กลายเป็นประเด็นร้อนฉ่าในแวดวงสีกากี ต้อนรับเดือนแห่งความร้อนระอุเมษายน คงหนีไม่พ้น คำสั่งเด้ง! บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) พ้นจากตำแหน่ง

      หลังจากช่วงค่ำๆ วันที่ 5 เม.ย. เริ่มมีกระแสข่าวลือหนาหู

      ปลด! บิ๊กโจ๊ก นายตำรวจคนสนิท บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พ้นจากเก้าอี้ ผบช.สตม.

      กระทั่งช่วงบ่ายๆ วันที่ 6 เม.ย. คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 232/2562 เรื่อง ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการ ลงนามโดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)

      เนื้อหาระบุ.....

       “เพื่อให้การปฏิบัติราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 1-1 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ 2547 และข้อ 8 วงเล็บ 1 แห่งระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการภายในสํานักงานตํารวจแห่งชาติ พ.ศ.2552 จึงให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไปปฏิบัติราชการ ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติอาคาร 1 ชั้น 20 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบหมาย ตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย.2562 เป็นต้นไป”

      ทั้งที่ก่อนหน้าจะมีคำสั่งดังกล่าว ช่วงเช้าวันที่ 5 เม.ย.  บิ๊กโจ๊ก ยังเข้าร่วมประชุมกับหน่วยงานความมั่นคงในการเตรียมความพร้อมดูแลรักษาความปลอดภัยอำนวยความสะดวกประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2562 ที่กระทรวงกลาโหม มี บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธาน

      จากนั้นก็กลับเข้า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวรายวัน ทั้งการจับกุมขบวนการลักลอบค้าสินค้าเถื่อนผ่านออนไลน์ออกสื่อตามปกติ

      จนช่วงบ่ายมีหมายแถลงข่าวจับขบวนการแชร์ข่าวปลอมผิด พ.ร.บ.คอมพ์ ที่ สน.ทุ่งสองห้อง บิ๊กโจ๊ก หายตัวไป โดยให้ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผู้บังคับการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 3 (ผบก.ตม.3) ไปทำหน้าที่แทน รวมทั้งยกเลิกภารกิจเดินทางไปจังหวัดสิงห์บุรีแถลงข่าวการปราบปรามนายทุนเงินกู้นอกระบบ

      ตามมาด้วยพจเฟซบุ๊ก สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ทีมงานจัดทำขึ้นเพื่อเสนอผลการปฏิบัติงานของ บิ๊กโจ๊ก และรับเรื่องราวร้องทุกข์ที่ได้รับความเดือดร้อน มีผู้ติดตามกันเป็นจำนวนมาก ถูกปิดไม่สามารถเข้าถึงได้ เว็บไซต์วิกิพีเดียใช้สืบค้นข้อมูล ไม่ปรากฏข้อมูลของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ แต่อย่างใด

      แม้มูลเหตุคำสั่งเด้ง "ฟ้าผ่า"! พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ยังอึมครึมไม่เป็นที่แน่ชัด แต่ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันในหมู่สีกากีด้วยกัน น่าจะมีปมการจัดโผแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับรอง ผบก.-สว. กว่า 9,000 ตำแหน่ง ที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา

      ถึง บิ๊กโจ๊ก จะประกาศเสียงดังฟังชัดไม่ได้มีอำนาจในการแต่งตั้งโยกย้าย แต่ในหมู่คนสีกากีต่างก็รับรู้รับทราบว่า พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

      ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องยอมรับว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา ชื่อบิ๊กโจ๊ก-พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ถูกกล่าวขาน ถูกขนานนามว่าเป็นหนึ่งในน้องเลิฟ บิ๊กป้อม ชนิดที่ครั้งหนึ่งพล.อ.ประวิตร เคยออกตัวเอาไว้ว่า บิ๊กโจ๊ก คือนายเวรส่วนตัว

      บิ๊กโจ๊ก เป็นนายตำรวจมากบารมีที่โลดแล่นบนยุทธจักรสีกากีในยุครัฐบาล คสช. เป็น นรต.รุ่น 47 ที่ติดยศ นายพล คนแรก เป็นผู้บังคับการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก่อนสไลด์ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งสำคัญๆ อย่างผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว (ผบก.ทท.) ผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (ผบก.สปพ.) หรือ 191 ตำแหน่งก้าวกระโดดขึ้น รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบช.ทท.) ยิ่งการแต่งตั้งวาระนายพล ปี 61 “หล่อเลือกได้” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ แคนดิเดตมีชื่อเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) และผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) ก่อนเจ้าตัวจะจิ้มนั่งเก้าอี้ สตม.

      ยิ่งการทำงานเป็นรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ดูแลหน้างาน 12 ประเภทครอบคลุมทั่วประเทศ ผลงานเป็นรูปธรรมจับต้องได้ ตามยึดอายัดทรัพย์นายทุน คืนโฉนดที่ดินให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนทั่วประเทศ ได้ใจชาวบ้าน-เป็นผลงานของรัฐบาล ไม่มีตำรวจคนไหนทำได้เท่าเขาอีกแล้ว

      จนได้รับฉายา ผบ.ตร.น้อย มีคนเชื่อมโยงถึงขนาดขั้นกล่าวอ้างว่า พล.ต.ต. ใหญ่กว่า พล.ต.อ.

      อย่างไรก็ตาม จะด้วยเหตุใดก็ตาม ชีวิตราชการตำรวจของ “บิ๊กโจ๊ก” ใช้เวลาเพียง 20 ปี จาก “ร.ต.ต.-พล.ต.ท.” และมีแววจะก้าวถึงตำแหน่งสูงสุดขององค์กรสีกากี ฉายา “โจ๊กหวานเจี๊ยบ” ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย จับตาดูกันยาวๆ.