สงกรานต์ 5 วัน ตายพุ่ง 297 ราย อุบัติเหตุ 2,702 ครั้ง เหตุ จยย.มากสุด ขณะที่ "คสช." เผย 5 วันยึดรถที่ฝ่าฝืนมาตรการดื่มไม่ขับแล้ว 5,318 คัน พร้อมเตือนผู้ขับขี่ยานพาหนะพักรถ-พักคน เป็นระยะเพื่อความปลอดภัย "บิ๊กป้อม" กำชับส่วนราชการเสริมประสิทธิภาพทำงานร่วมกับจิตอาสา น้อมนำพระราชกระแสความห่วงใยของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดูแลความปลอดภัยประชาชนเดินทางกลับจากสงกรานต์
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2562 เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2562 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่าย ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 15 เมษายน 2562 ซึ่งเป็นวันที่ห้าของการรณรงค์ “ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร”
พบว่าเกิดอุบัติเหตุ 472 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 54 ราย ผู้บาดเจ็บ 494 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 40.68 ขับรถเร็ว ร้อยละ 27.54 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 78.85 ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 67.16 บนถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 37.92 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 36.23 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01-20.00 น. ร้อยละ 32.42 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป ร้อยละ 23.36
ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,040 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 65,308 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 1,092,735 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 235,838 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 64,926 ราย ไม่มีใบขับขี่ 57,452 ราย โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (26 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ขอนแก่น เชียงใหม่ พิษณุโลก มหาสารคาม อุบลราชธานี (จังหวัดละ 3 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (27 คน)
สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสม 5 วัน (11-15 เม.ย. 62) เกิดอุบัติเหตุ 2,702 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 297 ราย ผู้บาดเจ็บ 2,807 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 8 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (104 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ อุดรธานี (14 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (104 คน)
นพ.สุขุมกล่าวต่อว่า วันนี้เป็นวันหยุดสุดท้ายของเทศกาลสงกรานต์ คาดว่าจะมีปริมาณรถหนาแน่น โดยเฉพาะเส้นทางหลักจากภูมิภาคต่างๆ ที่มุ่งเข้าสู่กรุงเทพมหานคร ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจึงได้เน้นย้ำให้จังหวัดเพิ่มความเข้มข้นการปฏิบัติงาน ประจำจุดตรวจบนเส้นทางสายหลัก เส้นทางสายรองที่ประชาชนใช้เป็นทางลัดและทางเลี่ยงเมือง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นถนนทางตรง วิ่งสวนเลน และไม่มีเกาะกลาง จึงสามารถใช้ความเร็วได้สูง โดยให้เพิ่มความถี่ในการเรียกตรวจ โดยเฉพาะรถโดยสารสาธารณะ ทั้งประจำทางและไม่ประจำทาง รถกระบะที่บรรทุกผู้โดยสารท้ายกระบะ รวมถึงกวดขันพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนน ทั้งการขับรถเร็ว ดื่มแล้วขับ และการไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัย ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุรุนแรง ในส่วนของการอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ให้ประสานการเปิดช่องทางพิเศษและจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกตลอดเส้นทาง โดยเฉพาะบริเวณจุดตัดเส้นทางสายหลักสายรองที่มีการจราจรหนาแน่น
สำหรับการเตรียมความพร้อมช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ ได้กำชับให้หน่วยบริการการแพทย์ฉุกเฉิน จัดทีมแพทย์ พยาบาล ทีมกู้ชีพกู้ภัยให้พร้อมปฏิบัติงาน เข้าถึง และส่งต่อผู้ประสบอุบัติเหตุได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งจัดเตรียมระบบสื่อสารแจ้งเหตุ ทีมบุคลากร และอุปกรณ์เครื่องมือให้พร้อมช่วยเหลือผู้ประสบเหตุทันที กรณีเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยฉุกเฉิน ประชาชนสามารถแจ้งเหตุได้ทางสายด่วน 1669 ตลอด 24 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม การสังสรรค์รื่นเริงในช่วงเทศกาลสงกรานต์ อาจทำให้ผู้ขับขี่มีอาการอ่อนล้า การขับรถระยะทางไกลต่อเนื่องหลายชั่วโมงจึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุง่วงหลับใน ศปถ. ขอฝากเตือนผู้ใช้รถใช้ถนนไม่ขับรถเร็ว ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด หยุดพักรถทุก 1-2 ชั่วโมง ไม่ฝืนขับรถเมื่อมีอาการง่วงนอน ให้จอดพักรถตามจุดบริการต่างๆ หรือสถานีบริการน้ำมัน เพื่อให้เดินทางถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) กล่าวว่า จากสถิติอุบัติเหตุทางถนนในช่วง 5 วันที่ผ่านมา พบว่า อุบัติเหตุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดบนถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 59.85 โดยส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 66.54 ซึ่งมีสาเหตุจากการขับรถเร็วกว่าร้อยละ 43.49 ซึ่งวันนี้คาดว่าเส้นทางสายหลักจะมีปริมาณรถหนาแน่นตลอดทั้งวัน ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุชนท้ายและง่วงหลับใน
