สืบจากอึ หัวหน้าชุดพญาเสือฟันธง "เปรมชัย" เป็นคนยิงเสือดำ ระบุเบาะแสสภาพแวดล้อม หยิบกระโถนไม่ทัน ขณะที่คนอื่นไม่กล้าถ่ายหน้ารถแน่นอน ขณะที่ ปปป.เรียกหัวหน้าวิเชียรเข้าให้ข้อมูลกรณีท่านประธานนักล่าติดสินบน
          นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าชุดพญาเสือ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย เดเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เข้าไปล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตกว่า หลักฐานอย่างหนึ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดว่าจะมัดตัวนายเปรมชัยว่าเป็นคนล่าสัตว์ ยิงเสือดำในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ คือกองอุจจาระที่อยู่หน้ารถ 1 กองใหญ่ ซึ่งเป็นอุจจาระของคน ไม่ใช่อุจจาระของสัตว์ โดยอุจจาระกองดังกล่าวนั้นอยู่บริเวณด้านหน้ารถ ห่างจากจุดที่มีการปลดปลอกปืนลูกซองเพียง 3 เมตรเท่านั้น ซึ่งเวลานี้ตนได้เก็บกองอุจจาระดังกล่าวส่งให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเรียบร้อยแล้ว
         หัวหน้าชุดพญาเสือเผยว่า สาเหตุที่มั่นใจว่าเป็นกองอุจจาระของนายเปรมชัย เพราะกองอุจจาระอยู่บริเวณหน้ารถคันที่คณะของนายเปรมชัยขับเข้าไปในป่า คิดว่าคณะของนายเปรมชัยอีก 3 คน คือนางนที ซึ่งเป็นผู้หญิงนั้น ไม่อุจจาระกลางแจ้งแบบนี้แน่นอน ส่วนนายยง คนขับรถ กับนายธานี ที่เป็นพราน ก็คงไม่มีใครกล้าไปถ่ายอุจจาระหน้ารถของผู้เป็นนายอย่างแน่นอน
    "จากหลักฐานการเตรียมเครื่องมือเครื่องใช้สำหรับการเข้าป่าทั้งหมด กระทั่งสามารถยิงเสือดำได้ แล้วเอามาชำแหละที่จุดนี้ เข้าใจว่าระหว่างรอให้นายธานีแกะเครื่องในเสือดำออกมาทิ้ง นายเปรมชัยอาจจะรู้สึกปวดท้อง จึงได้ไปนั่งอุจจาระหน้ารถ เพราะจุดดังกล่าวมีก้อนหินและเป็นหลุมลึก ประกอบกับนางนทีที่พยายามหยิบกระโถนออกมาจากรถ แต่ในรถมีของวางทับซ้อนกันมากจึงหยิบไม่ทัน"
ฟันธงอุจจาระคนแน่ๆ
         ผู้สื่อข่าวถามว่า อุจจาระกองดังกล่าวจะมัดตัวนายเปรมชัยว่าเป็นคนยิงเสือดำได้อย่างไร นายชัยวัฒน์ ตอบว่า บริเวณที่พบกองอุจจาระนั้น เป็นจุดเดียวกับที่มีร่องรอยการแล่เนื้อและชำแหละเครื่องในของเสือดาวออกมา จากเหตุผลที่บอกมาข้างต้นทำให้เชื่อมั่นว่าเป็นอุจจาระของนายเปรมชัย ไม่ใช่ของลูกน้องคนใดคนหนึ่งแน่นอน    
          ถามว่า กองอุจจาระที่เก็บมานั้น มั่นใจได้อย่างไรว่าเป็นอุจจาระของคน ไม่ใช่อุจจาระสัตว์ป่าตัวอื่น หัวหน้าชุดพญาเสือตอบว่า เบื้องต้นเลยก็ดูไม่ยาก เพราะตอนเก็บนั้นก็ยังค่อนข้างใหม่อยู่ เป็นอุจจาระคนแน่นอน แต่จะให้แน่ที่สุดก็ต้องให้ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานออกมาแจงอีกที ซึ่งตนค่อนข้างมั่นใจ
        นายชัยวัฒน์ยังกล่าวถึงกรณีการตรวจสอบที่ดิน อ.ภูเรือ จ.เลย ของนายเปรมชัย ว่าเบื้องต้นกรณีดังกล่าวอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของกรมป่าไม้ ในส่วนของพื้นที่รับผิดชอบกรมอุทยานฯ เบื้องต้นทราบว่ามีเพียงบริเวณพื้นที่สนามกอล์ฟเขาสอยดาวไฮแลนด์ จ.จันทบุรี ที่มีการจับกุมดำเนินคดีไปแล้ว และกรมอุทยานฯ ชนะคดีในชั้นศาลอุทธรณ์ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาลฎีกา ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าขนาดพื้นที่อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาวยังถูกนำมาออกโฉนดได้ ซึ่งเขตรักษาพันธุ์ฯ ก็ประกาศทับในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติฯ เขาสอยดาว ซึ่งมีพื้นที่กว้างกว่าเขตรักษาพันธุ์ฯ และเรื่องนี้ต้องรอศาลฎีกาตัดสินชี้ขาด
