'เทพไท'ชู'ชวน'นั่งหัวหน้าปชป. เชื่อเรียกศรัทธาพรรคได้


เพิ่มเพื่อน    

8 เม.ย.62 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเทพไท เสนพงษ์ ว่าที่ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์  ได้ถ่ายทอดสดเฟสบุคถึงสถานการณ์ทางการเมืองและทางออกของประเทศ ว่า วันนี้ยังไม่มีการประชุมส.ส. เพราะยังไม่มีการรับรองส.ส. จึงยังไม่มีมติใดๆ ทั้งนี้ มีทางออก 3 ทาง คือ 1.เมื่อสองขั้วการเมือง คือ ขั้วสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา ที่นำโดยพรรคพลังประชารัฐ กับขั้วพรรคเพื่อไทย ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ในที่สุดจะนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติเพื่อความปรองดอง ซึ่งคนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีก็ไม่ควรเป็นพล.อ.ประยุทธ์ เพราะเป็นคู่ขัดแย้งระหว่างขั้วต่างๆ ฉะนั้นนายกฯต้องเป็นคนกลาง ที่ทุกพรรคทุกฝ่ายยอมรับให้ไปพูดคุยว่าจะเอาใครเป็นนายกฯที่ทุกพรรคให้การยอมรับ โดยนายกฯเฉพาะกิจเฉพาะกาลที่จะฝ่าวิกฤตประเทศไปก่อน  กำหนดเวลา 2 ปีพร้อมภารกิจว่าต้องทำอะไรบ้างที่เป็นเรื่องเร่งด่วน เช่น ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง และแก้ไขปัญหาทางการเมือง เช่น แก้ไขรัฐธรรมนูญจะแก้ไขประเด็นใดบ้าง เป็นต้น จากนั้นก็ยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนใหม่โดยไปสู่การเลือกตั้งใหม่

นายเทพไท กล่าวอีกว่า 2.เมื่อสถานการณ์ยืดเยื้อเช่นนี้ไม่มีทางจัดตั้งรัฐบาลหรือยังหาข้อยุติไม่ได้ คสช.อาจใช้ม.44 ประกาศยกเลิกการเลือกตั้งและจัดการเลือกตั้งใหม่ 3.ถ้าพล.อ.ประยุทธ์มองว่าการใช้ม.44 ทำให้คสช.เปลืองตัวหรือมีข้อครหาจากฝ่ายต่างๆว่าเป็นการใช้อำนาจนอกเหนือรัฐธรรมนูญก็ให้ใครไปร้องศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาข้อบกพร่องในการเลือกตั้ง 24 มี.ค. 2562 ถ้าเห็นว่าข้อบกพร่องนี้มีเหตุอันควรเป็นโมฆะ ก็ให้ศาลสั่งให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะ และให้มีการจัดเลือกตั้งใหม่

นายเทพไท กล่าวต่อว่า สถานการณ์การเมืองตอนนี้ออกได้3 หน้า หากพล.อ.ประยุทธ์จะเป็นนายกฯจะมีปัญหามาก  เพราะแม้จะเอาพรรคประชาธิปัตย์ไปร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ แต่ขั้วสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ก็ยังไม่สามารถรวบรวมส.ส.ได้ครบ 250 เสียงหรือครึ่งหนึ่งของสภาล่าง พล.อ.ประยุทธ์สามารถเป็นนายกฯได้ เพราะมี 250 เสียงของส.ว.ค้ำยันอยู่ แต่หลังจากได้เป็นนายกฯแล้วก็จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย จะไม่มีเสถียรภาพในการบริหารประเทศ ขณะที่ขั้วของพรรคเพื่อไทยจะเป็นรัฐบาลต้องไปรวบรวมกับ375 เสียงจากพรรคการเมืองต่างๆให้ได้  ซึ่งดูแล้วขั้วที่ไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์รวมแล้วก็ได้ไม่ถึงจำนวนนั้น แม้จะรวบพรรคประชาธิปัตย์ไปด้วยก็ตาม เสียงปิ่มน้ำทั้งสองข้างจึงเกิดเดทล็อคหรือทางตันทางการเมือง

นายเทพไท ยังได้กล่าวถึงท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ว่า ขณะนี้อยู่ในห้วงรักษาการณ์ของกรรมการบริหารพรรค สมาชิกหลายฝ่ายเรียกร้องว่าการตัดสินใจทางการเมืองใดๆให้รอกรรมการบริหารชุดใหม่เป็นคนตัดสิน เพราะจะเป็นผู้รับผิดชอบต่ออนาคตของพรรคหลังจากนี้ โดยต้องรอ 1.การรับรองส.ส. เพราะส.ส.ชุดนี้จะเป็นองค์ประกอบในการโหวตเลือกกก.บห.ชุดใหม่แล้วจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะไปร่วมรัฐบาลหรือเป็นฝ่ายค้าน เช่นเดียวกับการเลือกหัวหน้าพรรคที่วันนี้มีผู้เสนอตัวและผู้ถูกกล่าวถึงอย่างน้อย3 คน คือ 1. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้า 2. นายกรณ์ จาติกวนิช รักษาการหัวหน้าพรรค และ3.นายอภิรักษ์ โกษโยธิน อดีตประธานกรรมการคัดสรรผู้สมัครส.ส. ซึ่งทั้ง 3  ท่านเป็นคนหนุ่มมีความสามารถคนละรูปแบบ นายจุรินทร์มีความแหลมคมทางการเมือง นายกรณ์ก็มีความรู้ด้านเศรษฐกิจ ส่วนนายอภิรักษ์ก็มีประสบการณ์ทางการเมืองสูง และเป็นผู้ว่าฯกทม. ถึง 2 สมัย คุมงบประมาณรายจ่าย3 แสนล้านบาท แต่ตนขอเสนอให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค มาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพราะสถานการณ์พรรคขณะนี้ไม่ต่างกับสถานการณ์การเมืองของประเทศเช่นเดียวกัน แม้ทั้งสามท่านจะมีความสามารถแต่ละด้าน แต่เกรงว่าการแข่งขันจะรุนแรง

นายเทพไท กล่าวตอนท้ายว่า จากนั้นค่อยมาเลือกบุคคลที่จะเป็นนายกฯในนามพรรค เพื่อไปต่อสู้ในการเลือกตั้งครั้งใหม่ ทั้งนี้ นายชวนยังมีสุขภาพดีสามารถทำงานทางการเมืองได้ และเป็นผู้ใหญ่ที่ทุกคนในพรรคให้ความเคารพนับถือ หลายคนเปรียบเทียบนายชวน กับมหาเธร์ นายกรัฐมนตรีของมาเลเชียที่มีอายุ 92 ปียังกลับมาเป็นนายกฯได้ แต่นายชวนอายุแค่82 ปีก็ถือว่าเหมาะสม หากท่านกลับมาเป็นนายกฯจะสามารถเรียกศรัทธาทำให้พรรคเข้มแข็งขึ้น เมื่อพรรครวมเป็นหนึ่งเดียวแล้วค่อยหาหัวหน้าพรรคคนใหม่เพื่อต้อสู้ในสนามเลือกตั้งครั้งหน้าต่อไป.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"