ทั้งนี้ ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนได้กำชับจังหวัดให้เพิ่มความถี่ในการจัดตั้งจุดตรวจบนเส้นทางสายหลัก เพื่อชะลอความเร็วรถและป้องกันการแซงในระยะกระชั้นชิด รวมถึงเข้มข้นการดูแลจุดเสี่ยงอุบัติเหตุ ทั้งทางโค้ง ทางลาดชัน ที่มักเกิดอุบัติเหตุเบรกแตก และเส้นทางตรงที่มีระยะทางยาวที่มักเกิดอุบัติเหตุจากการหลับใน ท้ายนี้ ฝากเตือนประชาชนให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจที่ปฏิบัติหน้าที่สร้างความปลอดภัยบนเส้นทางสายต่างๆ ปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด “เร็ว เมา โทร ง่วง.. ไม่ขับ” เพื่อให้เดินทางถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร
ด้าน พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า มาตรการ “ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ” พบผู้กระทำผิดในลักษณะที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุโดยประมาทด้วยการดื่มแล้วขับขี่เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2562 ประกอบด้วย รถจักรยานยนต์ พบการกระทำความผิด 45,508 ครั้ง เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องยึดไว้ 1,166 คัน, รถโดยสารสาธารณะและรถยนต์ส่วนบุคคล พบการกระทำความผิด 42,696 ครั้ง เจ้าหน้าที่ได้ยึดใบขับขี่ไว้ 2,291 คน ยึดรถยนต์ 457 คัน
โดยตลอด 5 วันที่ผ่านมา (11-15 เมษายน 2562) เจ้าหน้าที่ได้ยึดรถที่ฝ่าฝืนมาตรการ ดื่มไม่ขับไว้แล้ว 5,318 คัน (แยกเป็น รถจักรยานยนต์ 3,907 คัน และรถยนต์ 1,411คัน ) และดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด รถจักรยานยนต์ 104,279 คน รถโดยสารสาธารณะ/รถยนต์ส่วนบุคล 73,139 คน
อย่างไรก็ตาม มีการตั้งข้อสังเกตว่าสถิติผู้ฝ่าฝืนมาตรการปลอดภัยมีจำนวนมากนั้น เนื่องจากในเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ผู้ใช้เส้นทางมีจำนวนมาก ประกอบกับเจ้าหน้าที่ได้เพิ่มจำนวนจุดบริการ/จุดตรวจสอบมากขึ้น ทำให้ตรวจพบผู้ฝ่าฝืนมาตรการดื่มไม่ขับมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ใช้ทั้งมาตรการทางนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ เน้นการสร้างความเข้าใจ ขอความร่วมมือ หรือการจัดส่งคนที่ดื่มกลับบ้าน เพื่อมุ่งหวังให้ประชาชนปลอดภัยเป็นสำคัญ
สำหรับรถที่ควบคุมไว้นั้น เจ้าหน้าที่ได้ดูแลและจัดหาสถานที่เก็บรักษาไว้อย่างเหมาะสม โดยผู้เป็นเจ้าของรถสามารถติดต่อขอรับคืนได้หลังเทศกาลตามเวลาที่กำหนด ยกเว้นรถที่อยู่ในระหว่างการดำเนินคดี ต้องรอให้กระบวนการทางคดีเรียบร้อยก่อน
พ.อ.หญิงศิริจันทร์กล่าวด้วยว่า ประชาชนทยอยเดินทางกลับจากการเฉลิมฉลองและท่องเที่ยวในเทศกาลสงกรานต์ คาดว่าการจราจรจะมีความคับคั่งเพิ่มมากขึ้นตลอดวัน ขอให้ผู้ขับขี่เตรียมแผนการเดินทาง ตรวจสอบสภาพอากาศและการจราจร เพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีรถหนาแน่น รักษาวินัยจราจร โดยเฉพาะดื่มไม่ขับ คาดเข็มขัดนิรภัย สวมหมวกกันน็อก ใช้ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด พักรถพักคนเป็นระยะ รวมทั้งการมีน้ำใจต่อผู้ร่วมทาง โดยเจ้าหน้าที่ทุกส่วนจะดูแลการเดินทาง อำนวยความสะดวก ทั้งในพื้นที่สถานีขนส่ง ปมคมนาคม เส้นทางหลักและเส้นทางรอง เปิดเส้นทางพิเศษ ช่วยการระบายรถให้มีความคล่องตัว เพื่อให้ประชาชาเดินทางได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย
วันเดียวกัน พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนนตรีฝ่ายความมั่นคง และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กำชับฝ่ายปกครอง ตำรวจและทหาร น้อมนำพระราชกระแสสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงห่วงใยการสูญเสียของประชาชนจากอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ไปร่วมกันปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ในการอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยของประชาชนที่ทยอยเดินทางกลับจากภูมิลำเนา
โดยย้ำทุกส่วนราชการทุกพื้นที่ ให้ประสานการทำงานร่วมกับจิตอาสาในแต่ละพื้นที่อย่างใกล้ชิด เพื่อเสริมการทำงานของเจ้าหน้าที่ ในการอำนวยความสะดวกประชาชนและการลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ทั้ง 7 มาตรการหลักให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยขอให้ช่วยกันลดเงื่อนไขและปัจจัยเสี่ยงจากข้อมูลสถิติในแต่ละพื้นที่ให้มากที่สุด ทั้งด้านคน ด้านถนนและสภาพแวดล้อม ด้านยานพาหนะ ด้านความปลอดภัยทางน้ำ ด้านการช่วยเหลือหลังเกิดอุบัติเหตุ รวมทั้งด้านการบริหารจัดการต่อเนื่องกันไปถึง 17 เม.ย.62.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |