46ชีวิตสังเวย7วันอันตราย ‘เมาแล้วซิ่ง’แชมป์อีกสมัย!


เพิ่มเพื่อน    

  เปิดฉากวันแรกช่วง 7 วันอันตรายสงกรานต์ เกิดอุบัติเหตุแล้ว 468 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 46 ราย บาดเจ็บ 482 คน "เมาแล้วขับ" สาเหตุหลักเช่นเคย "คสช." ประเดิมยึดรถขี้เมา 202 คัน "ปภ." เตือนระหว่าง 12-17 เม.ย.จะมีพายุฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ขับขี่รถต้องระวัง "โคราช" กระบะชนเก๋งจนพลิกคว่ำลงข้างทางตาย 3 ศพ เจ็บ 2 คน

    เมื่อวันที่ 12 เม.ย.62 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ  รมว.คมนาคม ในฐานะรองประธานคณะกรรมการนโยบายป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ(ศปถ.) คนที่สอง เป็นประธานแถลงสรุปการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2562 วันที่ 11 เม.ย. ซึ่งถือเป็นวันแรกในช่วง 7 วันอันตรายสงกรานต์ว่า สถิติอุบัติเหตุทางถนนวันแรกของการรณรงค์ "ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร” ช่วงสงกรานต์ เกิดอุบัติเหตุ 468 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 46 ราย ผู้บาดเจ็บ 482 คน 
    นายอาคมกล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 34.62, ขับรถเร็ว ร้อยละ 26.92 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 78.47 ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 65.38 บนถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 42.31 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 35.04 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01-20.00 น. ร้อยละ 29.06 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป ร้อยละ 25.19 
    รมว.คมนาคมกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,036 จุด โดยปฏิบัติงาน 65,276 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 709,464 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 163,584 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 45,230 ราย ไม่มีใบขับขี่ 41,485 ราย โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (20 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ อุดรธานี (4 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา (23 คน)
    "แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันหยุดวันแรกของเทศกาลสงกรานต์ 2562 ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่เดินทางถึงที่หมายแล้ว ในขณะที่บางส่วนยังอยู่ระหว่างการเดินทาง ศปถ.ได้เน้นย้ำจังหวัดให้ความสำคัญกับการดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน ทั้งถนนสายหลักและสายรอง โดยพิจารณาเปิดช่องทางพิเศษ ปิดจุดกลับรถ ประชาสัมพันธ์เส้นทางเลี่ยง ทางลัด เพื่อให้การสัญจรเป็นไปด้วยความคล่องตัว มุ่งเฝ้าระวังจุดเสี่ยงอุบัติเหตุ ทั้งจุดตัดทางรถไฟ ทางลักผ่าน ทางแยก ทางร่วม และบริเวณที่มีการก่อสร้างถนน พร้อมดูแลเส้นทางตรงที่มีระยะทางยาว เพื่อป้องกันการขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด อีกทั้งเพิ่มความถี่ในการเรียกตรวจความพร้อมของผู้ขับขี่ยานพาหนะทุกประเภท เน้นการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์และสารเสพติด รวมถึงกำชับจุดตรวจ ด่านตรวจบังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการตรวจจับและปรับในอัตราโทษสูงสุด กรณีขับรถเร็วและดื่มแล้วขับ" รมว.คมนาคมกล่าว 
    ส่วนนายปวิณ ชำนิประศาสน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้ากลุ่มงานภารกิจด้านสาธารณภัยและพัฒนาเมือง กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้กำชับจังหวัดบูรณาการทุกภาคส่วนทั้งฝ่ายพลเรือน ตำรวจ ทหาร และภาคประชาชน ดำเนินงานลดอุบัติเหตุทางถนนให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่และสถานการณ์อุบัติเหตุ ควบคู่กับการใช้มาตรการทางสังคม โดยกำหนดกติกาชุมชน ประชาคมหมู่บ้านสำหรับเป็นข้อตกลงร่วมกันในการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย 
ยึดรถขี้เมาแล้ว 202 คัน
    "จากสถิติอุบัติเหตุทางถนนพบว่ารถจักรยานยนต์ยังคงเป็นยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ศปถ.จึงสั่งการให้จังหวัดเน้นย้ำกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชนปฏิบัติหน้าที่ประจำด่านชุมชนและจุดบริการ คุมเข้มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ที่ไม่สวมหมวกนิรภัย ดื่มแล้วขับ รวมถึงขับขี่ในลักษณะที่ไม่ปลอดภัย ทั้งการขับรถเร็ว การย้อนศร การเลี้ยวรถ การตัดหน้าในระยะชั้นชิด และกลับรถโดยไม่ให้สัญญาณ เพื่อสร้างความปลอดภัยในการเดินทาง" รองปลัดกระทรวงมหาดไทยกล่าว
    ขณะที่ พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาอันเกิดจากการขับขี่ยานพาหนะด้วยมาตรการ “ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ” ที่ คสช.และรัฐบาลได้ใช้ในการดูแลประชาชนในช่วงเทศกาลมาตลอดนั้น สถิติในวันแรก วันที่ 11 เม.ย.2562 เจ้าหน้าที่ตรวจพบผู้กระทำผิดในลักษณะที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุโดยประมาท 2,344 ครั้ง จำเป็นต้องเก็บรักษารถไว้ 202 คัน แบ่งเป็นรถจักรยานยนต์ 158 คัน และรถยนต์ 44 คัน ยึดใบขับขี่รถจักรยานยนต์ 20 คน และยึดใบอนุญาตขับขี่รถโดยสารสาธารณะ/รถยนต์ 121 คน  ส่งผู้กระทำความผิดดำเนินคดีรวม 1,168 คน
    ด้านนายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวว่า สำนักงานศาลยุติธรรมได้รับรายงานข้อมูลสถิติคดีจากศาลชั้นต้นทั่วราชอาณาจักร ที่มีผู้กระทำผิด พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ช่วง 7 วันอันตรายวันที่ 11-17 เม.ย.ในเทศกาลสงกรานต์ ในวันที่ 11 เม.ย. มีจํานวนคดีความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ขึ้นสู่การพิจารณา รวมทั้งสิ้น 1,609 คดี และคดีที่ศาลพิพากษาแล้วเสร็จ รวมทั้งสิ้น 1,188 คดี คิดเป็นร้อยละ 73.83
    "จังหวัดที่มีปริมาณคดีชั้นสู่การพิจารณาสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ 1.เชียงใหม่ 130 คดี 2.ชลบุรี 122 คดี 3. กรุงเทพมหานคร 119 คดี 4.อุบลราชธานี 93 คดี  และ 5 จ.ระยอง 75 คดี ส่วนศาลที่มีปริมาณคดีชั้นสู่การพิจารณาสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ 1.ศาลแขวงเชียงใหม่ 96 คดี 2.ศาลแขวงอุบลราชธานี 86 คดี 3.ศาลแขวงชลบุรี  63 คดี 4.ศาลแขวงสมุทรปราการ 62 คดี และ 5.ศาลจังหวัดมหาสารคาม 50 คดี ข้อหาที่มีการกระทำความผิดสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ขับรถขณะเมาสุรา 1,106 ราย ขับรถขณะเสพยาเสพติด 314 ข้อหา และขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต 243 ราย" นายสุริยัณห์กล่าว
    โฆษกศาลยุติธรรมกล่าวว่า สำหรับจำนวนจำเลยที่ขึ้นสู่การพิจารณาพิพากษารวมทั้งสิ้น 1,704 คน  เป็นจำเลยสัญชาติไทย 1,661 คน และจําเลยสัญชาติอื่นอีก 43 คน    
กระบะชนเก๋งดับ 3 เจ็บ 2
    นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะเลขานุการ ศปถ. กล่าวว่า ศปถ.ได้เน้นย้ำให้จังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพิ่มความเข้มข้นในการดำเนินงานตามแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2562 เน้นการดูแลจุดเสี่ยงที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง โดยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่สนธิกำลังสนับสนุนการปฏิบัติงานในจุดตรวจ จุดบริการ และด่านชุมชน เข้มงวดการเรียกตรวจผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมการขับรถในลักษณะเสี่ยงอุบัติเหตุ ทั้งการเมาแล้วขับ ขับรถเร็ว และไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัย เพื่อสร้างการสัญจรที่ปลอดภัย
    "ในช่วงวันที่ 12-17 เม.ย. ประเทศไทยจะมีพายุฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ทำให้สภาพถนนเปียกลื่น และทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางไม่ชัดเจน ขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่เป็นพิเศษ โดยไม่ขับรถเร็ว เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ" อธิบดี ปภ.กล่าว    
    ที่บริเวณถนนสาย 24 สีคิ้ว-โชคชัย จ.นครราชสีมา เวลา 07.15 น. เกิดอุบัติเหตุรถกระบะชนรถยนต์พลิกคว่ำเสียหลักตกลงไปข้างทาง เหตุเกิดริมถนนสาย 24 สีคิ้ว-โชคชัย ช่วงบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 18-19 บ้านสวนป่า ต.หนองตะไก้ อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา โดยมีผู้เสียชีวิตคาที่ติดอยู่ภายในรถ 3 ราย เป็นเด็กชาย 2 ราย และหญิง 1 ราย และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 ราย เป็นชาย 1 ราย และหญิง 1 ราย เจ้าหน้าที่รีบช่วยเหลือนำผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตส่งโรงพยาบาลสูงเนิน
    สอบสวนทราบว่า รถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีดำ หมายเลขทะเบียนป้ายแดง ต 4979 กรุงเทพมหานคร กำลังขับมาตามเส้นทางเพื่อมุ่งหน้ากลับภูมิลำเนาภาคอีสาน ถึงบริเวณที่เกิดเหตุมีรถเก๋ง โตโยต้า วีออส สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน ฌช 5085 กรุงเทพมหานคร ขับรถตัดหน้าอย่างกระชั้นชิด ทำให้รถกระบะพุ่งเฉี่ยวชนบริเวณด้านหน้าของรถเก๋งแล้วเสียหลักพลิกคว่ำหลายตลบพุ่งลงข้างทาง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน ประกอบด้วย ด.ช.รัฐภูมิ ประพรม อายุ 10 ปี, ด.ช.เอกรินทร์ หน่อยทอง อายุ 11 ปี และนางบุษดี สิงห์ทอง อายุ 60 ปี และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 คน ประกอบด้วย นายธีรภัทร ประพรม อายุ 41 ปี เป็นคนขับรถกระบะ และ น.ส.สุวรรณี คำนา อายุ 42 ปี โดยผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บทั้งหมดเดินทางมาด้วยกันทั้งหมดกับรถยนต์กระบะ. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"