'ตี๋กร่าง' กับ 'บันทึกช่วยจำ'


เพิ่มเพื่อน    

    สงกรานต์ปีนี้ "สนุกมาก"
    ไทยเป็น "ศูนย์รวมพลโลก" กลายๆ ไปแล้วชั่วโมงนี้ เพราะผู้คนไม่ว่าส่วนไหนของโลก
    มารวมฉ่ำน้ำสงกรานต์อยู่ที่นี่!
    ใครๆ ก็อยากมาเมืองไทย มาแล้วสบายใจ อบอุ่นใจ เพราะที่นี่ "มีแต่ให้"
    ไม่ว่าชาติไหน ภาษาไหน ขอให้มาเถอะ คนไทยยินดีต้อนรับ ไม่แบ่งแยก 
    ยิ้มคนไทย ไม่ใช่ภาษากาย 
    หากแต่เป็น "ภาษาใจ" ที่รินไหลปรากฏทางใบหน้าและแววตาบริสุทธิ์
    คนตะวันตก ไม่รู้จักคำว่า "น้ำใจ" เพราะสังคมพวกเขาไม่มี มีแต่คำว่า "ผลประโยชน์แลกเปลี่ยน"
    เพราะอย่างนี้ พวกตะวันตกจึงไม่เข้าใจวิถีคนตะวันออก "อาเซียน-เอเชีย" มากนัก
    แล้วก็ใช้ความไม่เข้าใจ บวกถือตนว่า "ตะวันตกฉลาดกว่าตะวันออก" ทำอะไรอย่างที่เรียกว่า "อำนาจบาตรใหญ่" ไม่ค่อยให้เกียรติชาติอื่น-เมืองอื่น
    ยกตนข่มผู้อื่น ยังพอให้อภัย คิดว่า "ตามสันดาน"
    แต่ที่ข่มแบบแทรกแซง-แยงยุให้คนในบ้านเมืองอื่นแตกแยก ด้วยหวังผลซ่อนเร้น
    อย่างที่ "ฝรั่งสถานทูต" ทำกับบ้านเมืองไทย กรณีถือหาง "นายธนาธร" ผู้ส่อแนวทางมุ่งร้ายสถาบัน เมื่อสัปดาห์ก่อน
    แบบนี้ "ปล่อยผ่านไม่ได้" เลย!
    มีเสียงชมว่า "กระทรวงการต่างประเทศ" ของไทยเราตอบโต้ได้ดี
    ทั้งพิทักษ์รักษาเกียรติภูมิชาติ ทั้งตบหน้าสั่งสอนพวกสถุลทูตด้วย "บันทึกช่วยจำ" ได้สุนทร สมน้ำ-สมเนื้อ
    คงเห็นกันบ้างแล้วทางโซเชียลมีเดีย แต่เป็นก๊อบปี้จากเอกสาร อ่านกันไม่ค่อยถนัด
    วันนี้ว่างๆ เลยนั่งคลำแต่ละตัวมาให้อ่านกันชัดๆ ดังนี้
            AIDE MEMOIRE
    In line with international practices and obligations, as the receiving state, the Royal Thai  Government respects rights of Embassy to monitor political and economic development and to  observe events of significance in Thailand, for the Embassy's benefit of analysis, assessment  and promoting friendly relations between Thailand and the sending state.
    However, the incident at Pathumwan police station last Saturday (6 April 2019) involving a  number of Embassies, including your own, while the police were carrying out their duty  required under the Thai law, was clearly not consistent with such international practices and  obligations.
    Regardless of the intention, the presence of Embassies'representatives at the police station with such a visibility and the publicity it generated were clearly and act of political significance, seen by the Thai public largely as a show of moral support to Mr.Thanathorn.
    In other words, it was a political act or a political statement on the part of the Embassies.
    It clearly amounted to the Embassies choosing to be a player in Thai domestic politics,  atleast by having taken side in the country's political landscape.
    The Royal Thai Government considers such action to be in breach of the Vienna  Convention on Dipromatic Relations (VCDR), Article 41, and the internationally recognised principle of non-interference in interal affairs of sovereign nations,
    We have not seen such an act by dipromatic corps anywhere we know of.
    Therefore, we want to register our displeasure and concern, and to remind you of the  international obligations under the VCDR.
    We hope that such acts will not be repeated in the future.
            Ministry of Foreign Affairs,
                   Bangkok.
            10 April B.E.2562 (2019)
    มีคนแปล "บันทึกช่วยจำ" นี้เป็นสำนวนไทยแท้ไว้หลายสำนวน แสบสันดี อยากเอามาให้อ่าน แต่ดูจะถลอกถึงเนื้อหนักไป
    อย่ากระนั้นเลย ขออาศัยสำนวนคุณ Pitt Chaisorn ก็แล้วกัน แต่จะจัดบรรทัดใหม่ ไม่ว่ากันนะครับ
                บันทึกช่วยจำ
    ตามข้อผูกมัดและแนวปฏิบัติสากล ในฐานะเป็นประเทศฝ่ายรับ (receiving state),
    รัฐบาลไทยเคารพสิทธิของทูตในการติดตามการพัฒนาเศรษฐกิจและการเมือง รวมถึงการสังเกตการณ์เหตุการณ์สำคัญต่างๆ ในประเทศไทย 
    เพื่อประโยชน์ของทูตในการวิเคราะห์ ในการประเมินและในการส่งเสริมความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างประเทศไทยกับประเทศฝ่ายส่ง (sending state)
    อย่างไรก็ตาม..........
    เหตุการณ์ที่สถานีตำรวจปทุมวัน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (๖ เมษายน ๒๕๖๒) ที่ได้มีทูตจำนวนหนึ่งรวมถึงทูตของท่านด้วย เข้าไปสังเกตการณ์ 
    ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังปฏิบัติหน้าที่ภายใต้กฎหมายไทยนั้น 
    ชัดเจนว่า มิได้เป็นไปตามข้อผูกมัดและแนวปฏิบัติสากลดังกล่าว
    ถ้าหากไม่ได้ตั้งใจ ก็อยากจะบอกว่า การปรากฏตัวของตัวแทนทูตอย่างชัดเจนต่อสาธารณะที่สถานีตำรวจแบบนั้น ส่งผลทางการเมืองอย่างชัดเจนต่อสาธารณชนคนไทยในวงกว้างว่า
    เป็นการสนับสนุน "นายธนาธร" ในเชิงจริยธรรม
    กล่าวอีกอย่างได้ว่า มันเป็นพฤติกรรมและการบ่งบอกทางการเมืองของทูตเหล่านั้น
    มันส่งผลอย่างชัดเจนว่า..........
    ทูตเหล่านี้ เลือกที่จะลงมาเล่นการเมืองในประเทศไทย อย่างน้อยที่สุด ก็ได้ "เลือกข้าง" ในฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งของการเมืองในประเทศแล้ว
    รัฐบาลไทยเห็นว่า พฤติกรรมดังกล่าว เป็นการละเมิดข้อตกลงแห่งเวียนนาที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางการทูต (VCDR) มาตรา ๔๑
    และละเมิดหลักการสากล ว่าจะไม่แทรกแซงกิจการภายในของชาติที่มีอำนาจอธิปไตย
    จากประสบการณ์ เราไม่เคยเห็นพฤติกรรมของกลุ่มนักการทูตเยี่ยงนี้ในที่ใดมาก่อน
    ดังนั้น ขอบอกว่า...........
    เราไม่พอใจและเพิกเฉยต่อเรื่องนี้ไม่ได้ 
    และขอเตือนพวกท่าน 
    ให้กลับไปทบทวนข้อผูกมัดสากลภายใต้ VCDR เสียใหม่
    เราหวังว่า พฤติกรรมเยี่ยงนี้ จะไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคต
        กระทรวงการต่างประเทศ
                กทม.
        ๑๐ เมษายน ๒๕๖๒
    ครับ เรื่องนี้ต้องบันทึกไว้เลย 
    อาจเป็นปฏิกิริยาสนองตอบชนิด "หมัดต่อหมัด-เท้าต่อเท้า" เป็น "ครั้งแรก" ของไทย 
    ต่อการกระทำ "ไร้มรรยาท" ของคนระดับตัวแทนระหว่างประเทศ ที่สมควรได้รับการสั่งสอนอันเสมอภาค
    มีคนฝากชมท่านรัฐมนตรี "ดอน ปรมัตถ์วินัย" และฝ่ายสารนิเทศของกระทรวงการต่างประเทศ ที่ออกบันทึกช่วยจำฉบับนี้
    คำว่า "บันทึกช่วยจำ" คอการเมืองระหว่างประเทศอาจเคยได้ยิน แต่ที่เห็นกันชัดๆ อย่างฉบับนี้ ไม่ค่อยได้เห็นกัน
    ก็อยากให้ "รู้จัก-เข้าใจ" คำนี้ให้มากขึ้น 
    ก็จะนำจาก "พจนานุกรมทูต" ว่าด้วย "ศัพท์การทูต" มาให้อ่านพร้อมๆ กัน
       Aide-memoire หรือ Memoire ความหมาย คือ แปลตามตัวอักษรว่า "ช่วยความจำ" 
    เป็นหนังสือโต้ตอบทางการทูตประเภทหนึ่ง คือ บันทึกสังเขปของการเจรจาที่ได้กระทำกันเสร็จสิ้นแล้ว 
    บันทึกช่วยจำเช่นนี้ ไม่มีการกล่าวนำเป็นทางการและไม่มีการลงชื่อ ซึ่งจะมอบให้แก่กันเมื่อเสร็จการเจรจากันแล้ว ความมุ่งหมายของบันทึกนี้ คือ.....
    เพื่อบันทึกข้อเท็จจริงไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งผู้รับบันทึกทราบดีแล้ว 
    บันทึกช่วยจำก็คือ บันทึกสรุปการสนทนาทางการทูต "อย่างไม่เป็นทางการ" 
    ระหว่างผู้แทนหรือพนักงานทางการทูต กับหัวหน้าหรือพนักงานของกระทรวงการต่างประเทศ 
    จุดประสงค์ตามที่ชื่อบ่งอยู่แล้วว่า เป็นการสรุปประเด็นต่างๆ ในการสนทนาเพื่อเตือนความจำนั้นเอง 
    ในทางปฏิบัติ เจ้าหน้าที่ทางการทูตจะมอบบันทึกนี้ไว้กับกระทรวงการต่างประเทศ 
    ในบันทึกนั้น บรรทัดแรกจะระบุว่าใครเป็นผู้ส่งและใครเป็นผู้รับบันทึก 
    ผู้ส่งบันทึก จะต้องลงชื่อย่อกำกับบันทึกไว้ด้วยบันทึกช่วยจำอีกชนิดหนึ่ง เรียกว่า pro memoria 
    โดยปกติภาษาที่ใช้ใน pro memoria จะมีลักษณะถ้อยคำเป็นทางการมากกว่า aide-memoire
    วันนี้ เอาเท่านี้ละมัง........
    พูดภาษาหลังไมค์นะ เคยอ่านที่โหราจารย์เคยว่า ตามดาว ช่วงนี้ เมืองไทย จะต้องเจอปัญหาด้านต่างประเทศ 
    ทำนองบ้านเมืองจะถูก "ด้วง-หนอน" บ่อนไส้ ไชนอก-ไชใน ซึ่งมันก็จริง
    แต่ไม่ต้องอกไหม้ไส้ขมกันไป ทั้งด้วง ทั้งหนอน เดี๋ยวก็จะเจอ "พาราควอต" ตายยกรัง
    "ตี๋เล็ก-ตี๋ใหญ่" ทำกร่างไปเถอะ!


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"