วัดสีกัน เขตดอนเมือง / หลายหน่วยงานจับมือเดินหน้าพัฒนาคลองเปรมประชากร แก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำเน่า ชุมชนบุกรุกคลอง โดย กทม.เตรียมก่อสร้างเขื่อนและอุโมงค์ระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วม สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ เตรียมแผนงานรองรับที่อยู่อาศัยของประชาชน 39 ชุมชนริมคลอง รวม 6,386 ครัวเรือน และกรมธนารักษ์ให้เช่าที่ดินสร้างบ้านเปลี่ยนสถานะจากชุมชนบุกรุกริมคลองเป็นผู้เช่าถูกต้องตามกฎหมาย
คลองเปรมประชากรเป็นอีกลำคลองหนึ่งที่รัฐบาลมีนโยบายจัดระเบียบสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำลำคลองและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม หลังจากที่ได้ดำเนินการไปแล้วในคลองลาดพร้าว โดยมอบหมายให้กรุงเทพมหานครก่อสร้างเขื่อนและอุโมงค์ระบายน้ำ ขณะที่ประชาชนที่สร้างบ้านเรือนลุกล้ำคลองจะต้องรื้อย้ายบ้านออกจากคลองและแนวเขื่อน โดยให้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ ‘พอช.’ เตรียมแผนงานก่อสร้างที่อยู่อาศัยรองรับชาวบ้าน 33 ชุมชนในเขตจตุจักร หลักสี่ และดอนเมือง และอีก 6 หมู่บ้านในเขต จ.ปทุมธานี รวมทั้งหมด 6,386 ครัวเรือน โดยในช่วงที่ผ่านมาหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้จัดเวทีประชุมชี้แจงสร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ไปแล้วหลายครั้ง
ล่าสุดวันนี้ (6 เมษายน) เวลา 9.00-12.00 น. ที่วัดสีกัน เขตดอนเมือง มีการจัดประชุมชาวชุมชนในเขตดอนเมือง จำนวน 14 ชุมชนที่ปลูกสร้างบ้านเรือนอยู่ริมคลองเปรมประชากร เพื่อชี้แจงสร้างความเข้าใจเรื่องการพัฒนาคลองเปรมฯ โดยมีประชาชนเข้าร่วมประชุมประมาณ 1,200 คน มีผู้แทนหน่วยงานต่างๆ ร่วมชี้แจง เช่น สำนักงานเขตดอนเมือง กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ ผู้แทนจากกองทัพภาคที่ 1 กรมธนารักษ์ สำนักการระบายน้ำ กทม. กรมส่งเสริมสหกรณ์ และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ โดยมีนายไมตรี อินทุสุต ประธานกรรมการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนเป็นประธานชี้แจง
นายไมตรี อินทุสุต (ยืน) ประธานบอร์ด พอช.
นายไมตรี อินทุสุต ประธานกรรมการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ กล่าวว่า การพัฒนาคลองเปรมประชากรเป็นนโยบายของรัฐบาลเพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมในกรุงเทพฯ เนื่องจากคลองเปรมฯ เป็นลำคลองสายหลักที่ช่วยระบายน้ำทางตอนเหนือของกรุงเทพฯ แต่ปัจจุบันมีการก่อสร้างบ้านเรือนกีดขวางทางเดินน้ำจำนวนมาก ทำให้น้ำในคลองไหลไม่สะดวก ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมและน้ำเน่าเสีย รัฐบาลจึงมีแผนงานแก้ไขปัญหา โดยการสร้างเขื่อนระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วม ขุดลอกคลองให้น้ำไหลได้สะดวก และพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองให้มีความมั่นคง บ้านเรือนมีความสวยงาม ลำคลองมีความสะอาด ลูกหลานก็จะได้มีสิ่งแวดล้อมที่ดี เหมือนกับโครงการพัฒนาในคลองลาดพร้าวที่สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้
“นอกจาก พอช.จะสนับสนุนการสร้างบ้านใหม่ให้ชุมชนแล้ว ยังเน้นการฟื้นฟูคลองให้ใสสะอาด โดยมีแผนการพัฒนาครอบคลุมทั้งด้านกายภาพ ด้านเศรษฐกิจและสังคม การปรับปรุงภูมิทัศน์ พัฒนาคลองให้มีสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น ถือเป็นความร่วมมือในการผลักดันนโยบายรัฐในเรื่องที่อยู่อาศัย ให้ประชาชนและลูกหลานมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุขอย่างยั่งยืน” นายไมตรีกล่าว
นายธนัช นฤพรพงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลอง สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ กล่าวว่า การจัดประชุมในวันนี้เป็นกระบวนการสร้างการรับรู้และความเข้าใจกับประชาชน เพื่อให้ทราบถึงแนวทางการพัฒนาคลองเปรมประชากรตามแผนแม่บทโครงสร้างพื้นฐานระบบคลอง ซึ่งคณะกรรมการอำนวยการกำหนดนโยบายการบริหารจัดการสิ่งก่อสร้างรุกล้ำลำน้ำสาธารณะ (พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน) ได้ให้ความเห็นชอบแล้ว โดยมีกรอบแนวคิดในการดำเนินงาน 4 ด้าน คือ 1.ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อมของเมือง 2.ด้านการพัฒนาชุมชนริมคลอง 3.ด้านการสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน และ 4.ด้านกฏหมายและการขับเคลื่อนงาน
ทั้งนี้การจัดทำแผนแม่บทโครงสร้างพื้นฐานระบบคลองและการพัฒนาชุมชนริมคลองเปรมประชากรในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อออกแบบวางผังการพัฒนาพื้นที่ริมคลองเปรมประชากร โดยมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม เพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ ลดปัญหาน้ำเน่าเสีย พร้อมไปกับการปรับปรุงภูมิทัศน์ เพื่อสร้างทัศนวิสัยที่สวยงาม ตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน
“การชี้แจงสร้างความเข้าใจในครั้งนี้เน้นย้ำถึงการพัฒนาชุมชนริมคลอง ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาที่อยู่อาศัยตามแนวทางบ้านมั่นคงที่มี 9 ขั้นตอนด้วยกัน คือ การสร้างการรับรู้และความเข้าใจโครงการ การทบทวนข้อมูลครัวเรือน
การรับรองสิทธิผู้เข้าร่วมโครงการ กระบวนการจดแจ้งจัดตั้งสหกรณ์ การรังวัดที่ดินเพื่อเข้าสู่กระบวนการเช่าที่ดินราชพัสดุจากกรมธนารักษ์ การออกแบบวางผังการขออนุมัติโครงการและงบประมาณจาก พอช. รวมถึงการก่อสร้างบ้านตามแนวทางโครงการบ้านมั่นคง โดยให้ชาวบ้านรวมกลุ่มกันในรูปแบบของสหกรณ์ เพื่อสร้างบ้านและบริหารโครงการ” นายธนัชชี้แจงและว่า จากการลงพื้นที่ชี้แจงโครงการพบว่าชาวบ้านส่วนใหญ่มีความเข้าใจและต้องการเข้าร่วมโครงการเพราะชาวบ้านยังสามารถสร้างบ้านใหม่ในชุมชนเดิมได้ และไม่เกิดผลกระทบเรื่องการเดินทางไปทำงานหรือไปโรงเรียนของลูกหลาน
สำหรับแผนงานในการรองรับที่อยู่อาศัยของประชาชนริมคลองเปรมฯ นั้น นายธนัชกล่าวว่า มีชุมชนริมคลองเปรมฯ จำนวน 33 ชุมชน อยู่ในเขตจตุจักร หลักสี่ และดอนเมือง และอีก 6 หมู่บ้านในเขต จ.ปทุมธานี รวมทั้งหมด 6,386 ครัวเรือน ซึ่งชุมชนเหล่านี้สามารถอยู่อาศัยในที่ดินเดิมได้ทั้งหมด แต่จะต้องรื้อบ้านออกจากคลองและแนวก่อสร้างเขื่อนฯ เพื่อปรับผังชุมชนแล้วก่อสร้างบ้านใหม่ทั้งหมด เพื่อให้ทุกครอบครัวอยู่ในชุมชนเดิมได้และได้รับสิทธิในที่ดินเท่ากัน โดยเบื้องต้นขนาดบ้านและแบบบ้านจะมีทั้งบ้านชั้นเดียวและสองชั้น ขนาด 4x7 และ 5x6 ตารางเมตร ตามขนาดพื้นที่ของชุมชน
ส่วนงบประมาณที่สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ จะสนับสนุนการก่อสร้างบ้านใหม่จะเหมือนกับที่ดำเนินการในชุมชนริมคลองลาดพร้าว-คลองบางซื่อ โดยแบ่งเป็น 1.การปรับปรุงสาธารณูปโภค อุดหนุนการพัฒนาที่อยู่อาศัย ช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ ฯลฯ รวมครัวเรือนละ 147,000 บาท 2.งบสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย วงเงินครัวเรือนละไม่เกิน 360,000 บาท โดยผ่อนชำระ 15 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4%
ทั้งนี้ภายในเดือนเมษายนนี้ พอช.และกรมส่งเสริมสหกรณ์จะสนับสนุนให้ชุมชนที่ยังไม่มีการจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์จัดตั้งกลุ่มขึ้นมาเพื่อเป็นทุนในการสร้างบ้าน และจดทะเบียนเป็นสหกรณ์เพื่อให้มีฐานะเป็นนิติบุคคลเพื่อบริหารโครงการ รวมทั้งเช่าที่ดินจากกรมธนารักษ์ เปลี่ยนสถานะจากชุมชนบุกรุกที่ดินริมคลองเป็นเช่าที่ดินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย (ในอัตราผ่อนปรน 1.50-3 บาท/เดือน/ตารางวา ระยะเวลาช่วงแรก 30 ปี) และคาดว่าชุมชนที่มีความพร้อมจะสามารถเริ่มรื้อย้ายและสร้างบ้านใหม่ภายในเดือนกันยายน-ตุลาคมนี้
ชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญ เขตสายไหม เป็น 1 ใน 50 ชุมชนริมคลองลาดพร้าวที่สร้างบ้านและเขื่อนฯ เสร็จแล้ว
สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้างบ้านในคลองลาดพร้าวและคลองบางซื่อ รวมทั้งหมด 50 ชุมชน จำนวน 7,069 ครัวเรือน ขณะนี้ก่อสร้างแล้ว 32 ชุมชน สร้างบ้านเสร็จแล้ว จำนวน 2,068 ครัวเรือน ดำเนินการใน 8 เขตริมคลองฯ คือ วังทองหลาง ห้วยขวาง ลาดพร้าว จตุจักร บางเขน หลักสี่ ดอนเมือง และสายไหม
ส่วนการก่อสร้างเขื่อนคอนกรีตและประตูระบายน้ำในคลองลาดพร้าว-คลองบางซื่อ (คลองบางบัว-คลองถนน-คลองสอง) ระยะทางทั้งสองฝั่ง 45 กิโลเมตรเศษ เริ่มจากบริเวณอุโมงค์เขื่อนพระราม 9 เขตวังทองหลาง ไปยังประตูระบายน้ำคลองสองสายใต้ เขตสายไหม เพื่อระบายน้ำลงสู่อุโมงค์คลองบางซื่อ อุโมงค์พระราม 9 ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาและทะเลต่อไป โดยบริษัทริเวอร์ เอนจิเนียริ่ง จำกัด ประมูลงานได้ในวงเงิน 1,465 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างเดือนกุมภาพันธ์ 2559 - มิถุนายน 2562 ขณะนี้บริษัทก่อสร้างเขื่อนฯ ได้ประมาณ 40 % จากปริมาณงานทั้งหมด
ส่วนการก่อสร้างเขื่อนระบายน้ำในคลองเปรมตามแผนงานของ กทม.จะมีความยาวประมาณ 17 กิโลเมตร เริ่มจากพื้นที่ริมคลองเปรมฯ เขตจตุจักร-หลักสี่-ดอนเมือง-ปทุมธานี ขนาดความกว้างเท่ากับคลองลาดพร้าว คือ 38 เมตร โดยจะเริ่มสร้างเขื่อนฯ นำร่องภายใน 1-2 เดือนนี้ เริ่มจากคลองบ้านใหม่ถึงสะพานข้ามคลองบริเวณหมู่บ้านแกรนดค์าแนล ระยะทางตามแนวเขื่อนทั้งสองฝั่งรวม 460 เมตร ส่วนเขื่อนฯ ที่จะสร้างตลอดแนวคลองเปรมฯ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเสนอต่อกระทรวงมหาดไทย และนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี หลังจากนั้นจึงจะประกาศจ้างผู้รับเหมา คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในปีนี้
โครงการอุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองเปรมประชากร จะดำเนินการในปีงบประมาณ 2562-2566 วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น 10,000 ล้านบาท เป็นการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพระบบระบายน้ำในพื้นที่เขตดอนเมือง เขตหลักสี่ เขตบางเขน เขตจตุจักร ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 109 ตารางกิโลเมตร เมื่อโครงการแล้วเสร็จจะช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่ รวมถึงยังช่วยรับน้ำฝนที่ระบายในพื้นที่กรุงเทพมหานครและพื้นที่ข้างเคียง คือ นนทบุรีและปทุมธานี และสามารถสูบน้ำกลับเพื่อเจือจางน้ำเสียในคลองเปรมประชากรได้อีกด้วย
ภาพร่างประตูระบายน้ำคลองเปรม
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |