้นจะมีการลงมติ ลับ เพื่อเห็นชอบ-ไม่เห็นชอบ 7 รายชื่อดังกล่าว ว่าจะให้ไปนั่งทำงานเป็น 7 เสือ กกต. ที่ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะหรือไม่

      โดย สนช.มีอำนาจในการลงมติดังกล่าว ซึ่งหากบุคคลใดไม่ได้รับความเห็นชอบด้วยคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่ง ก็จะทำให้ชื่อนั้นถูกตีตกไปและต้องไปเปิดรับสมัครคัดเลือกกันใหม่ ส่วนคนที่ สนช.ลงมติเห็นชอบก็จะเข้าสู่ขั้นตอนทางกฎหมายต่างๆ ต่อไป อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามไปยัง พลเอกอู้ด เบื้องบน ประธาน กมธ.ตรวจสอบคุณสมบัติผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็น กกต.  เขาบอกว่าเพิ่งทราบว่ามีการบรรจุระเบียบวาระดังกล่าว จนถึงขณะนี้ กมธ.ยังประชุมกันไม่จบ แต่เมื่อมีการบรรจุเรื่องดังกล่าวไว้ในระเบียบวาระแล้ว กมธ.ก็จะต้องเร่งพิจารณาและจัดทำรายงานผลการตรวจสอบประวัติของ 7 รายชื่อดังกล่าวให้เสร็จภายในวันพฤหัสบดีที่ 22 ก.พ.นี้ แต่หากสุดท้ายไม่ทันจริงๆ ก็สามารถขอมติต่อที่ประชุม สนช.เพื่อขยายเวลาได้ แต่คิดว่าจะต้องทำให้ทัน

      ต้องจับตาดูกันว่าการประชุมของ สนช.ในวาระสำคัญวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ ในการลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ 7 เสือ กกต.ดังกล่าว จะมีอะไรเซอร์ไพรส์หรือไม่?

      หลังเริ่มมีกระแสข่าวว่าตอนนี้ สนช.บางส่วนเห็นว่า 7 รายชื่อที่ส่งมา บางคนคุณสมบัติ-สเปกยังไม่ถึงขั้นจะเข้าไปทำหน้าที่เป็น กกต.ที่มีวาระการทำงานถึง 7 ปีเต็มได้ จึงทำให้เริ่มมีกระแสข่าวว่า สนช.บางส่วนอาจจะโหวตไม่เห็นชอบบางรายชื่อ แต่เรื่องนี้ก็ยังเป็นแค่ความเห็นของ สนช.บางส่วนเท่านั้น  เพราะทั้งหมดต้องรอให้ กมธ.ตรวจสอบประวัติได้ชี้แจงผลการตรวจสอบประวัติ-จริยธรรม ที่ตรวจสอบโดยละเอียดของทั้ง 7 รายชื่อ และมีการจัดทำเป็นรายงานลับนำมารายงานในที่ประชุมลับ สนช. ทำให้ สนช.สามารถซักถามอภิปรายได้เต็มที่ ไม่ต้องเกรงใจ 7 รายชื่อดังกล่าว หาก สนช.คนใดมีข้อข้องใจสามารถซักถามกับ กมธ.และอภิปรายแสดงความเห็นได้กลางที่ประชุม จนเมื่อการอภิปรายยุติลงก็จะเข้าสู่การลงมติว่าสุดท้ายจะเห็นชอบกับทั้ง 7 รายชื่อหรือไม่ โดยรายชื่อที่เห็นว่ายังไม่เคลียร์ก็อาจโหวตไม่เห็นชอบได้

      แต่ที่น่าสนใจคือ ขณะที่รายชื่อ 7 เสือ กกต.ยังไม่รู้ว่า สนช.จะโหวตผ่านทั้งหมดหรือตีตกชื่อไหน หรือไม่ ก็ปรากฏว่าตอนนี้เริ่มมีกระแสข่าวในแวดวงการเมืองที่ลอยมาจากตึกที่ทำการของ กสทช.แถวซอยสายลมว่า จากเดิมที่ก่อนหน้านี้ แคนดิเดตคู่ชิงประธาน กกต.คนใหม่ คือ ฉัตรไชย ผู้พิพากษาศาลฎีกา กับประชา เตรัตน์ อดีตรองปลัดมหาดไทย หนึ่งในคณะที่ปรึกษาของพลเอกอนุพงษ์  เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย

      ทว่าช่วงหลังทิศทางกระแสข่าวเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว เพราะตอนนี้กลายเป็นว่าเริ่มมีชื่อของ ฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. ที่รู้กันดีในทางการเมืองว่าเป็นคนที่มากไปด้วยคอนเนกชัน กำลังเป็นชื่อที่แรงปลายกระทั่งอาจได้คั่วเก้าอี้ประธาน กกต.คนใหม่ เพราะต้องไม่ลืมว่าใน 7 กกต.นั้นจะมาจากสายกรรมการสรรหา 5 คน ที่ก็คือเสียงข้างมาก ดังนั้นหาก 5 กกต.จากสายสรรหาจับมือกันแน่น เสียงไม่แตกในการเลือกประธาน กกต. โอกาสในการชิงประธาน กกต.จึงมีมากกว่า ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ระยะหลังชื่อของ ฐากร เริ่มถูกจับตามองมากขึ้นว่าอาจถูกดันขึ้นมาแทน ประชา เตรัตน์ เพราะความที่มีแบ็กอัพดีกว่า

      แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ลำดับแรกต้องรอดูผลการประชุม สนช.วันที่ 22 ก.พ.นี้ก่อนว่าจะเลื่อนวาระการเห็นชอบ กกต.ออกไปหรือไม่ หากไม่เลื่อนก็ต้องดูว่า สนช.จะโหวตเห็นชอบทั้ง 7 รายชื่อหรือไม่ หรือบางชื่อจะถูกตีตก เมื่อเห็นรายชื่อที่ออกมาแล้วก็น่าจะรู้ได้แล้วว่า ใครคือประธาน กกต.คนใหม่?