11 เม.ย.62- เมื่อช่วงเวลา 15.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า​ คสช.เดินทางมาตรวจเยี่ยมมาตราฐานการให้บริการในการขนส่งผู้โดยสาร ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ(จตุจักร) ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) รวมทั้งได้ขมการสาธิต การจรวจวัดระดับแอลกฮอล์จากลมหายใจของพนักงานขับรถ รวมทั้งได้เยี่ยมชมศูนย์จีพีเอส ตรวจจับความเร็วของรถโดยสาร โดยกล้องตรวจจับความเร็วด้วยแสงเลเซอร์

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สงกรานต์เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข ฉะนั้นต้องระมัดระวังให้มากที่สุดเราจะต้องดูแลคนขับ ใครเมา ให้แจ้งมาเลยนายกฯเป็นห่วงทุกคน  สงกรานต์เป็นช่วงเวลาความสุข ต้องระมัดระวังดูแลคนขับรถ อย่าให้ง่วง อย่าเมา ถ้าเขาเมา เขาง่วงดูไม่ปกติให้จอดรถทันที และถือเป็นความรับผิดชอบของผู้โดยสาร และของคนขับทุกคนต้องมีส่วนร่วม แล้ววันนี้บอกก่อนคนขับ อย่าให้บาดเจ็บล้มตายกระเป๋ากระปี๋ ถ้ามีอุบัติเกิดขึ้น ทำให้เกิดความเสียหายแกชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก จะต้องติดคุกคนขับจะจับติดคุก ติดคุกไม่มีแล้วและไม่มีการเจรจาใช้หนี้ ขอเตือนไว้ก่อน เพื่อเป็นการบังคับคนขับให้ขับรถดีๆขอให้ภูมิใจในความเป็นไทยประเทศไทยเจอปัญหามาเยอะมันต้องแก้ได้โดยแก้ด้วยตัวของเราเองขอให้ระมัดระวังมิจฉาชีพต่างๆรักทุกคน ขอให้ร่วมกันทำให้บ้านเมืองสงบอย่าให้มันเกิดขึ้นอีก นายกฯเป็นห่วงเพราะว่ารถแน่น ทุกอย่างจะดีขึ้นในพื้นที่ภาคอีสาน ขอให้อดทนหน่อย เดี๋ยวเราจะมีรถไฟฟ้าแล้ว ทุกคนจะมีชีวิตที่ดีขึ้น ก่อนหน้านี้ เมื่อก่อนตนก็ขึ้นรถบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.)กลับบ้านมีแอร์บ้าง ไม่มีแอร์บ้างยืนตลอดทางก็มี  

ต่อมานายกฯตรวจเยี่ยมห้องปฏิบัติการฯ เพื่อพูดคุยกับคนขับรถโดยได้กำชับให้คนขับรถด้วยความระมัดระวังและคำนึงถึงครอบครัวและผู้โดยสาร  และความเร็ว ควรขับอยู่ในปริมาณที่กฎหมายกำหนดประมาณ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมเน้นให้คนขับรถขับอย่างปลอดภัยและเดินทางปลอดภัยทุกคน 

ทั้งนี้นายกฯได้ทดลองเป่าเครื่องตรวจวัดระดับแอลกฮอล์จากลมหายใจ ซึ่งปรากฎว่าขึ้นมาเป็นสีเขียว นายกฯ กล่าวว่า มันเป็นสีเขียว เพราะไม่ได้ดื่มอะไรมา ก่อนจะหันไปเน้นย้ำ บรรดาโซเฟอร์ต่างๆว่า เวลาขับต้องไม่ดื่มคำถึงควมปลอดภัยทั้งครอบครัวคนขับและผู้โดยสารด้วย

จากนั้นนายกฯกล่าวว่าขอฝากคนละขับเจ้าหน้าที่รถทุกคันให้ดูแลผู้โดยสารเหมือนคนในครอบครัวตัวเองเราต้องมีความรักให้กันและกันถ้าเราสร้างความเกลียดชังมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งอันตรายกับประเทศไทยทุกคนอาจมุ่งหวังในการเปลี่ยนแปลงใช้ความรุนแรงอะไรต่างๆตนเห็นว่ายังไม่ใช้เวลาประเทศเราสงบสุขมา 4-4 ปีแล้วมาทำอะไรกันอีกต้องทำให้บ้านเมืองสงบเป็นเป้าหมายสุดท้ายที่เราต้องการ 

นายกฯ กล่าวว่า ฉะนั้นการจะเชื่อมั่นไว้วางใจใครต้องอยู่ที่กฎหมาย หลักฐาน พยานอย่าไปคิดเอาเอง ทั้งนี้ขอให้ทุกคนระมัดระวังในเรื่องความปลอดภัยการนั่งกระบะท้าย เดินทางอย่างปลอดภัยทั้งในช่วงนี้ และในช่วงต่อๆไป เพราะเราใช้รถตลอดเวลาอยู่แล้ว ด้วยเดชะพระบารมีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะปกป้องพวกเราในช่วงพิธีมหามงคลนี้ด้วยและตนอยากให้ร่วมกันทำความดี เพื่อลดความสูญเสียทางอุบัติเหตุให้มากที่สุดเพื่อถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ให้ได้ ขอให้ทำกันสักที ตอนรอฟังอยู่  รวมถึงการดื่มสุราการสวมหมวกกันน็อกและการคาดเข็มขัดนิรภัยและไม่ยืนอยู่ท้ายรถกระบะ รักตัวเองบ้าง

จากนั้นนายกขึ้นไปบนรถทัวร์ สายกรุงเทพฯ-แม่สอด หมายเลขทะเบียน15- 5813 เพื่อผู้คุยกับผู้ขับขี่รถโดยสารสาธารณะ โดนนายกฯ ได้เน้นย้ำโชว์เฟอร์ให้ดูแลผู้โดยสารเหมือนคนในครอบครัว  ก่อนจะเดินไปส่งประชาชนที่รอขึ้นรถบัสกลับบ้าน โดยระบุว่า วันนี้มาส่งกลับบ้าน ใครจะไม่รักนายกฯ ไม่รู้ แต่นายกฯรักทุกคน อย่าให้ใครมาทำทะเลาะแตกแยกกันอีกเบื่อแล้ว  และนายกฯไม่ต้องการอะไร แค่ขอให้ทุกคนเป็นคนดี เพื่อชาติบ้านเมืองให้มากขึ้น เวลานี้เป็นเวลาที่ทุกคนต้องดูแลประเทศไทย  ประเทศสำคัญกว่าอย่างอื่นถ้าประเทศดีอย่างอื่นก็ดีด้วย ถ้าบ้านเมืองพังพินาศไปแล้ว เราก็อยู่ไม่ได้ ถึงเราจะดีแต่บ้านเมืองไม่ดีไม่ได้