วิชา “หน้าที่พลเมืองและศีลธรรม” ได้มีการสอนในโรงเรียนเมื่อประมาณ 60-70 ปีมาแล้ว เป็นวิชาที่สอนให้นักเรียนรู้จักว่าหน้าที่พลเมืองที่ดีนั้นเป็นอย่างไร และคนดีมีศึลธรรมนั้นเป็นอย่างไร ด้วยวิชานี้นักเรียนในสมัยนั้นจึงมีคุณธรรมจริยธรรมที่ดีงาม ปัจจุบันมีคำถามว่าวิชาหน้าที่พลเมือง ศีลธรรม และประวัติศาสตร์ที่ปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม จิตสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคม ตลอดจนความภาคภูมิใจในรากเหง้าของความเป็นไทย มีความภูมิใจในความเป็นไทย ยึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ หายไปไหน เด็กรุ่นใหม่ถึงไม่ค่อยภูมิใจในความเป็นไทยเท่าที่ควร และเรียกร้องสิทธิจนเกินความพอดี ดูเหมือนคนไทยเราจะรักแผ่นดินไทยของเราลดน้อยลงไปมาก ในขณะที่หลายๆ ประเทศจะให้ความสำคัญกับวิชาประวัติศาสตร์เพื่อปลูกฝังความรักชาติ และให้รู้ความเป็นไปในอดีตว่ากว่าจะมีวันนี้ได้บรรพบุรุษเราต้องเสียเลือดเนื้อเพื่อแลกมาด้วยความยากลำบากเพียงใด คนรุ่นใหม่ควรจะหวงแหนและปกป้องผืนแผ่นดินนี้ต่อไปอย่างไร
คำถามที่ว่าวิชาดังกล่าวหายไปหรือไม่ คงไม่ถึงกับหายไป แต่ไปรวมอยู่ในกลุ่มสาระสังคมศึกษา ซึ่งคนบางกลุ่มมองว่าเป็นการ “ล้างสมอง” เด็ก เพราะคนรุ่นใหม่มองว่า “หน้าที่” คือสิ่งที่ทุกคนต้องทำ “สิทธิ” คือสิ่งที่ต้องใช้เมื่อมีคนไม่รู้จักหน้าที่ ปัจจุบันจึงมีคนออกมาเรียกร้องสิทธิกันมากมาย ถึงแม้ว่าการเรียกร้องสิทธินั้นจะขัดต่อกฎหมาย ก็ยืมมือต่างชาติมากดดัน โดยไม่คำนึงว่าจะตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายไหน และประเทศชาติจะเสียหายเพียงใด เพราะคนรุ่นใหม่เรียกร้องสิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคมากกว่าจะมามองหน้าที่พลเมืองของตนเอง เมื่อรัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ไม่สามารถแก้ปัญหาการคอร์รัปชันได้ แน่นอนที่ผู้เสียหายย่อมใช้สิทธิตามหน้าที่พลเมืองออกมาเรียกร้องความถูกต้อง และนับวันก็มีการเรียกร้องมากขึ้นจนกลายเป็นการแตกแยก เพราะต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิและความชอบธรรมในการปกป้องและเปิดโปงซึ่งกันและกัน
เนื้อหาสาระในหลักสูตรควรมีการปรับปรุงให้เข้ากับยุคสมัยในโลกไร้พรมแดน เพราะคนรุ่นใหม่มักจะอ้างรูปแบบหน้าที่พลเมืองของญี่ปุ่น อังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี เพียงแค่ได้ไปศึกษาต่อ ซึมซับการใช้ชีวิตในต่างแดนแล้วย้อนกลับมาดูถูกประเทศตัวเองว่าไม่ศิวิไลซ์เท่า แต่ไม่เคยคำนึงถึงบริบทที่ต่างกัน แค่การอบรมเลี้ยงดูต่างกันก็มีผลทางการเจริญเติบโตและความคิด ยังไม่รวมถึงสวัสดิการที่รัฐจัดให้ในแต่ละประเทศ ซึ่งเป็นตัวหล่อหลอมให้คนในประเทศนั้นสำนึกในหน้าที่พลเมือง ประเทศไทยยังติดกับดักกับประชาธิปไตยแบบผิดๆ ประชาธิปไตยที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิของตัวเองแต่ไม่เคยทำหน้าที่อย่างถูกต้องและตรงไปตรงมา ประชาธิปไตยที่พวกมากลากกันไป มือใครยาวสาวได้สาวเอา ประชาธิปไตยที่เกิดจากการยึดอำนาจ ประชาธิปไตยที่มักเอามาใช้อ้างกันอย่างพร่ำเพรื่อ ประชาธิปไตยที่ยังคงเอามวลชนและการปลุกระดมมาเป็นเครื่องมือให้คนไทยแบ่งแยกกันเอง ประชาธิปไตยที่ต้องอิงกองทัพและสื่อมวลชน ประชาธิปไตยที่ต้องมีนายทุนหนุนหลังนักการเมืองและคอยตักตวงคืนในภายหลัง เราควรเลิกทะเลาะกันแล้วหันมามองตัวเองว่าเราทำหน้าที่พลเมืองดีพอหรือยัง มีศีลธรรมประจำใจหรือไม่ มาร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์ของคนรุ่นใหม่ให้เป็นที่จดจำของคนรุ่นหลังจะดีกว่าไหม.
จิตติมา กุลประเสริฐรัตน์
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |