'ปิยบุตร'พบ'ปอท.' ทูตเจ้าเก่าสอดแนม


เพิ่มเพื่อน    

    นโยบายพรรคอนาคตใหม่ส่อหมกเม็ดล้มมาตรา 112 เปิดช่องให้กษัตริย์ไทยถูกฟ้องร้องผ่านศาลอาญาระหว่างประเทศ เมื่อเลขาธิการพรรคชูลงนามสัตยาบันกรุงโรม 2002 "ปิยบุตร" ยันไม่หนี กลับมารับทราบข้อหาแน่ "ช่อ ส้มหวาน" เผยคณะทูตเจ้าก่อน นักวิชาการ แห่ให้กำลังใจที่ ปอท.แน่นอน
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบการเปิดตัวนโยบายของพรรคอนาคตใหม่ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2561 ในงานเปิด "วิสัยทัศน์ เปลี่ยนอนาคต" ทั้งนี้ ได้พบถ้อยแถลงของนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่  ที่ระบุว่า “เราจะลงนามสัตยาบันกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) เป็นเกราะคุ้มกัน เพื่ออย่างน้อยที่สุด หากใครจะยิงคนทิ้งเป็นผักเป็นปลา เพราะไม่มีความยับยั้งชั่งใจว่าผิด" 
    ทั้งนี้ ถ้อยแถลงดังกล่าวอาจสุ่มเสี่ยงและตีความไปอาจทำให้กระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยหรือไม่ เนื่องจากหากประเทศไทยได้ให้สัตยาบันธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ 2002 จริง อาจเป็นการลบล้างประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่มีจุดมุ่งหมายป้องกันไม่ให้ผู้ใด หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
     นอกจากนี้ ยังอาจเปิดช่องให้ผู้ใดสามารถฟ้องร้องต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยผ่านศาลอาญาระหว่างประเทศได้ใช่หรือไม่ และยังขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560  มาตรา 6 ที่ระบุว่า องค์พระมหากษัตริย์ทรงดํารงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้ ด้วยใช่หรือไม่
    อย่างไรก็ตาม แนวทางดังกล่าวนี้ไม่ใช่ของใหม่ ก่อนหน้านี้ประเทศไทยเคยตั้งคณะอนุกรรมการแปลธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ"   จำนวน 10 คน จากส่วนราชการต่างๆ คือ สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ กระทรวงยุติธรรม, สำนักงานศาลยุติธรรม, สำนักงานอัยการสูงสุด, สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา, กรมพระธรรมนูญ กระทรวงกลาโหม และกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ มีหน้าที่แปลธรรมนูญกรุงโรมเป็นภาษาไทย ใช้เวลาสองปีจึงแปลเสร็จในวันที่ 14 มิถุนายน 2544
     หลังจากทำการศึกษาเสร็จรัฐบาลไทยในเวลาต่อมา ก็นำมาศึกษา แต่สุดท้ายก็ไม่ยอมให้สัตยาบันกรุงโรม เพราะข้อ 27 ของธรรมนูญดังกล่าวระบุว่า ให้ใช้ธรรมนูญบังคับแก่บุคคลทุกคนอย่างเสมอหน้ากัน และไม่มีใครจะอ้างอำนาจหน้าที่ทางราชการ โดยเฉพาะในฐานะประมุขแห่งรัฐ มาคุ้มกันตนให้พ้นจากความรับผิดทางอาญาได้เลย
ธรรมนูญกรุงโรม
    โดยมีเหตุผลประกอบคือ 1.เนื่องจากข้อ 27 แห่งธรรมนูญกรุงโรม ได้กล่าวว่า “ธรรมนูญกรุงโรมนี้ บังคับต่อบุคคลทุกคนเท่าเทียมกันโดยปราศจากการแบ่งแยกใดๆ บนพื้นฐานสถานะทางการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานะทางการในฐานะประมุขของรัฐ” ซึ่งในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ได้ระบุไว้ว่า “พระมหากษัตริย์ทรงดำรงตำแหน่งประมุขของประเทศและจอมทัพไทย”  “องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ และผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใด ๆ มิได้”
    ดังนั้น ถ้าประเทศไทยดำเนินการให้สัตยาบันธรรมนูญกรุงโรม อันส่งผลเป็นการรับรองเขตอำนาจของศาลระหว่างประเทศ เท่ากับลดความคุ้มกันในการละเมิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ที่มีอยู่ในกฎหมายไทย และถ้ามีผู้ไม่หวังดีฟ้องร้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ กล่าวหาประมุขของประเทศไทย ในข้อหาฐานความผิดต่างๆ อาจมีผลกระทบต่อพระมหากษัตริย์ของเราได้ ทั้งที่พระองค์ทรงอยู่เหนือความขัดแย้งใดๆ ทั้งปวง โดยที่ประเทศไทยไม่สามารถป้องกันได้เลย
    2.กระบวนการยุติธรรมของศาลอาญาระหว่างประเทศ โดยหลักการแล้วจะเข้ามาดำเนินการได้ก็ต่อเมื่อปรากฏว่า กระบวนการยุติธรรมภายในประเทศไม่สามารถดำเนินการได้ (unable) หรือไม่สมัครใจ (unwilling) ที่จะดำเนินการหรือไม่ดำเนินการอย่างแท้จริง (in genuine) ซึ่งคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมีความเห็นพ้องกันว่า ประเทศไทยยังสามารถดำเนินกระบวนการยุติธรรมภายในได้ ไม่จำเป็นต้องให้ไอซีซีเข้ามาเสริมอำนาจในกระบวนการยุติธรรมหลักของไทย
    ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ก่อนหน้านี้ประเทศมาเลเซีย โดยนายมหาเธร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรี ได้กลับลำไม่เข้าร่วมรับรองสัตยาบันธรรมนูญกรุงโรมก่อนหน้าที่ลงนามไปแล้ว หลังถูกต่อต้านอย่างหนักจากนักการเมืองฝ่ายค้านและสุลต่านผู้ปกครองรัฐยะโฮร์ที่ไม่พอใจเนื่องจากเกรงว่าสมาชิกในราชวงศ์ผู้ปกครองรัฐของมาเลเซียจะไม่ได้รับการยกเว้นให้อยู่นอกเหนืออำนาจศาลไอซีซี 
แนวคิด"ปิยบุตร"
     สำหรับแนวคิดดังกล่าวของนายปิยบุตร ที่แถลงในวันเปิดตัวนโยบายพรรคอนาคตใหม่เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.61 แม้จะไม่ได้ลงในรายละเอียด แต่เมื่อไปตรวจสอบแนวคิดและอุดมการณ์ในอดีตสมัยเป็นนักวิชาการของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผ่านงานเสวนาต่างๆ อาทิ เสวนามาตรา 112 กรณีสมยศ พฤกษาเกษมสุข การเมือง ความยุติธรรม สถาบันกษัตริย์ เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2556, สัมมมาเรื่อง “กษัตริย์ศึกษาในรัฐไทย รัฐไทยกับการศึกษาสถาบันกษัตริย์” ในโอกาสเปิดตัวหนังสือ ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ : ความเคลื่อนไหวของขบวนการปฏิปักษ์ปฏิวัติสยาม (พ.ศ.2475-2500) ซึ่งเขียนโดย ณัฐพล ใจจริง อาจารย์จากคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เมื่อวันที่ 31 ก.ค.2556 สันนิษฐานได้ว่ามีแนวคิดไม่เห็นด้วยกับประมวลอาญา มาตรา 112 พร้อมทั้งเคยลงชื่อร่วมยกเลิกกฎหมายดังกล่าวร่วมกับนักวิชาการต่างๆ ในนามคณะนิติราษฎร์เมื่อปี 2555 รวมทั้งยังมีบทบาทวิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ และกระบวนการยุติธรรมไทยในเชิงวิชาการมาอย่างต่อเนื่อง
    สำหรับความเคลื่อนไหวของนายปิยบุตรนั้น เมื่อวันที่ 14 เม.ย. โพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพทางทวิตเตอร์ แสดงความเห็นว่า อยู่ระหว่างการพักผ่อนกับภรรยา ช่วงหลังเลือกตั้ง ก่อนจะเกิดทางไปพบพนักงานสอบสวน ตามหมายเรียกที่ คสช. แจ้งความเอาผิดไว้ที่ ปอท.ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะแน่นอน
    "สงกรานต์ปีนี้ผมมาเที่ยวพักผ่อนกับภรรยา หลังจากทำงานหนักช่วงเลือกตั้งจนแทบไม่มีโอกาสได้พบกันเลย หลังหยุดยาวนี้พร้อมกลับไปเดินหน้าต่อเพื่ออนาคตใหม่ทันที วันที่ 17 เม.ย.นี้ 10.00 น. ผมจะไปพบ พนง.สอบสวนตามหมายเรียก ซึ่ง คสช.ได้กล่าวโทษไว้ที่ ปอท.ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะแน่นอนครับ"
    ทั้งนี้ คดีดังกล่าวเกิดจาก พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ รับมอบอำนาจจาก คสช. ไปร้องทุกข์กล่าวโทษในความผิดอาญา 2 ฐานคือ ดูหมิ่นศาล และนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ จากกรณีอ่านแถลงการณ์พรรคอนาคตใหม่เกี่ยวกับกรณีการยุบพรรคไทยรักษาชาติ
