ป.ป.ส.ปัดเอื้อนายทุนจับกัญชามูลนิธิข้าวขวัญ ยันทำตามกฎหมาย ย้ำประชาชนปลูกเองไม่ได้ "3 มูลนิธิ" นัดมวลชนรวมพลังที่ศาลสุพรรณบุรี "ปล่อยซ้งจากที่คุมขัง พา อ.เดชากลับบ้าน" เผยยอดบริจาคประกันตัวเกิน 5 แสนแล้ว
ที่โรงแรมบัดดี้ โอเรียนทอล ริเวอร์ไซด์ จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 8 เมษายน นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) แถลงว่า สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 1-2 เม.ย.62 ได้มีการแพร่ภาพและเนื้อหาทางสื่อสังคมออนไลน์ ว่ามีการแจกน้ำมันสารสกัดจากกัญชาให้ประชาชนนำไปใช้รักษาอาการเจ็บป่วยภายในวัดที่ จ.พิจิตร และ จ.ลพบุรี โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่ามีการนำสารสกัดจากกัญชามาแจกให้ประชาชนจริง ซึ่งผู้ที่นำมาแจกนั้นมาจากมูลนิธิข้าวขวัญใน จ.สุพรรณบุรี เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบมูลนิธิดังกล่าวและพบต้นกัญชาที่เพาะปลูกได้ไม่นานกว่า 200 ต้น น้ำมันสกัดจากกัญชาประมาณ 20 ลิตร กัญชาบดผงประมาณ 500 กรัม เมล็ดกัญชา 1.8 กิโลกรัม และอุปกรณ์อื่นๆ พร้อมจับกุมผู้ต้องหา 1 ราย ในข้อหาผลิตและครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) โดยไม่ได้รับอนุญาต
จากการเข้าตรวจสอบที่ทำการมูลนิธิดังกล่าว เมื่อพบกัญชาตามรายละเอียดข้างต้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องตรวจยึด จับกุมผู้ต้องหาที่ทำการผลิตและครอบครอง เพราะกัญชายังเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 การดำเนินการใดๆ ไม่ว่าจะผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย ครอบครองหรือเสพ หากไม่ได้รับอนุญาตก็ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย ซึ่งหากเจ้าพนักงานไม่ดำเนินการจะเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนกรณีที่มูลนิธิดังกล่าวอยู่ระหว่างยื่นเรื่องขออนุญาตนั้น ขอตรวจสอบหลักฐานก่อนว่าดำเนินการอย่างไรบ้างแล้ว อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาแก่เจ้าของมูลนิธิฯ เป็นเพียงการแจ้งข้อหาคนที่อ้างตัวเป็นเจ้าของต้นกัญชา ในข้อหามีต้นกัญชาไว้ในการครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ส่วนที่มีข้อกังวลว่าการดำเนินการกับมูลนิธิเป็นการเอื้อประโยชน์ให้นายทุนหรือไม่นั้น นายนิยม กล่าวว่า ขณะนี้มีเพียงองค์กรของรัฐ 2 หน่วยงานที่ได้รับอนุญาตในการผลิต คือ องค์การเภสัชกรรม และกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก อีกทั้งในระยะ 5 ปีแรกการผลิต นำเข้า ส่งออกกัญชาให้อนุญาตได้เฉพาะหน่วยงานรัฐ หรือโดยความร่วมมือของหน่วยงานของรัฐเท่านั้น สำหรับผู้ประสงค์ขออนุญาต หรือกรณีผู้ป่วย ให้แจ้งการมีไว้ในครอบครองเกี่ยวกับกัญชาเพื่อให้ได้รับการยกเว้นโทษภายใน 90 วัน นับตั้งแต่กฎหมายมีผลบังคับใช้ ซึ่งจะสิ้นสุดภายในวันที่ 19 พ.ค.62 ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งขณะนี้จากข้อมูลพบว่ามีผู้มายื่นเรื่องเป็นรายบุคคลแล้วนับร้อยราย
ส่วนกรณีการจัดงานวันกัญชาโลกที่ จ.บุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 19-21 เม.ย.นั้น ผู้จัดได้ประสานมายัง ป.ป.ส.เพื่อร่วมแสดงผลงานความรู้ทางวิชาการ แต่หากมีการนำต้นกัญชามาแสดงต้องขออนุญาตจาก อย.เสียก่อน นอกจากนี้การที่มีพรรคการเมืองมาสนับสนุนมูลนิธิดังกล่าวนั้น สามารถทำได้เพราะเป็นการสนับสนุนตามปกติ แต่ตอนนี้ยังไม่มีการพูดคุยเกี่ยวกับนโยบายการสนับสนุนแบบเสรี อย่างไรก็ตามกัญชายังคงเป็นยาเสพติดผิดกฎหมาย การผลิต จำหน่าย ครอบครองต้องได้รับอนุญาต ประชาชนทั่วไปไม่สามารถปลูกกัญชาเองได้
"นับแต่ได้มีการร่างกฎหมายจนกฎหมายมีผลบังคับใช้ สำนักงาน ป.ป.ส.และสำนักงาน อย.ได้มีการสร้างความรับรู้และความเข้าใจให้ประชาชนมาโดยตลอดในหลากหลายช่องทาง ว่านโยบายของรัฐบาลที่เห็นว่ากัญชาสามารถนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และการศึกษาวิจัยได้ จึงให้มีการผ่อนปรนและออกกฎหมายเพื่อการดังกล่าว โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติและความปลอดภัยของประชาชนไทยเป็นที่ตั้ง ไม่มีส่วนเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้ใดเป็นการเฉพาะทั้งสิ้น" เลขาธิการ ป.ป.ส.กล่าว และว่าสำนักงาน ป.ป.ส.จะเร่งดำเนินการสร้างการรับรู้และความเข้าใจในเรื่องดังกล่าวต่อประชาชนให้มากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติต่อไป
วันเดียวกัน มูลนิธิชีววิถี (Biothai) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเพจ Biothai ถึงการช่วยเหลือนายพรชัย ชูเลิศ หรืออาจารย์ซ้ง เจ้าหน้าที่มูลนิธิข้าวขวัญ จ.สุพรรณบุรี ที่ถูกคุมขังจากการแจกน้ำมันกัญชาเพื่อรักษาผู้ป่วย และช่วยนายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ ในการต่อสู้คดีว่า ผู้แจกจ่ายยาจากกัญชาเพื่อรักษาประชาชนที่ป่วยไข้ โดยไม่ได้แสวงหาประโยชน์ใดๆ ไม่ควรถูกจองจำแม้เพียงสักวันเดียว แต่นายพรชัยกลับถูกควบคุมตัวในเซฟเฮาส์และถูกคุมขังไว้แล้วถึง 6 วัน
ทั้งนี้ มูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน (ประเทศไทย), มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และมูลนิธิชีววิถี ได้รวบรวมเงินบริจาคจากประชาชนเพื่อขอยื่นประกันตัวต่อศาลจังหวัดสุพรรณบุรีในวันอังคารที่ 9 เม.ย.นี้ เวลา 13.00 น. และขอเชิญชวนประชาชน ผู้ป่วยที่ต้องการเข้าถึงยา สื่อมวลชน และทุกพรรคการเมืองที่ประกาศนโยบายสนับสนุนกัญชาเพื่อการแพทย์ ร่วมให้กำลังใจและร่วมเป็นสักขีพยานการขอประกันตัวนายพรชัยในวันและเวลาดังกล่าว
"เราขอขอบคุณคุณอนุทิน ชาญวีรกูล ที่ได้มอบหมายให้คุณศุภชัย ใจสมุทร ตัวแทนจากพรรคภูมิใจไทยเข้าร่วมแสดงความจำนงเพื่อสนับสนุน 'ปล่อยซ้งจากที่คุมขัง พาอาจารย์เดชากลับบ้าน' ขอขอบคุณ คุณประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ซึ่งพร้อมจะใช้ตำแหน่งเพื่อขอประกันตัว ทันทีที่เดินทางกลับมาจาก จ.ลำปาง และเสนอตัวที่จะฟ้องเจ้าหน้าที่ที่อาจดำเนินการโดยมิชอบ เพราะขณะนี้การใช้กัญชาเพื่อการแพทย์อยู่ในระยะเวลา 90 วันของการนิรโทษกรรมตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฉบับปรับปรุงแก้ไข และคุณธีระ วงษ์เจริญ ที่ปรึกษา รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่จะเดินทางไปให้กำลังใจเครือข่ายต่างๆ และเป็นสักขีพยานในการขอประกันตัวดังกล่าว" มูลนิธิชีววิถีระบุ
ส่วนยอดการบริจาคที่รวบรวมได้ขณะนี้เกิน 500,000 บาทตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำหนดเป็นหลักทรัพย์ในการประกันตัวแล้ว และโดยพันธกรณีที่ต้องใช้เงินดังกล่าวเพื่อการประกันตัวและต่อสู้คดีตามที่มูลนิธิทั้ง 3 องค์กรได้แจ้งประชาชนมาตั้งแต่ต้นตอนประกาศรับการบริจาค ในชั้นนี้จึงขอใช้เงินสดจากประชาชนสำหรับการขอประกันตัวดังกล่าว
โดยทั้งสามมูลนิธิพร้อมที่จะร่วมมือกับทุกกลุ่ม และขอเชิญชวนทุกพรรคการเมืองที่มีนโยบายสนับสนุนกัญชาเพื่อการแพทย์ ร่วมกันแสดงตัวและร่วมกันหารือเพื่อสนับสนุนการต่อสู้ ปกป้องสิทธิในการเข้าถึงยากัญชาของประชาชนในระหว่างการขอยื่นประกันตัววันอังคารที่ 9 เม.ย.นี้ ที่ศาลจังหวัดสุพรรณบุรี.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |