16 เม.ย.62-ดร.สมเกียรติ โอสถสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ผมมีพรรคพวกจากต่างประเทศ แวะเวียนมาคุยด้วยบ่อยๆ พวกเขาทึ่งประเทศไทยมาก บอกว่าประเทศไทยโชคดี พวกนี้มาพร้อมด้วยข้อมูลเศรษฐกิจไทยที่เตรียมมาอย่างดี
เอามาแบ่งกันอ่าน
========================================
หนึ่ง ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีสำรองเงินตราต่างประเทศอันดับ 12 ของโลก
============================================

ราว 240000 ล้านเหรียญ พอๆกับเยอรมัน มากกว่า อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี ตุรกี มาเลเซีย เอมิเรทส์ ออสเตรเลีย และอีกเกือบ 200 ประเทศทั่วโลก

ประเทศและกลุ่มประเทศที่มีมากกว่าไทยคือ จีน ญี่ปุ่น ทุกประเทศของยูโรโซนรวมกัน ซาอุ ใต้หวัน รัสเซีย เกาหลี อินเดีย ฮ่องกง สิงคโปร์ ไรงี้

ในยามวิกฤติแบบนี้ ประเทศที่มีสำรองยิ่งมาก ยิ่งดี ก็เหมือนกับคนที่มีเงินสดเก็บไว้เยอะแหละครับ เขามั่นใจมาก

ประเทศอื่นๆที่ควรรู้คือ

มาเลย์ 95000
ฟิลิปปินส์ 85000
ออสเตรเลีย 49000
เวียดนาม 39000 
คูเวต 31000 
พม่า 9000 
กัมพูชา 7000
ออสเตรีย 24000
หน่วยเป็นล้านเหรียญนะครับ

ที่เขาห่วงกันคือ ถ้าเกิดโหวตออกจากอียูกันมากๆ ค่าเงินของแต่ละประเทศในยุโรปคงจะร่วง

จากตัวเลขสำรองเขาเอาไปเทียบกับหนี้ต่างประเทศ แล้วบอกว่าประเทศไทยสบายมาก
===================================
สอง สถิติการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด
=================================
ไทยเกินเป็นอันดับที่ 12 ของโลก พูดง่ายๆว่าค้าขายมีกำไร เงินไหลเข้าประเทศมากกว่าไหลออกทุกปี รวมเงินที่คนเอามาลงทุนอะไรต่างๆด้วย การท่องเที่ยวด้วย

พวกต่างชาติเขามองว่าประเทศไทยของผมโชคดีสุดๆ มีรายได้จากการท่องเที่ยวอันดับ 4 ของโลก กรุงเทพแข่งกับลอนดอนชิงที่หนึ่งเมืองท่องเที่ยวโลก

ประเทศไทยมีฐานลูกค้าที่กว้างใหญ่มาก เป็นประเทศการท่องเที่ยวที่ถูกเป็นอันดับ 2 ของโลก ยังไปได้อีกยาวมาก เป็นศูนย์การบินของเอเซียด้วย อุตสากรรมต่อเนื่อง value chain มากมาย

มาสไตล์ลอนดอน ปารีส โรม ไฮโซมากๆๆ ชอบ

ท่องเที่ยวคืออุตสาหกรรมอันดับหนื่งของโลกวันนี้ครับ ไม่ใช่น้ำมัน อาวุธ อีเลกโทรนิกส์ เหล็ก สิ่งทอ

คุยกันเรื่องจีน เขาก็บอกว่า ไทยจะได้ประโยชน์จากจีน และประเทศอื่นๆมาก ไปยาว ยาวปายย........

เงินจะไหลเข้าประเทศอีกนาน จะเอามาแบ่งกันอย่างไร ว่ากันอีกโพสท์ตอน domestic economy
----------------

ดูตัวเลขนิดนืง จีนเกินดุลสูงสุด 293000 ล้านเหรียญ ญี่ปุ่น 137000 ล้านเหรียญ ไทย 34000 ล้านเหรียญ

ที่สูงกว่าไทยอื่นๆ ก็มี เยอรมัน เกาหลี ฮอลแลนด์ สิงคโปร์ รัสเซีย

อันดับ 12 ของโลกนะครับ เราเป็นประเทศ world class ทีเดียว

อ้อ ประเทศที่ขาดดุลมากสุดคือ สหรัฐ อังกฤษ บราซิล

ออสเตรเลีย แคนาดา ซาอุ เมกซิโก ตุรกี อินเดีย อินโดนิเซีย

นายกแคนาดาวิ่งขายกุ้งในงานประชุมG20 ด้วยเหตุนี้ นายกกุ้ง
===========================================
สาม การเกินดุล ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเทียบกับ GDP
==============================================
คนจะมองออกว่าประเทศไหนเจ๊ง ไม่เจ๊งจากตัวเลขนี้

ของไทยเกินดุล ค้าขายได้กำไรเมื่อเทียบกับรายได้ของชาติถึง 8.5% อยู่ลำดับ 5 ของโลกเท่าเยอรมัน สูงกว่าไทยคือสิงคโปร์ 20% ใต้หวัน 12% ฮอลแลนด์ 9.9%

หลายประเทศมีปัญหาหนักครับ เช่น ลิเบีย-28% ลาว

มีกลุมเสี่ยงร่วมหนึ่งในสี่ของประเทศสำคัญในโลก

ในยุคที่การลงทุนระหว่างประเทศลด ประเทศที่พึ่งเงินส่วนนี้จะลำบากมากครับ มีผลต่อการย้ายของมหาอำนาจมาก
=======================================

สี่ ไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกที่ใหญ่อันดับ 22 ของโลก ปีนี้การส่งออกบวกแน่นอน 4-8% ดีกว่าที่อื่นๆเยอะ

ประเทศส่งออกรายใหญ่ของโลกคือ จีน อียู อเมริกา เยอรมัน ญี่ปุ่น เกาหลี ฝรั่งเศส ฮ่องกง ฮอลแลนด์
===============================

ห้า การลงทุนจากต่างประเทศสะสม FDI Stock.
====================================

ถ้าจะมองตัวเลขการลงทุน ซึ่งสะท้อนถืงการจ้างงาน แยกดูสักสี่ด้านนะครับ

- มูลค่าการลงทุนสะสมของประเทศไทยอยู่ที่เกือบสองแสนล้านเหรียญ เทียบกับอินโดนิเซียที่ 21000 ฟิลิปปินส์ราว 20000

ด้วยทุนจำนวนนี้ มีกำไรก็ขยายกิจการไปเรื่อยๆ ตอนนี้ขาดแรงงานมาก เขาขอนำเข้าบัณทิตมหาวิทยาลัยต่างชาติมาทำ กระทรวงแรงงานน่าจะฟิตหน่อยนะครับ

ปีที่แล้วบริษัทในตลาดหุ้นไทยทำกำไรเพิ่ม 24% บริษัทtop 2000 ก็เหมือนกัน งานขยายนะ ได้กำไรก็ลงทุนขยายงานต่อ

ปีที่แล้วตลาดหุ้นไทยขึ้นสูงเป็นอันดับหนึ่ง สองของโลกราวสามปี รู้ป่าวครับ ปีนี้ปรับตัวแป๊บ

-ดูการลงทุนภายใน มีโครงการต่างๆเพิ่มเต็มไปหมด ระบบรางก็จ้างคนสามสี่หมื่นแล้ว

ที่น่าสนใจคือการลงทุนของคนทั่วไป ไม่มีสถิติ BOI ต้องเดินจึงจะเห็นครับ

ซื้อรถกะบะค้าขาย เปลี่ยนตึก บ้านเป็นร้านค้า ขยายทั่วกทม

ลองเดินลึกเข้าซอยไป น่าจะเพิ่มเป็นสิบ ยี่สิบเท่าตัว รับคนทำงานเยอะมาก แต่การแข่งขันรุนแรงมาก

-นี่คือการลงทุนของคนที่ไม่มีตัวเลขราชการ ไม่ลงทะเบียนด้วย

- ที่ต้องดูคือการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ปีแรกหยุดไป ไม่น่าหยุดเลย ตอนนี้ประกาศโครงการกันมากมาย จากนี้ไป รัฐวิสาหกิจจะเป็น leading sector