ประเพณีสงกรานต์ หรือวันขึ้นปีใหม่ เป็นเทศกาลที่มีความสำคัญกับคนไทย และสืบทอดกันมาตั้งแต่ครั้งโบราณ ถือว่าเป็นช่วงเวลาของการเคลื่อนเข้าสู่ปีใหม่ตามความเชื่อของไทย บางประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งวันนี้เหล่าบรรดาลูกหลานมักจะกลับบ้านแล้วอยู่ร่วมเฉลิมฉลองกับครอบครัว และกลับมารดน้ำดำหัวขอพรจากพ่อแม่และผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ และเป็นวันหยุดยาว แต่ละพื้นที่มีกิจกรรมให้ประชาชนได้ร่วมทำบุญและร่วมสนุกสนาน
ในส่วนของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้จัดกิจกรรม “เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2562” โดยนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. พร้อมด้วยนางสุจิตรา จงชาณสิทโธ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. และนายนพดล ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. ร่วมกันแถลงข่าวที่อาคารสำนักงานใหญ่ ททท. ถนนเพชรบุรี เมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา เพื่อมุ่งเน้นสืบสานประเพณีอันดีงาม กระจายนักท่องเที่ยวและเชื่อมโยงจากเมืองหลักสู่เมืองรอง ซึ่งคาดว่าจะมีเงินสะพัดช่วงสงกรานต์ รวม 20,980 ล้านบาท เพิ่ม 10% จากปีก่อน
นายยุทธศักดิ์ สุภสร กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลเย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2562 นี้ ททท.ได้ส่งเสริมการจัดงานในพื้นที่ต่างๆ กระจายไปทั่วประเทศ โดยยังเน้นที่เมืองรองและเมืองหลักที่มีประเพณีสงกรานต์ที่เป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่นและมีความสนุกสนาน รวม 15 พื้นที่ โดยกำหนดจัดงานเทศกาลสงกรานต์ขึ้นใน 3 จังหวัดเมืองรอง ได้แก่ งานเทศกาลเย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2562 Amazing Songkran 2019@ Tak “ศรัทธาสองแผ่นดิน” ณ วัดไทยวัฒนาราม และสนามกีฬาสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก, งานเทศกาลเย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ MUK-SAVAN Fun & Fin Festival 2019 ณ หาดมโนภิรมย์ อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร และงานสงกรานต์น้ำแร่ ณ หน้าเทศบาลเมืองระนอง อำเภอเมือง จังหวัดระนอง
นอกจากนี้ ยังมีอีก 12 พื้นที่ที่ ททท.สนับสนุนการจัดงาน ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดชลบุรี จังหวัดสุโขทัย จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำปาง จังหวัดนครพนม จังหวัดหนองคาย จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดสงขลา
นายนพดล ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. กล่าวถึงการจัดงาน
เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ ในพื้นที่จังหวัดมุกดาหารและระนอง ว่า ททท.ได้ดึงเอกลักษณ์ด้านพื้นที่และทรัพยากรมานำเสนอในการจัดงาน จังหวัดมุกดาหาร ใช้ชื่องาน “เทศกาลเย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ MUK-SAVAN Fun & Fin Festival 2019” ระหว่างวันที่ 12-16 เมษายน 2562 ณ หาดมโนภิรมย์ อำเภอหว้านใหญ่ ประกอบด้วยการจัดประติมากรรมทรายสื่อถึงภาพลักษณ์ของแหล่งท่องเที่ยว 5 ภูมิภาค ได้แก่ ประติมากรรมทรายภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือ วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์และองค์พญาศรีมุกดามหามุนีนีลปาลนาคราช จังหวัดมุกดาหาร ประติมากรรมทรายภาคเหนือ คือ พระธาตุดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ ประติมากรรมทราย
ภาคกลาง คือ อุทยานมังกรสวรรค์ พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร จังหวัดสุพรรณบุรี ประติมากรรมทราย ภาคตะวันออก คือ ผีเสื้อสมุทร จังหวัดระยอง รายล้อมด้วยผลไม้นานาชนิด (ต้อนรับฤดูกาลผลไม้) และประติมากรรมทรายภาคใต้ คือ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช นอกจากนี้ ยังมีโซน Cool-Isan นำเสนออุโมงค์น้ำ อุโมงค์ร่ม เป็นต้น
ส่วนการจัดงานพื้นที่จังหวัดระนอง ใช้ชื่องาน “สงกรานต์น้ำแร่ จังหวัดระนอง” ระหว่างวันที่ 13-15 เมษายน 2562 ณ ถนนเพิ่มผล หน้าเทศบาลเมืองระนอง อำเภอเมือง ประกอบด้วยกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ อุโมงค์น้ำแร่ ปลุกเสกน้ำแร่เพื่อความเป็นสิริมงคล ชิมอาหารถิ่น ทดลองทำผัดหมี่โบราณ นำเสนอเอกลักษณ์ของท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาร่วมงานเสมือนได้อาบน้ำแร่พร้อมๆ กับการฉลองเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งไม่เหมือนที่ใดในประเทศไทย
นางสุจิตรา จงชาณสิทโธ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ในพื้นที่จังหวัดตาก ซึ่งมีการผสมผสานทางวัฒนธรรมไทยและเมียนมา มีการจัดงาน “เทศกาลเย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2562 Amazing Songkran 2019 @ Tak “ศรัทธาสองแผ่นดิน”วันที่ 12-14 เมษายน 2562 ณ วัดไทยวัฒนาราม และสนามกีฬาสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เป็นการนำเสนอความรุ่งเรืองของวัฒนธรรมท้องถิ่นของสองประเทศ คือ วัฒนธรรมไทใหญ่กับวัฒนธรรมไทย-แม่สอด ผ่านการจำลองบรรยากาศงานประเพณีสงกรานต์โดยผสมผสาน 2 วัฒนธรรมเข้าด้วยกัน เน้นตกแต่งบรรยากาศแบบวัฒนธรรมไทใหญ่ สอดคล้องกับสถาปัตยกรรมที่วิจิตรของวัดไทย ประกอบด้วยกิจกรรมสรงน้ำพระสำคัญ ก่อเจดีย์ทราย ขบวนแห่สงกรานต์ ทดลองทำโคมไทใหญ่ โคมล้านนา และชมวิถีชนเผ่า เป็นต้น
ผู้ว่าการ ททท. กล่าวในตอนท้ายว่า ททท.คาดการณ์ว่าในช่วงเทศกาลเย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2562 (12-16 เมษายน 2562) นักท่องเที่ยวชาวไทยจะมีการเดินทางท่องเที่ยวทั้งสิ้นประมาณ 3.1 ล้าน คน/ครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณกว่า 1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ในขณะที่สถานการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติ คาดว่า จะมีการเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ประมาณ 546,000 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 10,283 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 คาดว่าส่วนใหญ่จะเป็นการเดินทางเข้ามาของตลาดระยะใกล้ เช่น กลุ่มอาเซียน (มาเลเซีย สิงคโปร์ สปป.ลาว และเวียดนาม) จีน ไต้หวัน และอินเดีย โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวกลุ่มอาเซียน 3 อันดับแรก คือ สิงคโปร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 26, มาเลเซีย เพิ่มขึ้นร้อยละ 24 และเวียดนามเพิ่มขึ้นร้อยละ 22 ขณะที่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ มีทิศทางเติบโตดีเช่นกัน โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวฮ่องกง เพิ่มขึ้นร้อยละ 26, เกาหลี เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 และญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นร้อยละ 5
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |