11 เม.ย.62-ที่พรรคเพื่อไทย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย นายชัยเกษม นิติสิริ ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อไทย นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวเรียกร้องให้ กกต.เปิดเผยวิธีคำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อ

นายภูมิธรรมกล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคได้ประชุมเพื่อเตรียมการจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี ในวันอาทิตย์ 21เม.ย. ตั้งแต่เวลา10.00น.เป็นต้นไป ซึ่งเป็นไปตามข้อบังคับพรรค ที่พรรคต้องรายงานผลการดำเนินงาน และรายงานงบการเงินตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา การที่พรรคยังได้ไม่ได้รายงานเนื่องจากปีดังกล่าวเกิดการรัฐประหาร สำหรับองค์ประชุมประกอบด้วย สมาชิกพรรค กรรมการบริหารพรรค ตัวแทนสาขาพรรค รวมถึงผู้สมัครส.ส.ระบบเขตเลือกตั้งทั้ง 250 เขต ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ 97คน ในการประชุมวันดังกล่าวจะมีการรายงานและสรุปสถานการณ์การเมือง ท่าทีของพรรคให้สมาชิกพรรคทราบ พรรคยังยืนยันทุกคำมั่นสัญญาที่พูดไว้ตอนเสียง เราจะทำทุกนโยบายที่ได้แถลงไว้ หากได้เป็นรัฐบาลจะนำสิ่งเหล่านั้นทำทันที หากไม่ได้เป็นรัฐบาลจะนำสิ่งเหล่านั้นมาทำตามศักยภาพของเรา

นายภูมิธรรมยังกล่าวถึงระบบคำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อจากกกต.ว่า ในรัฐธรรมนูญ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการคำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อได้กำหนดวิธีปฏิบัติไว้อย่างชัดเจน คงไม่สามารถคำนวนตามอำเภอใจใครได้ กกต.ต้องทำตามขั้นตอนกฎหมาย ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคมีความเห็นจะทำหนังสือเป็นทางการ ให้กกต.ทำตามกฎหมาย หากไม่ปฏิบัติถือว่า กกต.จงใจไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ พรรคมอบให้โฆษกพรรคเพื่อไทย ไปยื่นหนังสือต่อกกต.

ส่วนนายชูศักดิ์กล่าวว่า ตามที่กกต.แถลงว่าจะมีพรรคการเมืองได้รับการจัดสรรส.ส.บัญชีรายชื่อไม่น้อยกว่า 25 พรรคนั้น พรรคเพื่อไทยเห็นว่าวิธีการคำนวณดังกล่าว อาจเป็นการขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญมาตรา 91 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. เพราะวิธีการที่กำหนดไว้ในกฎหมายชัดเจน ว่าจำนวน ส.ส.ที่แต่ละพรรคพึงมี ต้องยึดจำนวนตามที่คำนวณได้เป็นเกณฑ์ จะนำไปเฉลี่ยให้กับพรรคที่มีคะแนนต่ำกว่า 71,065 คะแนนมิได้ พรรคการเมืองใดที่มีคะแนนต่ำกว่าคะแนนต่อส.ส.หนึ่งคนย่อมไม่มีสิทธิได้รับจัดสรรจำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคที่จะได้รับการจัดสรร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ต้องเป็นพรรคที่มี ส.ส.พึงมีเสียก่อน เมื่อพิจารณาตามข้อกฎหมายแล้วไม่มีช่องทางใดเลยที่พรรคซึ่งมีคะแนนต่ำกว่า71,065 คะแนน จะได้รับจัดสรร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้มีหนังสือลงวันที่ 10 เม.ย. ถึง กกต. ให้ทบทวนการคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เสียใหม่ให้ถูกต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายต่อไปแล้ว

ถามว่าหากกกต.ยังยืนยันจะใช้สูตรเดิมในการคำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อ ทางนายภูมิธรรมกล่าวว่า กกต.ต้องทำตามกรอบรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ถ้าคำนวนเป็นอื่นแล้วพิสูจน์ไม่ได้ว่าถูกต้อง ถือว่ากกต.มีความพยายามจงใจทำผิดรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย ก็ต้องไปว่ากันในวันข้างหน้า จะอ้างว่าทำถูกกฎหมาย ก็อ้างได้ แต่ถ้าผิดกฎหมายก็ต้องรับผิดชอบ

ถามว่ากรณีเครือข่ายภาคประชาชนเข้าชื่อและไปยื่นถอดถอนกกต. ทางพรรคเห็นด้วยกับเรื่องนี้หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ภาคประชาชน พรรคการเมือง มีข้อคิดเห็นไปในทางเดียวกัน ร้องขอให้กกต. กระทำการไปในทางที่ถูกกฎหมาย การไปเข้าชื่อ ยื่นถอดถอนกกต.ของภาคประชาชนนั้นสามารถทำได้ ในส่วนของพรรคการเมืองเพื่อไทย เราจะไม่หยุดแค่นี้ ถ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นเราก็โอเค แต่ถ้าไม่ จะใช้ทุกช่องทางตามรัฐธรรมนูญให้อำนาจไว้ มีช่องทางไหนที่พอทำได้ก็จะทำทุกช่องทางตามกฎหมาย นอกจากนี้ในวันนี้กกต.ยังมีภาระที่เป็นปัญหาค้างไว้หลายเรื่อง พรรคเคยขอข้อมูลดิบ กกต.ยังไม่ตอบมา และยังไม่แสดงท่าทีใดๆ อยากให้กกต.กล้าหาญ กล้าที่จะกระทำสิ่งที่ดำเนินการอยู่ ถ้ายืนยันว่าไม่ผิดรัฐธรรมนูญ 7เสือกกต.ก็บอกมาให้ชัดเจน ตอนนี้ใช้เจ้าหน้าที่ประจำบ้าง อะไรบ้าง ซึ่งไม่ชัดเจน เมื่อไม่ชัดเจนเราเลยทำมติเป็นทางการถามไปจากพรรคเพื่อไทย    

ถามว่าคิดว่าจะทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะหรือไม่ นายชูศักดิ์กล่าวว่า ประเด็นการคำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อ กับ ประเด็นเรื่องเลือกตั้งโมฆะ น่าจะเป็นคนละประเด็น คำว่า การเลือกตั้งโมฆะ คือ มีการกระทำโดยมิชอบโดยรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านมามีการร้องเรียนผู้ตรวจการแผ่นดิน และมีการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา แต่ในส่วนของพรรคเพื่อไทย ในวันนี้เราเรียกร้องให้มีการคำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นไปตามกฎหมาย หากไม่ทำตามกฎหมายกกต.ต้องรับผิดชอบ

ถามว่ากกต.ยืนยันวิธีคิดคำนวนของกกต.นั้นถูกต้อง นายชูศักดิ์กล่าวว่า ก็อยากถามว่ามีมาตราไหนที่บอก ให้เอา150ไปบวก 25 ออกมาเป็น 175 แล้วปรับให้เป็น 150 เมื่อไปเปิดดูรัฐธรรมนูญ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญนั้น ไม่มีเขียนไว้ทั้งในรัฐธรรมนูญ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น ไม่อยากให้ไปคิดอะไรนอกกรอบกฎหมาย