    พ.ต.อ.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ รองผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. เปิดเผยว่า ขณะนี้พนักงานสืบสวนได้ทำหนังสือเรียก นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและพันธุ์พืชทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก เข้าให้ข้อมูลในฐานะผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษนายเปรมชัย ในความผิดฐานติดสินบนเจ้าพนักงาน หลังตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ ปทส. สอบปากคำเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ กรณีติดสินบนด้วยไฟฉายและอุปกรณ์เดินป่าให้กับเจ้าหน้าที่
สอบหัวหน้าวิเชียร
         โดยจะเรียกนายวิเชียรและเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม รวม 4 คน เข้าให้ข้อมูลที่ ปปป. วันที่ 22 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อตั้งประเด็นการเรียกตัวนายเปรมชัยมาสอบปากคำ
          ส่วนนายนพดล พฤกษะวัน อดีตข้าราชการ กรมอุทยานฯ ที่นำไฟฉายไปมอบให้เจ้าหน้าที่ที่ด่านตรวจ  ตำรวจจะเรียกมาสอบปากคำในฐานะพยาน เนื่องจาก นายวิเชียรร้องทุกข์กล่าวโทษกับนายเปรมชัย แต่หากพบความผิดที่ร่วมกันทำความผิดติดสินบน จะดำเนินการเช่นเดียวกันกับนายเปรมชัย
         ขณะที่นายอรรถพล เจริญชันษา รองอธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีการบุกรุกพื้นที่ป่าใน อ.ภูเรือ ของบริษัท ซี พี เค อินเตอร์เนชั่นแนลฯ ที่มีนายเปรมชัยเป็นหนึ่งในกรรมการบริหารนั้น เจ้าหน้าที่ได้มีการรังวัด รวบรวมแปลงรูปที่ดินมาเพื่อตรวจสอบแล้ว และมีการบินสำรวจโดยเฮลิคอปเตอร์เพื่อถ่ายภาพและหาหลักฐานเพิ่มเติม 
    ทั้งนี้ ในวันที่ 19 ก.พ.นี้ เจ้าหน้าที่กรมที่ดินจะนำชี้แนวเขตพื้นที่ที่มีการนำไปออกเอกสารสิทธิร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เพื่อขึ้นรูปแปลง ซึ่งส่วนนี้เรามีข้อมูลพอสมควรแล้ว และยังมีพื้นที่ครอบครองที่ไม่มีเอกสารสิทธิที่จะต้องรังวัดนำมาขึ้นรูปแปลง เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่ามีจำนวนพื้นที่ที่ถูกบุกรุกกินอาณาเขตเท่าไร 
    ส่วนการตรวจสอบบริเวณท่าจอดเรือยอชต์อ่าวปอ แกรนด์มารีน่านั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ว่าเป็นการบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลน และมีการขอนุญาตใช้พื้นที่จากกรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคมหรือไม่ ซึ่งหากมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกรมป่าไม้ ทช.คงประสานมาให้เข้าไปตรวจสอบต่อไป
    ส่วนความคืบหน้ากรณีที่นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการบุกรุกป่าท้องที่ อ.ภูเรือ จ.เลย โดยคณะกรรมการฯ มีทั้งหมด 5 ฝ่าย มีปกครอง ตำรวจ ทหาร ที่ดิน และป่าไม้ คณะกรรมการฯ ได้ลงตรวจสอบพื้นที่ พบว่าการออกโฉนดที่มีการทับซ้อนกับแปลงที่มีการเพิกถอนไปในเนื้อที่ 6,215 ไร่ และทางบริษัท ซี พี เค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้ขอออกโฉนดจำนวน 6 ไร่ ซึ่งที่ดินที่ไม่ใช่ของตนเองมาออกโฉนด ที่ดินที่ถูกเพิกถอนไปแล้ว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ
แฉ จนท.สองมาตรฐาน
        นายชัยวัฒน์เปิดเผยว่า คณะกรรมการฯ ทำงานประสานกับป่าไม้ไปตรวจนับว่าต้นไม้ สิ่งปลูกสร้างมีเท่าไหร่ และให้ทำแผนที่ออกมา เมื่อทำแผนที่ออกมา คาดว่าในวันอังคารจะมีการประชุมว่าสิ่งที่พนักงานป่าไม้ตรวจนับและสิ่งปลูกสร้างจริงมันมีอยู่เท่าไร อยู่ในแผนที่เท่าไร แล้วมาเอามาใส่ในแผนที่ เมื่อมาใส่ในแผนที่คณะกรรมการชุดนี้ก็จะติดตามกับพนักงานสอบสวน ถ้าไม่ได้ข้อมูลก็จะส่งข้อมูลให้พนักงานสอบสวนเพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน เอกสาร เพื่อนำส่งพนักงานงานอัยการ
         ส่วนในกรณีเรื่องออกโฉนดที่ดินทับซ้อนที่ดินแปลงที่ถูกเพิกถอน คณะกรรมการฯ ได้สำรวจเบื้องต้นพบความจริงที่เชื่อได้ว่า ที่ดินใน 6 ไร่ที่มาออกโฉนดภายหลัง พบเป็นพื้นที่ที่ถูกเพิกถอนไปแล้ว เมื่อมีข้อเท็จจริงที่ปรากฏออกมาแบบนี้ ขั้นตอนต่อไปต้องตั้งคณะกรรมการมาเพื่อพิสูจน์ว่าจริงไหม ถ้าจริงต้องเสนอให้อธิบดีแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาการเพิกถอน  อำนาจการถอดถอนโฉนดเป็นอำนาจของอธิบดี
         ส่วนในด้านกลุ่มรักษ์เมืองเลย และเครือข่ายภาคประชาชนอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเลย  ร่วมกับสมัชชาประชาชนภาคอีสานเพื่อการพัฒนาประเทศไทย โดยมีนายคุ้มพงษ์ ภูมิภูเขียว ได้ออกสำรวจพื้นที่ที่ดินของนายเปรมชัย พบมีการทำงานของเจ้าหน้าที่ 2 มาตรฐาน
        นายคุ้มพงษ์ ภูมิภูเขียว แกนนำ เปิดเผยว่า หลังจากทางกลุ่มได้ตรวจสอบพบว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐในอดีตรู้เห็นเป็นใจปล่อยปละละเลยทั้งๆ ที่มีคำสั่งออกมากว่า 10 ปีให้มีการเพิกถอน โดยหลักผู้ครอบครองต้องออกจากพื้นที่ และไม่จำเป็นด้วยซ้ำไปว่ามีคำสั่งให้ออก เพราะพื้นที่จริงๆ เป็นภูเขาอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับ น.ส.3 หรือโฉนดเลยก็ได้ การที่พื้นที่เป็นภูเขาจะออกโฉนดไม่ได้
          อย่างล่าสุดเมื่อกลางปีที่ผ่านมา เราก็มีความคาดหวังที่มีหน่วยงานมาจับการบุกรุกป่า อย่างที่ของวัดธรรมกาย ซึ่งมีพื้นที่ติดกันในเขตอำเภอภูเรือ ซึ่งเป็นที่ดินแปลงเดียวกันที่ถูกเพิกถอนเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา เพราะเป็นป่าพื้นเดียวกัน ป่าภูหมี ภูขี้นาค ในเขตภูเรือวโนทยาน เป็นพื้นที่ติดกัน ซึ่งมีชื่อเป็นทางการ ป่าภูเรือ ภูเปลือย ภูขี้เถ่า แต่ป่าภูหมี ภูขี้นาค เป็นภาษาถิ่น และกลางปีที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่มาตรวจยึดที่ของธรรมกาย ที่ดินแปลงเดียวกันรั้วติดกัน แต่คิดจะเลือกจับและยึดอีกตรงหนึ่งและปล่อยไว้อีกตรงหนึ่ง ทั้งๆ ก็เป็นที่ดินที่ถูกเพิกถอนมา 20 ปีพร้อมกัน แต่เจ้าหน้าที่รู้เห็นเป็นใจและไม่ดำเนินการ มีแต่คิดปกป้องที่ดินของกลุ่มนายทุนใหญ่เท่านั้น.