ทีมค้นหาและกู้ภัยของญี่ปุ่นพบซากชิ้นส่วนของเครื่องบินรบสเตลธ์ เอฟ-35เอ ของญี่ปุ่นที่หายสาบสูญเหนือมหาสมุทรแปซิฟิกระหว่างการฝึกบินเมื่อวันอังคารแล้ว แต่นักบินยังหายสาบสูญ เผยเป็นเอฟ-35 ลำแรกที่ประกอบในญี่ปุ่นที่ประสบเหตุตก กองทัพญี่ปุ่นระงับบินอีก 12 ลำที่เหลือระหว่างรอสอบสาเหตุ

แฟ้มภาพ วันที่ 14 ตุลาคม 2561 เครื่องบินเอฟ-35 เอ ลำหนึ่งของกองทัพอากาศญี่ปุ่น ขณะฝึกบินที่จังหวัดไซตามะ / AFP

    รายงานของสำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์เมื่อวันพุธที่ 10 เมษายน 2562 อ้างคำแถลงของทาเกชิ อิวายะ รัฐมนตรีกลาโหมของญี่ปุ่น ในวันเดียวกัน ว่าปฏิบัติการค้นหาโดยเครื่องบินและเรือหลายลำในมหาสมุทรแปซิฟิกใกล้กับตอนเหนือของญี่ปุ่นพบชิ้นส่วนหางของเครื่องบินที่เชื่อว่าน่าจะเป็นของเครื่องบินรบลำนี้

    เอฟ-35 เอ ลำนี้มีอายุใช้งานไม่ถึง 1 ปี และเป็นเอฟ-35 ลำแรกที่ประกอบในญี่ปุ่น แถลงการณ์ของกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศ (เอเอสดีเอฟ) กล่าวว่า เครื่องบินล้ำสมัยที่นั่งเดียวลำนี้กำลังบินอยู่ห่างจากฐานทัพอากาศมิซาวะในจังหวัดอาโอโมริ ทางทิศตะวันออกราว 135 กิโลเมตร ในสภาพอากาศดี เมื่อค่ำวันอังคาร แต่สัญญาณของเครื่องบินหายไปจากจอเรดาร์ในเวลา 19.27 น. (17.27 น.วันเดียวกันของไทย) หรือเพียง 28 นาทีหลังจากทะยานขึ้นจากฐานทัพพร้อมกับเครื่องบินอีก 3 ลำ เจ้าหน้าที่กลาโหมรายหนึ่งกล่าวว่า เครื่องบินลำนี้ขึ้นบินรวมแล้ว 280 ชั่วโมง

    อิวายะกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เอฟ-35 เอ ลำนี้ บินนำฝูงบินรวม 4 ลำออกจากฐานเพื่อฝึกบิน แต่นักบินส่งสัญญาณยกเลิกการฝึก แล้วเครื่องบินก็หายไปจากจอเรดาร์ ญี่ปุ่นจะต้องร่วมมือกับกองทัพสหรัฐหาสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญลำดับแรก

    เรือ 8 ลำ และเครื่องบิน 7 ลำ ซึ่งรวมถึงเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล พี-8 โอไรออน ของกองทัพเรือสหรัฐ กำลังปฏิบัติการค้นหาซากเครื่องบินและนักบินที่ยังสูญหายต่อไป

    เหตุการณ์เอฟ-35 ตกครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 นับแต่เครื่องบินรบรุ่นนี้เริ่มปฏิบัติการบินครั้งแรกเมื่อ 2 ทศวรรษก่อน และอาจจุดกระแสความวิตกอีกครั้งกรณีเครื่องยนต์เดียวของเครื่องบินรุ่นนี้ ยิ่งกว่านั้นเหตุการณ์นี้ยังเกิดในช่วงเวลาที่บริษัท ล็อกฮีดมาร์ติน ผู้ผลิต กำลังช่วงชิงคำสั่งซื้อในฟินแลนด์และสวิตเซอร์แลนด์ กับคู่แข่งที่มี 2 เครื่องยนต์อย่างยูโรไฟเตอร์ไต้ฝุ่น และเอฟ/เอ-18อี/เอฟ ของโบอิ้ง

    ปัจจุบันญี่ปุ่นมีเอฟ-35 ทั้งหมด 13 ลำ รวมลำที่ตก ซึ่งเป็นลำที่ 5 ที่เอเอสดีเอฟรับส่งมอบจากสหรัฐ เจ้าหน้าที่เอเอสดีเอฟนายหนึ่งกล่าวว่า เครื่องบินลำนี้ยังเป็นเอฟ-35 ลำแรกที่ประกอบโดยบริษัท มิตซูบิชิเฮฟวีอินดัสตรีส์ ในญี่ปุ่นโดยมีมูลค่าราว 125.98 ล้านดอลลาร์ (ราว 4,000 ล้านบาท) แพงกว่าเครื่องบินรุ่นเดียวกันที่ซื้อโดยตรงจากสหรัฐหลายล้านดอลลาร์ หลังเหตุการณ์นี้ญี่ปุ่นได้ระงับบินเอฟ-35 ที่เหลืออีก 12 ลำ

    เจ้าหน้าที่รายเดิมกล่าวว่า นักบินของเครื่องบินลำนี้มีประสบการณ์บิน 3,200 ชั่วโมง แต่เพิ่งขับเครื่องบินเอฟ-35 เพียง 60 ชั่วโมง น่านน้ำบริเวณที่เครื่องตกนั้นมีความลึกถึง 1,500 เมตร ซึ่งทำให้การค้นหาซาก โดยเฉพาะกล่องบันทึกข้อมูลการบิน นั้นทำได้ยากขึ้น

    เอฟ-35 เป็นเครื่องบินล่องหนที่ออกแบบมาให้หลบหลีกการตรวจจับของเรดาร์เพื่อแทรกซึมการป้องกันของข้าศึก เครื่องบินลำนี้เป็นส่วนหนึ่งของเอฟ-35 ฝูงแรกที่ปฏิบัติการที่ฐานทัพมิซาวะ โดยรัฐบาลญี่ปุ่นมีแผนจะซื้อเครื่องบินรบล่องหนเพิ่มอีก 87 ลำ

    เอฟ-35 ลำนี้ยังเป็นเครื่องบินรบรุ่น 5 ชนิดเอลำแรกที่ตก แต่ก่อนหน้านี้เอฟ-35 บี ซึ่งเป็นชนิดที่ขึ้นระยะสั้นลงจอดทางดิ่ง (STOVL) ของกองกำลังนาวิกโยธินสหรัฐ ลำหนึ่งตกใกล้ฐานทัพโบฟอร์ตรัฐเซาท์แคโรไลนาเมื่อเดือนกันยายน ทำให้ต้องระงับบินเครื่องบินรุ่นนี้ชั่วคราว นอกจากชนิดเอและบี ล็อกฮีดมาร์ตินยังผลิตชนิดซีที่ออกแบบให้ใช้กับเรือบรรทุกเครื่องบิน.