ซัดรัฏฐาธิปัตย์ตวัดลิ้น


เพิ่มเพื่อน    

  "ปิยบุตร” ชำแหละ 4 วิธี “เผด็จการ”แปลงความต้องการให้เป็นกฎหมายเครื่องมือจำกัดสิทธิเสรีภาพ ปชช.อย่างเนียนๆ ลดภาพความรุนแรงผู้ต่อต้านก็ไม่กล้าเคลื่อนไหว "อ.ณรงค์" จัดหนักสร้างวาทกรรมเพื่อครองอำนาจรัฏฐาธิปัตย์ตวัดลิ้น ชี้ความขัดแย้งบานปลาย สมคบทุนผูกขาดสามานย์จับ "อ.เดชา" แต่ปล่อยเหล้าเบียร์บุหรี่ขายได้เสรี ฝ่ายความมั่นคงจับตาปูดข่าว "โจ๊ก" ในโซเชียลฯ เตือนผิด พ.ร.บ.คอมพ์ 

    เมื่อวันศุกร์ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก เรื่อง ระบอบเผด็จการใช้กฎหมาย เป็นเครื่องมือในการควบคุมคนได้อย่างไร ว่า 1.การแปลงความต้องการของเผด็จการให้เป็นกฎหมาย คณะผู้เผด็จการย่อมใช้อำนาจตามอำเภอใจโดยไม่ต้องกังวลใจว่าจะกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลหรือไม่ เพื่อให้การใช้อำนาจของเผด็จการไม่แลดูดิบเถื่อนจนเกินไปนัก จึงจำเป็นต้องแปลงรูปการใช้อำนาจเหล่านั้นให้เป็น กฎหมาย เพื่อสร้างความชอบธรรมการใช้อำนาจเผด็จการ ในแบบแรก ออกประกาศคำสั่งและเสกให้มันมีสถานะเป็นกฎหมาย เมื่อต้องการอะไรก็เอาความต้องการนั้นมาเขียนเป็นประกาศ คำสั่ง รูปแบบที่สอง ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติตรากฎหมายขึ้นใช้บังคับ วิธีการนี้ดูแนบเนียนกว่าวิธีแรก ซึ่งก็คือการเปลี่ยนปืน ให้กลายเป็นกฎหมาย โดยเอากฎหมายไปห่อหุ้มปืน
    2.การนำกฎหมายของเผด็จการไปใช้บังคับกรณีแรก ให้เจ้าหน้าที่ใช้บังคับกฎหมายเพื่อจับกุมคุมขัง ลิดรอนเสรีภาพของบุคคลที่ต่อต้านเผด็จการ เช่น  แทนที่จะสั่งการให้กองกำลังทหาร-ตำรวจบุกเข้าสลายการชุมนุม ปราบปราม ฆ่า อุ้มหาย ก็ให้เจ้าหน้าที่นำกฎหมายมาใช้เพื่อจัดการ จากนั้นก็สั่งฟ้องให้ศาลก็พิพากษาให้ผู้ต่อต้านมีความผิดต้องรับโทษจำคุก เป็นเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงกลับถูกฉาบด้วยกฎหมายและคำพิพากษา สอง เจ้าหน้าที่และศาลใช้บังคับกฎหมายเพื่อรับรองการใช้อำนาจเช่น บุคคลที่เห็นว่าการใช้อำนาจไม่ชอบด้วยกฎหมายได้ฟ้องโต้แย้งไปยังศาลเพื่อขอให้เพิกถอนประกาศหรือคำสั่ง แต่ศาลกลับยกฟ้องโดยอ้างว่า กฎหมายได้รับรองการใช้อำนาจของคณะผู้เผด็จการไว้ทั้งหมดแล้ว ช่วยสร้างความชอบธรรมให้กับคณะผู้เผด็จการว่าพวกตนได้การรับรองจากกฎหมายและ ศาล
    3.การนำกฎหมายที่มีอยู่แล้วไปใช้ในทางไม่เป็นคุณกับเสรีภาพอย่างไม่มีมาตรฐาน ไม่แน่นอนชัดเจน เพื่อลิดรอนสิทธิและเสรีภาพของบุคคล จนทำให้บุคคลผู้อยู่ภายใต้อำนาจของกฎหมายนั้นไม่แน่ใจว่าการตัดสินใจใช้เสรีภาพของตนนั้นจะกลายเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและต้องได้รับโทษหรือไม่ เพื่อความปลอดภัยของตนเองพวกเขาก็เลือกที่จะเซ็นเซอร์ตนเองด้วยการไม่ใช้เสรีภาพนั้นเลย ตัวอย่างการนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาใช้ บุคคลก็เกิดความหวาดกลัว และยินยอมสมัครใจไม่ใช้เสรีภาพระบอบเผด็จการ จึงสามารถควบคุมพฤติกรรมของบุคคลได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงหรือบังคับสั่งห้าม
    4.การนำกฎหมายที่มีอยู่แล้วไปใช้แบบบิดเบือน บิดผันอำนาจ (abuse of power) เช่น การนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาใช้กลั่นแกล้งฝ่ายต่อต้านเผด็จการด้วยการออกหมายจับฝ่ายต่อต้านเผด็จการ แต่ก็ไม่เคร่งครัดกับการไปตามจับอย่างจริงจัง ด้วยเกรงว่าการจับกุมคุมขังอาจบานปลายและกลายเป็นชนวนจนนำไปสู่การลุกฮือต่อต้านได้ ในส่วนของฝ่ายต่อต้านเผด็จการเองก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวรณรงค์ได้เต็มที่ เพราะมีหมายจับและคดีปักเป็นชนักติดหลังอยู่ ถ้าแกนนำฝ่ายต่อต้านเผด็จการไม่เกรงกลัว ยังคงเดินหน้าต่อสู้กับเผด็จการอย่างเปิดเผย ศาลก็อาจตัดสินให้แกนนำมีความผิดและต้องรับโทษจำคุกได้ 
ซัดคสช.เอื้อทุนสามานย์
    ด้าน รศ.ดร.ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ อาจารย์หลักสูตรเศรษฐศาสตร์การเมือง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว หัวข้อ วาทกรรมเพื่อครองอำนาจของรัฏฐาธิปัตย์ตวัดลิ้น ระบุว่า คณะบุคคลผู้กุมอาวุธ เพื่อจะครองอำนาจต่อไป ก็ต้องสร้างวาทกรรมใหม่ๆ เพื่อหาเหตุผลให้ตนได้ครองอำนาจ จึงเหมาะสมที่เราจะเรียกว่ารัฏฐาธิปัตย์ตวัดลิ้น ดังนี้ 1.บอกว่าทำรัฐประหารเพื่อความสงบและสร้างความปรองดอง ขจัดความขัดแย้ง แต่ความเป็นจริงความขัดแย้งดูจะบานปลายไปเรื่อยๆ ระหว่างเหลืองกับแดงเปลี่ยนเป็นความขัดแย้งระหว่างผู้ประกาศเป็นฝ่ายประชาธิปไตยที่ต่อต้านคณะรัฐประหาร และกำลังเพิ่มดีกรีความขัดแย้ง 
    "จากวาทกรรมของผู้กุมอำนาจรัฐว่า พวกซ้ายจัด ดัดจริต คอมมูนิสต์ล้มสถาบัน ซ้ายจัดคืออะไร มีหรือไม่ ถ้ามีจริง ก็ต้องมีขวาจัดด้วยสิ! คอมมูนิสต์คือใคร เลวร้ายอย่างไร ประเทศจีนปกครองด้วยพรรคคอมมูนิสต์ใช่หรือไม่ แล้วทำไมผู้มีอำนาจรัฐในคณะรัฐประหารบางคน จึงชื่นชมยกย่องจีน เอาใจจีนยังกับบิดาบังเกิดเกล้า แม้แต่ในจีนเองกลุ่มอำนาจที่ล้มสถาบันกษัตริย์คือพวกก๊กมินตั๋ง ไม่ใช่พรรคคอมมูนิสต์ ดังนั้น การสร้างวาทกรรมซ้ายจัด ดัดจริต คอมมูนิสต์ล้มสถาบัน มันคือวาทกรรมเพื่ออำนาจของพวกตน"
    2.บอกว่าทำรัฐประหารเพื่อปราบคอร์รัปชัน โดยเฉพาะการคอร์รัปชันของนักการเมือง แต่ความจริงกลับเป็นว่า ความไม่โปร่งใสในสังคมไทยภายใต้อำนาจของคณะรัฐประหาร มีมากขึ้นกว่ายุคก่อนเสียอีก 
    3.บอกว่าทำรัฐประหารเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ แต่ความจริงกลับเป็นว่าประเทศไทยภายใต้อำนาจของคณะรัฐประหาร มีความเหลื่อมล้ำระดับแนวหน้าสุดของโลก เพราะองค์กรจัดลำดับความเหลื่อมล้ำระหว่างประเทศพบว่า ในปี 2560 ประชากร 1% ของประเทศไทย ครอบครองรายได้และทรัพย์สิน 68% ของประเทศ ยังไม่ได้พูดถึงความเหลื่อมล้ำเรื่องอำนาจ เรื่องสิทธิและโอกาส เรื่องความเป็นธรรมในสังคม ของคนชั้นบนและคนชั้นล่าง ที่แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
    4.ประณามนักการเมืองว่าเป็นพวกเลว คอร์รัปชันทำลายชาติ ต้องขจัดให้หมดไป แต่ครั้นพวกของตนจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาก็กลับไปกวาดต้อนบรรดานักการเมืองหน้าเดิมๆ ที่เคยถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกเลว มาร่วมพรรคมาจัดตั้งรัฐบาล แล้วก็ยกย่องนับถือกันว่า เป็นคนดี มีคุณธรรม เหมาะจะเป็นผู้บริหารประเทศ 
    5.เมื่อผู้นำรัฐประหารต้องการใช้อำนาจรัฐ ต้องการใช้งบประมาณของรัฐ ก็ประกาศว่าผู้นำของพวกตนเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แต่พอถึงคราวเลือกตั้งที่เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องวางตัวเป็นกลาง ก็กลับบอกว่าผู้นำของตนไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐจึงเลือกข้างได้ 
    6.ประกาศผ่อนปรนเรื่องกัญชา เพื่อถอดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด เพื่อนำไปใช้ทางการแพทย์ โดยประกาศนิรโทษกรรมให้แก่ผู้ครอบครองกัญชา และได้กำหนดเวลาให้ผู้ครอบครอง ไปแจ้งขออนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภายในวันที่ 19 พ.ค.2562 ในการณ์นี้ คุณเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ ได้ขอให้วัดที่พิจิตรและที่สุพรรณฯ เป็นสถานที่แจกจ่ายโดยไม่คิดค่าตอบแทนใดๆ นับเป็นคุณอันใหญ่หลวง  แต่ปรากฏว่ากลไกของรัฐพากันยกโขยงไปจับกุมบุคลากรของมูลนิธิข้าวขวัญ แถมเมื่อจะประกันตัวผู้ถูกจับกุม ก็เรียกค่าประกัน 500,000 บาท ยิ่งกว่าค่าประกันตัวอาชญากรร้ายแรง ทั้งๆ ที่เขาคือผู้กอบกู้ชีวิตคน
จับตาปูดข่าว"โจ๊ก"
    "ที่เหล้าเบียร์บุหรี่ คณะรัฐประหารปล่อยให้ผลิตขายได้เสรีไม่เว้นวันพระวันบุญ บุหรี่สร้างโรคภัยและความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินไปมากมายเท่าไร เหล้าเป็นเหตุของการบาดเจ็บล้มตายไปปีละเท่าไร สงกรานต์และปีใหม่คนตายเพราะเหล้าปีละเท่าไร คิดแต่จะลงโทษคนผลิตกัญชาเพื่อช่วยชีวิตคน เคยคิดที่จะลงโทษคนผลิตและคนขายเหล้าที่เป็นต้นตอของการทำลายชีวิตคนบ้างไหม นี่มันเป็นคณะรัฐประหารที่เอื้อประโยชน์แก่ทุนสามานย์ชัดๆ บอกว่าต้องการลดความเหลื่อมล้ำ แต่เหตุใดจึงให้สิทธิเสรีแก่พวกเพชฌฆาตเจ้าของเหล้ามากกว่าผู้ใจบุญผลิตน้ำมันกัญชาช่วยชีวิตคน พวกท่านเป็นพวกมารหรือพวกเทพ เราจึงขอให้สมญานามว่าเป็นพวกรัฏฐาธิปัตย์ตวัดลิ้น  แถดิ้นเพื่อครองอำนาจ สมคบทุนผูกขาดและทุนสามานย์" รศ.ดร.ณรงค์ระบุ
      พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยว่า หลังมีคำสั่งปรับย้าย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ปรากฏความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลที่เผยแพร่และส่งต่อภาพและข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยพยายามบิดเบือน เชื่อมโยงกล่าวหาให้ร้าย พาดพิง ไปยังบุคคลต่างๆ ให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง อีกทั้งยังปล่อยข้อมูลเท็จ ยั่วยุ ปลุกปั่นให้สังคมแตกแยก ตามที่มีปรากฏในสื่อโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่องนั้น ฝ่ายความมั่นคงกำลังติดตามและจับตาความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลดังกล่าว และขอเตือนให้หยุดการกระทำที่ผิดกฎหมาย เข้าข่ายฐานความผิดนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 และเข้าข่ายการกระทำผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งมีโทษทั้งจำคุกและปรับ
     "ในสถานการณ์ปัจจุบัน ที่สังคมกำลังประสบกับปัญหากับข่าวปลอม (Fake News) ขอให้ประชาชนหนักแน่น ร่วมเรียนรู้และรับมือกับปัญหาดังกล่าวไปด้วยกัน โดยใช้วิจารณญาณแยกแยะข่าวสารที่ได้รับ ไม่ตื่นตระหนก หากสงสัยให้ตรวจสอบข้อมูลจากภาครัฐและแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือ โดยไม่ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดี ด้วยการแชร์หรือส่งต่อข้อมูลอันเป็นเท็จ ซึ่งอาจตกเป็นผู้กระทำความผิดตามกฎหมายดังกล่าวเสียเอง พร้อมทั้งขอความร่วมมือสื่อมวลชน ได้ทำหน้าที่เป็นช่องทางสื่อสารหลักกับประชาชน ด้วยการตรวจสอบและให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องครบถ้วนกับประชาชน โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมและประเทศชาติเป็นหลัก เพื่อมิให้เกิดปัญหาดังเช่นอดีต ที่เราต่างมีบทเรียนร่วมกันอีก" พล.ท.คงชีพกล่าว 
    นางพัชราภรณ์ อินทรียงค์ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล พ้นจากตำแหน่ง ผบช.สตม. และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า หลังจากมีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ แล้ว พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ก็จะต้องมารายงานตัวกับตน โดยจะต้องมีการพูดคุยกันว่าจะให้ช่วยงานในส่วนไหน เพราะในตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษฯ ไม่ใช่งานที่เกี่ยวกับการบริหาร แต่ตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษฯ เป็นงานที่ให้คำปรึกษาแนะนำ สปน.ว่างานอะไร ควรจะได้รับคำปรึกษา แนะนำอย่างไร รวมถึงจะต้องพูดคุย สอบถามเกี่ยวกับทักษะในหลายๆ ด้าน ว่าสามารถทำงานราชการในส่วนไหนได้บ้าง จากนั้นตนจึงจะเรียกประชุมผู้บริหารว่าใครต้องการคนที่มีทักษะแบบไหนไปช่วยงาน เพราะเขาเป็นข้าราชการตำรวจ ไม่ได้เป็นข้าราชการพลเรือนมาก่อน จากนั้นจึงค่อยออกคำสั่งมอบหมายงาน ทั้งนี้ ยืนยันว่าทาง สปน.ปฏิบัติเหมือนกันทุกคนที่มาตามคำสั่งพิเศษ ที่จะต้องมารายงานตัวเหมือนกับข้าราชการปกติทั่วไป. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"