     น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ เผยว่า นายปิยบุตรซึ่งเดินทางไปต่างประเทศ จะเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 16 เมษายน และจะเข้าพบตำรวจ ปอท. ในเวลา 10.00 น. วันที่ 17 เมษายน อย่างแน่นอน โดยนายปิยบุตรถูกดำเนินคดีใน 2 ข้อหาคือ 1.ดูหมิ่นศาล 2.นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเบื้องต้นมีตัวแทนทูตของประเทศต่างๆ ประสานเพื่อเข้าสังเกตการณ์เช่นเดียวกับกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกดำเนินคดีมาตรา 116
    เธอเผยว่า นอกจากตัวแทนทูตแล้ว ทราบว่าจะมีกลุ่มนักวิชาการที่เคยทำงานร่วมกับนายปิยบุตรและลูกศิษย์ลูกหาของนายปิยบุตรที่จะเดินทางไปให้กำลังใจอีกด้วย ซึ่งทางพรรคจะเข้าไปประสานเตรียมความเรียบร้อยของสถานที่ เพราะ ปอท.ไม่ได้มีที่โล่งกว้างเหมือน สน.ปทุมวัน สำหรับรายละเอียดพรรคจะแจ้งให้ผู้ที่ต้องการไปให้กำลังใจนายปิยบุตรเพื่อทราบต่อไป
    นายรังสิมันต์ โรม ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Rangsiman Rome ระบุว่า สเตตัสนี้เป็นสเตตัสที่ยากลำบากไม่น้อย เพราะผมเขียนขึ้นจากความรู้สึกที่ต้องมองอาจารย์ตัวเองโดนโจมตีเป็นตำบลกระสุนตกอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะช่วงใกล้วันเลือกตั้ง และลากยาวมาถึงปัจจุบัน
สังคมที่เป็นอยู่ไม่ใช่คำตอบ
        ผมรู้จักอาจารย์ปิยบุตรครั้งแรก ตอนเรียนวิชากฎหมายรัฐธรรมนูญ วิชานี้น่าจะเป็นวิชาแรกๆ ที่ทำให้ผมนำวิชาความรู้ในห้องเรียนไปเปรียบเทียบกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในสังคม ผมมีคำถามมากมายที่หาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมสิ่งที่เรากำลังเรียนในห้องเรียนจึงแตกต่างกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ความสงสัยนี้ได้สร้างคำถามมากมายต่ออาจารย์ปิยบุตร คำถามหลายเรื่องไม่อาจหาคำตอบได้ เพราะสังคมมันบิดเบี้ยวเกินกว่าที่จะหาตำราเล่มใดบนโลกใบนี้มาตอบได้
    ผมตัดสินใจลงเรียนในเกือบทุกวิชาที่อาจารย์ปิยบุตรสอน เปลี่ยนคำถามที่ถามอาจารย์ปิยบุตร เป็นคำถามที่มุ่งต่อผู้มีอำนาจ เมื่อคำถามผมดังขึ้น ผมพบว่ามีแรงกระแทกมุ่งมาที่ตัวเองมิใช่น้อย แรงกระแทกนี้มุ่งหวังให้ผมนั่งลงและยอมจำนน บางครั้งถึงขนาดพรากเสรีภาพที่ผมมี แต่ขณะเดียวกันผมพบว่ายังมีคนอีกจำนวนมากที่คิดเห็นเช่นเดียวกันกับเรา มีหลายคนที่พร้อมเดินมาด้วยกันกับผม สนับสนุนผมเท่าที่คนคนหนึ่งจะทำได้ 
    หนึ่งในคนที่ร่วมเดินและสนับสนุนผมตลอดมา คืออาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล หนึ่งในอาจารย์ที่สอนผมตลอดมา ผมจำได้ว่าในวันที่อาจารย์ปิยบุตรมาเยี่ยมผมในเรือนจำ อาจารย์บอกว่าคุณต่อสู้ลำบากมาเยอะแล้ว ผมพอรู้ว่าข้างในอาหารเป็นยังไง เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมจะสั่งอาหารดีๆ ให้คุณกินข้างใน ยังไงคุณรอรับละกัน ผมและเพื่อนๆ ที่เหลือวันนั้นเลยได้ช่วยประหยัดงบประมาณหลวง ไม่ทานข้าวในเรือนจำ แต่ได้ทานข้าวจากเงินเดือนอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แทน
     ผมและอาจารย์ปิยบุตร เราอยากเห็นสังคมไทยเปลี่ยนแปลง เราเชื่อว่าสังคมไทยที่เป็นอยู่ไม่ใช่คำตอบของวันนี้ ไม่ใช่คำตอบของคนรุ่นลูกหลานเรา เราไม่อาจจะส่งมอบมรดกแบบนี้ให้กำลังคนในเจเนอเรชั่นหน้าได้
    ดังนั้นเราจำเป็นต้องลงมือทำ ลงทำมืออะไรสักอย่างเพื่อให้สังคมมันต้องเปลี่ยน การตั้งพรรคอนาคตใหม่ ก็เป็นส่วนหนึ่งของวิธีการที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น แม้ว่าจะรู้ดีว่าการทำแบบนี้ อาจจะมีคมหอกคมดาบจำนวนมากมายพุ่งตรงเข้ามาก็ตาม ผมเข้าใจว่าวันที่ 17 เม.ย.ที่จะถึงนี้ เวลา 10 โมง ที่อาจารย์จะต้องไปรายงานตัวที่ ปอท. ในคดีที่ไม่รู้ว่าต้องพลิกตำราเล่มไหนถึงจะอธิบายว่าอาจารย์ดูหมิ่นศาลอย่างไร คงต้องสู้กันต่อไป จนกว่าความยุติธรรม ความเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้น แล้วเจอกัน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"