สถานีรถไฟใต้ดิน Dobutsuen-Mae ในโอซาก้าตกแต่งด้วยภาพบั้นท้ายสิงห์สาราสัตว์ เพราะสวนสัตว์เทนโนจิอยู่ทางทิศที่สัตว์เดินมุ่งหน้าและห่างไปแค่สถานีเดียว
รถไฟสายฮันคิว-โกเบ พาเราออกจากโอซาก้า ข้ามแม่น้ำโยโดกาวะไปทางทิศตะวันออก ราวๆ ครึ่งชั่วโมงก็ถึงสถานีซันโนมิยะ สถานีใหญ่สุดของเมืองโกเบ
เราเดินอีกประมาณ 5 นาทีไปยัง Minato Hutte โฮสเทลขนาดกะทัดรัด ราคาห้องดอร์มต่อคนต่อคืนประมาณ 800 บาท ชั้นล่างเปิดเป็นบาร์ เคาน์เตอร์เช็กอินอยู่ที่มุมหนึ่ง เวลาที่เราไปถึงฟ้าเริ่มมืดพอดี บาร์เปิดให้บริการแล้ว แต่ยังไม่มีลูกค้า ผู้จัดการบาร์เดินมาขอพาสปอร์ตเพื่อใช้เช็กอินแล้วก็เดินกลับไปประจำการหลังเคาน์เตอร์บาร์ต่อเพราะฝ่ายต้อนรับของโฮสเทลโผล่มาพอดี
ความตั้งใจของผมในตอนแรกคือขึ้นเขามายา (Maya-san) ไปดูแสงสีของเมืองโกเบยามค่ำคืน วิวจากเขามายาที่มองลงมายังเมืองโกเบนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็น “Ten Million Dollar Night View” ขนาดวิวนาฬิกาทรายหรือบางคนมองเป็นหางปลาที่เมืองฮาโกดาเตะยังถ่อมตัวเป็นแค่ “One Million Dollar View” แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ทั้งสองแห่งก็ติด 1 ใน 3 สุดยอดวิวของญี่ปุ่น อีกแห่งคือวิวเมืองนางาซากิจากภูเขาอินาสะ
ผมตรวจสอบสภาพอากาศแล้วหากเราขึ้นไปค่ำนี้อาจแข็งตายอยู่บนภูเขา เพราะอุณหภูมิหนาวเย็นเกินกว่าแจ็กเก็ตที่เตรียมมาจะรับมือได้ เก็บกระเป๋าแล้วตัดสินใจหาเนื้อโกเบกินเสริมกำลังไว้ลุยวันรุ่งขึ้นจะดีกว่า
ร้านใกล้ที่พักที่เราไปด้อมๆ มองๆ อยู่หน้าร้านมีแต่ลูกค้าชาวญี่ปุ่น ผมสนใจร้านแบบนี้เพราะเชื่อว่าคนท้องถิ่นกินก็น่าจะอร่อยและไม่แพง พนักงานสาวเปิดประตูออกมาบอกว่าวันนี้ที่นั่งเต็มแล้ว ถามถึงความเป็นไปได้สำหรับวันพรุ่งนี้ เธอบอกว่าถูกจองเต็มแล้วเช่นกัน เราจึงต้องเดินไปยังย่านนักท่องเที่ยว ใกล้ๆ สถานีซันโนมิยะ
ผมไม่ได้ทำการบ้านเรื่องร้านเนื้อโกเบมาเลย เคยกินครั้งหนึ่งที่ร้านเล็กๆ ไม่ห่างจากท่าเรือโกเบซึ่งถูกปากและชอบความเป็นกันเองของพ่อครัว แต่ร้านอยู่ห่างออกไปเกินจะเดินเท้าได้ในเวลาหิวจัดเช่นนี้
ฝ่ายเพื่อนร่วมทางของผมอ่านรีวิวมาจากพันทิป ทราบว่านักท่องเที่ยวไทยหลายคนแนะนำ Kobe Steak Land ซึ่งมีอยู่ 2 สาขา เราเดินผ่านสาขาหนึ่ง ผมเห็นแล้วก็เฉยๆ เพราะร้านใหญ่มาก
สุดท้ายได้เข้าร้านที่มีแต่ลูกค้าชาวญี่ปุ่น เป็นร้านที่ต้องสั่งเนื้อมาย่างเองบนเตาตะแกรงรูปวงกลม นั่งที่โต๊ะซึ่งว่างอยู่เพียงตัวเดียว พนักงานหนุ่มดึงม่านลงมาจากเพดานจนถึงความสูงระดับขอบโต๊ะเพื่อแบ่งสัดส่วนกับโต๊ะใหญ่ข้างๆ
เราสั่งเนื้อ 4 จานจาก 4 ส่วนของวัว ผักหลากชนิด และเบียร์สด Kirin น่าเสียดายที่คนญี่ปุ่นไม่นิยมกินเนื้อกับไวน์แดง
ย่านท่องเที่ยว Ikuta Road ในเมืองโกเบ ต้องระวังร้านชื่อ Jazz Bar
เนื้อส่วนที่เรียกว่า Rare rump หรือสะโพกอร่อยที่สุดจนต้องสั่งมาเพิ่มอีกจาน เช่นเดียวกับเนื้อลูกวัว ผมไม่ใช่เซียนเนื้อจึงไม่สามารถบรรยายรสชาติให้ละเอียดเห็นภาพได้ คำว่าละลายในปาก ดังที่เขานิยมพูดกันคงจะอธิบายได้เพียงพอ แต่มีข้อแม้ว่าต้องไม่ย่างนาน และกลับเนื้อเพียงครั้งเดียว ถึงจะละมุนลิ้น
ตอนเรากำลังจะลุกไปจ่ายเงิน โต๊ะใหญ่โต๊ะหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลกันมีการเคลื่อนไหว พวกเขาก็จะลุกไปเช็กบิล ผู้ชายอายุเกือบๆ หกสิบที่คาดว่าเป็นประธานบริษัทที่ไหนสักแห่งล้มหงายหลังลงไปบนโต๊ะ พอกลุ่มพนักงานบริษัทที่เป็นสาวๆ ช่วยกันดึงท่านขึ้นมา ด้านหลังของเสื้อสูทชุ่มไปด้วยเครื่องดื่มจำพวกเบียร์และสาเก รวมทั้งเศษอาหารที่เป็นของเหลว คงไม่ใช่ครั้งแรกที่ท่านเสียฟอร์มต่อหน้าลูกน้อง เพราะไม่มีสีหน้าตกตะลึงจากทั้งตัวท่านเองและบรรดาสาวๆ
ค่าเสียหายสำหรับเนื้อโกเบของเราอยู่ที่ 9,770 เยน หรือราวๆ 3 พันบาท หากกินที่เมืองไทยคงต้องจ่ายหลักหมื่นขึ้น
เราออกจากร้านไปหาบาร์เพื่อดื่มแก้ง่วง เดินอยู่ในย่าน Ikuta Road ค่อนข้างนานกว่าจะตัดสินใจเลือกร้านได้ หน้าร้านติดรูปบ็อบ ดีแลน, ลู รีด, สติง และศิลปินร็อคแอนด์โรลอีกจำนวนหนึ่ง เดินขึ้นชั้น 2 เปิดประตูเข้าไปเห็นคนเต็มร้าน ชายที่อยู่หลังเคาน์เตอร์บาร์ยกมือขึ้นทำเครื่องหมายกากบาท หมายความว่าไม่มีที่นั่ง เราเดินกลับไปยังตึกที่เขียนป้ายว่าชั้น 5 มี Jazz Bar ซึ่งผมได้เล็งไว้เป็นตัวเลือกหนึ่งก่อนหน้านี้
หน้าร้านเขียนว่า เบียร์ 700 เยน วิสกี้ 650 เยน เราเปิดประตูเข้าไปมีคนหันมามองและปรบมือ ไม่แน่ใจว่าปรบให้เราหรือปรบให้คณะนักดนตรีที่เป็นไปได้ว่าพวกเขาประทับใจในฝีมือโซโล่ของนักดนตรีคนใดคนหนึ่ง
พนักงานสาวสวยเชิญให้เรานั่งที่โต๊ะเพราะตรงเคาน์เตอร์บาร์นั้นเต็มแล้ว นักดนตรีมีอยู่ 3 คน แบ่งกันเล่นดับเบิลเบส แซ็กโซโฟน และกีตาร์ซึ่งทำหน้าที่ร้องนำอีกตำแหน่ง
พนักงานสาวสวยคนเดิมถือผ้าอุ่นมาให้เช็ดมือ กลับไปหยิบเมนูที่มีแต่ภาษาญี่ปุ่นมาให้อ่าน คุกเข่ารอรับออร์เดอร์ เมื่ออ่านไม่ออกเราก็ตัดสินใจสั่งเบียร์คนละแก้ว เธอเสิร์ฟเบียร์พร้อมกับจานที่มีถั่วอบหลากชนิด
เวลาราว 5 ทุ่มนักดนตรีเลิกเล่น เราได้ฟังเพียง 4 เพลงเท่านั้น
ผมเดินไปสั่ง Hakushu ซิงเกิลมอลต์วิสกี้ของบริษัทซันตอรี่ เจ้าของร้านรุ่นใหญ่รินใส่แก้วช็อตเลยครึ่งแก้วมานิดหน่อยแม้ว่าก้นแก้วจะกินพื้นที่แก้วไปถึง 1 ใน 3 แล้วก็ตาม
เวลาเกือบๆ เที่ยงคืน ผมเดินไปที่เคาน์เตอร์บาร์อีกครั้งเพื่อเช็กบิล เจ้าของร้านเขียนตัวเลขราคารวมเกือบ 6 พันเยน จากที่ผมคิดว่าเบียร์ 2 แก้ว 1,400 เยน และวิสกี้ 650 เยน ซึ่งก็แค่ 2,050 เยน แต่ราคากลับมากขึ้นไปเกือบ 3 เท่า
ลุงแกเขียนแจกแจงตัวเลขราคาออกมาดังนี้ เบียร์ 2 แก้ว 1,400 เยน วิสกี้ 1,000เยน ค่าเข้าร้าน1,000 เยน ค่าโต๊ะนั่ง 1,000 เยน ค่าดนตรี 1,000 เยน ภาษีและเซอร์วิสชาร์จก็พ่วงเข้ามาด้วย ผมควักใบหมื่นเยนออกมาจ่าย แล้วยังพูดขอบคุณ แต่ถ้าใครดูสีหน้าผมดีๆ ก็จะพบว่าเป็นคำพูดที่ไร้ความจริงใจ
ที่เขียนมานี้ก็เพื่อบอกเป็นอุทาหรณ์ว่า Jazz Bar บนถนน Ikuta Road นอกจากดนตรีแจ๊สจะแข็งเป็นหินแล้ว เจ้าของร้านยังใจหินยิ่งกว่า ผมสันนิษฐานว่าความโหดร้ายทารุณนี้เกิดเฉพาะกับชาวต่างชาติเท่านั้น ก่อนนี้เด็กวัยรุ่นคู่หนึ่งที่นั่งโต๊ะข้างเราควักแค่เศษเหรียญออกมาจ่ายค่าเบียร์ ผมไม่คิดว่าพวกเขาโดนชาร์จค่าบริการจิปาถะเหมือนเรา
โกเบขึ้นชื่อเรื่องแก๊งยากูซ่า จึงให้สงสัยว่าร้านนี้เป็นหนึ่งในธุรกิจของพวกเขาหรือไม่
ตอนที่เราเดินกลับโฮสเทล มีสาวสวยยืนเรียงแถวอยู่บนบาทวิถีหลายสิบคน พูดเชิญชวนให้ใช้บริการเป็นภาษาญี่ปุ่น คงเป็นจำพวกคาราโอเกะ เด็กนั่งดริงค์อะไรทำนองนั้น บรรดาเชียร์แขกผู้ชายก็ยืนอยู่ด้วย
กลับมาถึงโฮสเทล บาร์ชั้นล่างยังเปิดอยู่ เคาน์เตอร์บาร์เต็มไปด้วยลูกค้า เราจึงนั่งที่โต๊ะว่างตัวหนึ่ง ทางร้านฉายวิดีโอ Time lapse ของวิวธรรมชาติไปยังจอโปรเจ็คเตอร์ที่ผนังร้าน จบวิวทุ่งหญ้าก็เป็นวิวภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ จากนั้นเป็นภาพของกาแล็กซี่และดวงดาว ดูเพลินดี ผมว่าเหมาะกับนักเดินทางคนเดียวที่ไม่ต้องการสนทนากับใคร
พนักงานสาวทราบว่าเราเป็นแขกของโฮสเทลจึงเสนอให้เราเลือกเวลคัมดริงค์ มีเบียร์และสาเก ผมขอสาเก 2 แก้ว เธอรินใส่แก้วใสทรงกรวยที่มีหลุมของฐานไม้รูปสามเหลี่ยมรองรับ สาเกรสชาติดีใช้ได้ แม้เพื่อนร่วมทางของผมจะไม่ค่อยชอบดื่มสาเกก็ยังชม แต่เขาไม่ดื่มอะไรในร้านนี้อีกเลยนอกจากสาเกแก้วเดียวนี้
แก้วสาเกสุดเก๋ไก๋ที่บาร์ของโฮสเทล Minato Hutte
ผมเดินไปสั่งอะวะโมริ แขกในร้านสอง-สามคนได้ยินก็หันมามอง อะวะโมริเป็นของแรง เป็นสุรายอดนิยมจากเกาะโอกินาวะ เข้าใจว่าที่ร้านนี้นานๆ ครั้งถึงจะมีคนสั่ง ชายที่อยู่ใกล้ผมที่สุดถามว่ามาจากประเทศอะไร พอตอบไทยแลนด์เขาก็แสดงความชื่นชม เขามาจากเกาะอะวาจิ เชื่อมกับเมืองโกเบด้วยสะพานอะคาชิไคเกียว ยาวเกือบ 4 กิโลเมตร เป็นสะพานแขวนที่ยาวที่สุดในโลก เขาไปเที่ยวเมืองไทยมาแล้วหลายครั้ง
ชายหลังเคาน์เตอร์บาร์ถามว่าต้องการดื่มแบบไหน เพียวหรือผสมน้ำแข็ง ผสมน้ำ ผมรู้ฤทธิ์ของมันมาแล้ว ดีกรีสูงกว่าสาเกเกือบ 2 เท่า จึงขอให้เขาใส่น้ำแข็งแล้วรินน้ำเปล่าผสมมาด้วย เขาถามว่าทำไมถึงสั่งอะวะโมริ ผมรอให้มีคนถามอยู่แล้วเพื่อจะได้อวดภูมิรู้
“อะวะโมริทำจากข้าวไทย” ผมตอบ
เขาหยิบขวดมาดู และเห็นข้อความเขียนไว้บนฉลาก “ผลิตจากข้าวไทย” เขาอึ้ง พนักงานสาวก็อึ้ง เช่นเดียวกับแขกในร้านบริเวณเคาน์เตอร์บาร์
พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าอะวะโมริแท้ๆ จะต้องมีส่วนผสมของข้าวไทย เริ่มต้นเมื่อสมัยอาณาจักรริวกิวค้าขายกับกรุงศรีอยุธยา ข้าวไทยถือเป็นสินค้าสำคัญที่ต้องซื้อลงเรือกลับไป ใช้ทำสุราจนติดใจและกลายเป็นวัตถุดิบที่ขาดไม่ได้มาจนถึงปัจจุบัน คราวนี้ผมถูกรุมล้อม มีแต่คนต้องการคุยด้วย
ชายหลังบาร์หยิบขวดแสงโสมแบนออกมาจากชั้นวาง มีแสตมป์สรรพสามิตติดอยู่บนฝาขวด เขาบอกว่าแขกชาวไทยได้มอบให้ไว้เป็นที่ระลึก เขาวางแก้วใบหนึ่งเพื่อให้ใครก็ได้ลองรินดื่ม ชายจากเกาะอะวาจิผู้มีบุคลิกเป็นนักท่องเที่ยวแบ็คแพ็กเกอร์ขี้เมา รินใส่แก้วแล้วดมก่อนจิบดื่ม เขาว่าแปลกดี และชมว่าไม่เลว ผมปฏิเสธที่จะดื่มเมื่อเขายื่นให้
พวกเขาถามว่ามาเมืองโกเบด้วยเหตุผลใด ผมตอบว่า “เนื้อโกเบและภูเขามายา พรุ่งนี้จะขึ้นไป”
ผมถามพวกเขาบ้างว่าอาหารโกเบที่ขึ้นชื่อรองจากเนื้อวัวคืออะไร คนหนึ่งตอบว่าเกี๊ยวซ่า คนหนึ่งตอบโอโคโนมิยากิ ชายจากเกาะอะวาจิตอบว่าเครื่องในวัว เขาชอบเพราะเนื้อโกเบนั้นแพงเกินไป และไม่มีใครสนใจเครื่องในของมันมากนัก แต่มันก็อร่อยและราคาถูก
เราสนทนากันเป็นกลุ่มสี่-ห้าคน ผมเกรงใจเพื่อนร่วมทางที่นั่งอยู่คนเดียวที่โต๊ะจึงขอตัวกลับไปนั่ง สักพักชายจากเกาะอะวาจิเดินมาลา บนหลังของเขานอกจากกระเป๋าเป้แล้วก็ยังมีถุงนอนผูกติดอยู่ด้วย ผมถามเขาว่าจะไปนอนที่ไหน เขาตอบว่ายังไม่รู้เลย
แล้วเขาก็ออกจากร้าน เดินฝ่าอากาศหนาวเย็นไปที่ไหนสักแห่ง.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |