อากาศร้อนอบอ้าวพอๆ กันสภาพการเมืองไทยยามนี้จริงๆ ดู ขนาด “พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์” ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษเปิดบ้าน “สี่เสาเทเวศร์” ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะเข้ารดน้ำดำหัว ขอพรเนื่องในวันสงกรานต์ ซึ่ง “ป๋าเปรม” ที่แม้ต้องใส่สายออกซิเจนช่วยหายใจก็ยังมีท่าทีแข็งแรง และยิ่งการให้พร “ลุงตู่” ว่า “รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่โกง เพราะเห็นแก่ส่วนรวม ซึ่งคนที่จะซื่อสัตย์สุจริตได้ จะต้องเป็นคนที่ทำเพื่อคนอื่น ไม่ใช่เพื่อตัวเอง จึงขอยืนยันว่ารัฐบาลนี้ไม่มีโกง แต่ถ้าตัวเองพูดผิด นายกฯ ต้องไปจัดการ” ก็เล่นเอาคนเต้นโหยงกันเลยทีเดียว ...๐ โดยเฉพาะ “วัฒนา เมืองสุข” นักการเมืองที่พ่ายแพ้การเลือกตั้ง ที่ยามนี้เรียกว่าแทบไร้ค่าไร้ราคา ต้องทวีตด่าข้ามรุ่นกับ “ป๋าเปรม” เพื่อเป็นกระแสให้สังคมไม่หลงลืมว่ามีตัวตน แล้วที่ขำไม่ออกคือการอ้างว่า ขอยืมคำพูดเด็กที่ว่า “#แก่จะลงโลงยังไม่เลิกโกงอีกเหรอ" แหม! ไม่รู้ว่านี่เป็นการตอกย้ำว่าชอบกิน “หญ้าอ่อน” หรือเปล่า ไม่รู้ได้ เพราะถ้ากล้าเก่งจริงไม่น่าจะต้องอ้างคำพูดเด็กก็ได้ จริงไหม ...๐ แล้วที่ “ฮอต” ประจำอย่างต่อเนื่อง คงไม่พ้น “7 อรหันต์ กกต.” โดยเฉพาะหลังจาก “กกต.” ได้ลงสนามการค้าความกับผู้ที่เชิญประชาชนมาถอดถอนและวิจารณ์การทำงานของ กกต.จำนวน 7 ราย ซึ่ง มีทั้ง “เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง” ที่นำโดย “อนุสรณ์ อุณโณ” คณบดีคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ “เครือข่ายองค์กรภาคประชาสังคมและสิทธิมนุษยชน” ที่นำโดย “อัมรินทร์ สายจันทร์” นักกฎหมายมูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม ...๐ ถ้ามองอย่างเป็นกลาง ก็ต้องบอกว่าเป็นสิทธิ์ของ “กกต.” ที่จะฟ้องมิใช่เหรอ เมื่อเห็นการวิพากษ์วิจารณ์มันเกินข้อเท็จจริง เป็นเรื่องอารมณ์และความไม่พอใจล้วนๆ ที่สำคัญยังเป็น “เรื่องเขาเล่าว่า” อีกต่างหาก ไม่มีหลักฐานที่จับต้อง ซึ่งเมื่อฝ่ายหนึ่งเห็นว่าการ “หมิ่นประมาท” ทำให้ดูถูกเกลียดชัง ก็ย่อมใช้สิทธิ์ทางกฎหมายได้มิใช่เหรอ  และถ้าผู้ฟ้องเชื่อมั่นว่าไม่ได้กล่าวหาลอยๆ แต่มีหลักฐานชัดเจนไปสู้กันในศาลก็จบ ไม่เห็นต้องเดือดเนื้อร้อนตัว หรือที่ “ดิ้นพล่านๆ” กันนั้น เพราะมันเป็น “จ๊อบ” ที่รับมาแล้วไม่นึกว่าถูกย้อนศรกันหรือเปล่าจ๊ะ ...๐ แปลกแต่จริงของแท้ กรณี “ดอน ปรมัตถ์วินัย” รมว.กต.ออกมาจัดหนักบรรดา “ทูต” ที่ไปจุ้นในคดีอาญาของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ บรรดาผู้ห่มเสื้อคลุมประชาธิปไตยจ๋าที่ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศทั้ง “ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์” และ “จอม เพชรประดับ” กลับออกมาประชดแดกดัน “ดอน” กันถ้วนทั่ว โดยเฉพาะ “จอม” ยังโพสต์คลิปของสถานทูตสหรัฐอเมริกาในเรื่องอวยพรสงกรานต์ว่าขออนุญาต “ดอน” หรือยัง!!! ...๐ ในขณะที่  “จาตุรนต์ ฉายแสง” อดีตประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคปรปักษ์ประชาธิปไตยก็ทวีตว่า การเรียกนักการทูตมาตำหนิและอบรมนี่ไม่รู้ว่าเอาหน้าไปไว้ที่ไหน พิโธ่! คุณพี่อ๋อย นี่มันเรื่อง “อธิปไตย” นะจ๊ะ อยากให้เป็นเหมือนเมื่อคราวมีสนธิสัญญาเบาว์ริงกัน หรืออย่างไร ถ้านักประชาธิปไตยยังแยกเรื่องการเมืองว่าด้วยการชนะคะคานกับเรื่องของศักดิ์ศรีของประเทศชาติไม่ออก ก็ป่วยการเสียจริงๆ แล้วที่ถามว่าเอาหน้าไว้ที่ไหน นั้น ชาวบ้านเขาก็อยากย้อนถามเหมือนกัน เมื่อครั้นยังมีพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) คุณพี่อ๋อยไม่ได้ถูกเสนอชื่อให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ นั้น เอาหน้าไว้ที่ไหน กันเล่า ...๐ หันมาเรื่องเบาๆ (หรือเปล่า) กันบ้าง เมื่อ “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” รมว.คมนาคม ได้ออกมาตอกย้ำเรื่องการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารรถโดยสารสาธารณะทุกประเภทแน่นอนในวันที่ 22 เม.ย.นี้ เรียกว่าเป็น “โบนัส” หลังสงกรานต์และหลังจบการเลือกตั้งกันเลย เพราะตามกำหนดเดิมจะต้องขึ้นในเดือน ม.ค. แต่ได้เลื่อนออกมา 3 เดือน ซึ่งจะดีเดย์ในวันที่ 22 เม.ย.แล้วอย่างนี้มันจะเรียกว่าส่งเสริมการใช้การขนส่งสาธารณะได้อย่างไร หรือเพราะเห็นว่าเลือกตั้งจบแล้วก็เลิกโปรโมชั่นหรืออย่างไร แล้วที่สำคัญการขึ้นค่าโดยสารรถเมล์นั้นก็ควรมาทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพด้วยมิใช่เหรอ แต่เห็นว่า ทุกวันนี้ยังต้องรอรถกัน 1-2 ชั่วโมง โดยเฉพาะในเส้นทางการสร้างรถไฟฟ้าอย่างย่าน “รามคำแหง-มีนบุรี” ทั้ง "สาย ปอ.22 และ ปอ.519” หากมีการขึ้นค่ารถเมล์จริงการรอจะลดหรือไม่อย่างไร ทั่นรัฐมนตรีจะตอบได้ไหม นี่ยังไม่รวมกรณีการติดเครื่องรูดบัตรต่างๆ ที่สุดท้ายไม่ได้ใช้ นั้น มีความเสียหายอย่างไรหรือไม่ และใครควรรับผิดชอบ จนป่านนี้ก็ยังไม่เห็นมีใครมาชี้แจงแถลงไขแต่ประการใด ...๐