“ประวิตร” สั่งใช้มาตรการรุนแรงรับเทศกาลสงกรานต์ ระบุเมาแล้วขับจนเกิดอุบัติเหตุคนตายเจอเจตนาฆ่า พร้อมให้ปรับในอัตราสูงสุด ส่วนเล่นน้ำท้ายกระบะยังได้เฮทำได้ บช.น.ประเมินคนกรุงร่วมสาดน้ำนับแสน ถ.สีลมคึกสุด กรมควบคุมมลพิษแจงคุณภาพแหล่งน้ำส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ดี เล่นได้ปลอดภัย
เมื่อวันที่ 5 เม.ย. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้สัมภาษณ์ถึงการดูแลช่วงเทศกาลสงกรานต์ว่า ยังคงใช้มาตรการเช่นเดิมปีที่ผ่านมา แต่จะเพิ่มเติมว่าหากมีการทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต เราจะใช้มาตรการที่รุนแรงมากขึ้น เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศสามารถทำสำนวนได้ เพราะเป็นห่วงเรื่องการขับรถเร็วและดื่มสุราที่จะทำให้ผู้อื่นเสียชีวิตไปด้วย ซึ่งเราต้องพยายามลดสาเหตุการเสียชีวิตจากกรณีดังกล่าวให้ได้
“ใครขับรถเร็วและทำให้ผู้อื่นเสียชีวิตจะถือว่าเป็นเจตนาฆ่า ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการในรูปแบบดังกล่าว ส่วนมาตรการเมาแล้วขับจับยึดรถยังคงมีเหมือนเดิม” พล.อ.ประวิตรกล่าว และย้ำว่า จะทำให้เรื่องคดีมีความแรงมากขึ้น เพราะถือเป็นเจตนาฆ่าผู้อื่น และทำให้ผู้อื่นเสียชีวิตด้วยความเมา ส่วนผู้ที่นั่งรถไปด้วยจะมีความผิดหรือไม่นั้น จะต้องดูข้อกฎหมาย
เมื่อถามว่าจะนั่งท้ายรถกระบะเล่นน้ำสงกรานต์ได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ปล่อยไปก่อน
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรได้เรียกประชุมฝ่ายความมั่นคงและส่วนราชการต่างๆ ทั้งส่วนกลางและภูมิภาคผ่านระบบ VTC ณ ศาลาว่าการกลาโหม เพื่อเตรียมความพร้อมในการดูแลความปลอดภัย การอำนวยความสะดวก และลดอุบัติเหตุบนท้องถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยในด้านการลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ต้องคุมเข้มมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนทั้ง 7 มาตรการ โดยต้องนำข้อมูลสถิติความเสี่ยงในแต่ละพื้นมาพิจารณาปิดเงื่อนไขและลดปัจจัยเสี่ยงให้มากที่สุด
“ยังให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติกวาดล้างอาชญากรรมที่เป็นภัยกับประชาชนในทุกพื้นที่ พร้อมทั้งกวดขันจับกุมผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการจราจร โดยบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด จริงจังและต่อเนื่อง โดยกำหนดค่าปรับในอัตราโทษสูงสุดกับการดื่มแล้วขับ ขับรถเร็ว ไม่สวมอุปกรณ์นิรภัย ตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อลดการเสียชีวิตและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในทุกปี” พล.ท.คงชีพกล่าว
ด้าน พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวในเรื่องนี้ว่า ความผิดฐานพยายามฆ่านั้น ตำรวจต้องรวบรวมพยานหลักฐานส่งให้พนักงานอัยการพิจารณาว่าจะเข้าข่ายเจตนาฆ่าหรือไม่ เพราะต้องพิจารณาจากพฤติการณ์ ยืนยันตำรวจไม่กดดันในการปฏิบัติหน้าที่ เพราะเป็นหน้าที่ที่ต้องทำอยู่แล้ว
ตร.กำชับทั่วประเทศเข้ม
ขณะที่ พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร. ปฏิบัติราชการแทน ผบ.ตร. ได้ออกหนังสือบันทึกข้อความเรื่อง กำชับการปฏิบัติในการสอบสวนคดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก ใจความว่า ด้วยรัฐบาลมีนโยบายเพิ่มความเข้มงวดบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบกอย่างเด็ดขาดและต่อเนื่อง เพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ตลอดจนจัดระเบียบสังคมให้ประชาชนได้รับความสะดวกปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งตำรวจได้สั่งการให้กวดขันและจับกุมดำเนินคดีกับผู้ฝ่าฝืนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะผู้ขับขี่รถในขณะเมาสุรา และทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน แต่ในปัจจุบันพบว่ายังมีอุบัติเหตุจราจรเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการผู้ขับขี่ดื่มสุราและมีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เพราะการเมาแล้วขับเป็นพฤติกรรมการขับขี่รถที่ไม่คำนึงถึงความปลอดภัย เป็นอันตราย ซึ่งวิญญูชนย่อมรู้อยู่แก่ใจและคาดหมายได้ว่าจะเป็นอันตรายทั้งกับตนเองและผู้ร่วมใช้ทางบนถนน อันเป็นการจงใจละเมิดกฎหมายและบางกรณียังมีการกระทำผิดซ้ำในลักษณะเดียวกันอีก
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติยังเป็นประธานการประชุมการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและรักษาความปลอดภัยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2562 ก่อนกล่าวว่า ได้เน้นให้สงกรานต์ปีนี้ห้ามจัดและเล่นปาร์ตี้โฟมอย่างเด็ดขาด หลังจากเคยเกิดอันตรายกระทั่งมีผู้เสียชีวิตเมื่อปีที่แล้ว โดยจะหารือแนวทางป้องกันร่วมกับฝ่ายปกครองและทหารอีกครั้ง รวมทั้งยังกำชับตำรวจทุกพื้นที่ห้ามเข้าไปเรียกรับผลประโยชน์กับชาวต่างชาติ หรือแรงงานต่างด้าว ที่จะใช้ช่วงวันหยุดยาวเดินทางกลับประเทศ หากพบต้องถูกดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญา
พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) กล่าวว่า สตช.ได้สั่งการให้ตำรวจเข้มงวดเรื่องรักษาความปลอดภัย และการอำนวยความสะดวกประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ วันที่ 11-17 เม.ย.นี้ โดยมีโครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจเหมือนกับทุกปี ส่วนมาตรการดูแลความปลอดภัยได้มีการประชาสัมพันธ์ไปยังสถานที่ที่มีการจัดงานสงกรานต์ขนาดใหญ่ ให้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า (ศปก.) โดยมีนายตำรวจระดับ พ.ต.อ. เป็นหัวหน้าคอยควบคุมพื้นที่ พร้อมจัดตั้งจุดตรวจจุดสกัดในพื้นที่ชั้นใน ชั้นกลาง ชั้นนอก และติดตั้งกล้องวงจรปิดในพื้นที่จัดงานเพื่อป้องกันเหตุต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น
มีรายงานว่า ตำรวจได้สรุปสถานที่การจัดงานสงกรานต์ประจำปี 2562 ในพื้นที่ บช.น. มี 49 แห่ง ประมาณการประชาชนเข้าร่วมงานรวม 128,900 คน กำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประมาณ 1,923 นาย โดยคาดว่าประชาชนจะเดินทางมาเล่นน้ำที่ถนนสีลมมากที่สุด 60,000 คน, ถนนอาร์ซีเอ 14,000 คน, ถนนพระรามเก้า 10,000 คน นอกจากนี้ยังมีที่เดอะสตรีท รัชดาฯ, เซ็นทรัลเวิลด์ และสยามสแควร์ที่ละ 5,000 คน
ชี้แหล่งน้ำเล่นได้สบายใจ
ด้านนายสมชาย ทรงประกอบ รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) แถลงข่าวถึงสถานการณ์คุณภาพน้ำและการเล่นน้ำสงกรานต์ ว่าจากการตรวจสอบคุณภาพน้ำแหล่งน้ำผิวดินทั่วประเทศ จำนวน 59 แม่น้ำ และ 6 แหล่งน้ำนิ่ง คุณภาพน้ำในช่วงต้นปี 2562 อยู่ในเกณฑ์ดีมาก 4% (3 แหล่งน้ำ), เกณฑ์ดี 45% (29 แหล่งน้ำ), เกณฑ์พอใช้ 37% (24 แหล่งน้ำ) และเกณฑ์เสื่อมโทรม 14% (9 แหล่งน้ำ) ซึ่งคุณภาพน้ำของแหล่งน้ำส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ดีมีความปลอดภัยเพียงพอนำมาเล่นสงกรานต์ โดยแหล่งน้ำที่เสื่อมโทรมส่วนใหญ่อยู่บริเวณปลายน้ำ ซึ่งเป็นช่วงที่แม่น้ำไหลผ่านพื้นที่ชุมชนเมืองที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น แหล่งที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมและการปศุสัตว์
สำหรับแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่เป็นชายหาดท่องเที่ยว จากการติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำทะเล ในช่วงเดือน ก.พ.- มี.ค.2562 จำนวน 80 หาด คุณภาพน้ำทะเลอยู่ในเกณฑ์ดี สามารถทำกิจกรรมนันทนาการทางน้ำได้ตามปกติ
ส่วนนายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า เทศกาลสงกรานต์ ประชาชนมักวางแผนกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ จึงเป็นช่วงเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุทางถนนมากกว่าปกติ ปภ.จึงขอแนะผู้ขับขี่เตรียมพร้อมก่อนเดินทาง โดยเฉพาะหากต้องขับรถระยะทางไกลมากกว่า 400 กิโลเมตร ควรมีเพื่อนร่วมทาง เพื่อผลัดเปลี่ยนกันขับรถ หรือหยุดพักรถทุก 2 ชั่วโมง หรือทุกระยะทาง 150-200 กม. จะช่วยป้องกันอุบัติเหตุจากการหลับใน
นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่า กรมได้เตรียมความพร้อมอำนวยความสะดวกและปลอดภัยเพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2562 ภายใต้นโยบาย One Transport โดยได้สั่งการให้สำนักงานทางหลวงและแขวงทางหลวงในพื้นที่ติดตั้งป้ายเตือนง่วงหยุดพักเพิ่มเติมในจุดที่เกิดอุบัติเหตุบนสายทางที่พบว่าเกิดจากการหลับในของผู้ขับขี่ ซึ่งมีสาเหตุมาจากอาการเหนื่อยล้าและเป็นทางตรงระยะยาว ซึ่งจากสถิติของสำนักอำนวยความปลอดภัยกรมทางหลวง พบว่ามีทางหลวง 28 สายทาง ที่มีสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุมาจากผู้ขับขี่หลับใน
“ทั้ง 28 จุด กรมทางหลวงได้ติดตั้งป้ายเตือนง่วงหยุดพักในจุดที่เหมาะสม เพื่อเตือนผู้ใช้ทางที่ผ่านพื้นที่ดังกล่าวทราบว่าจุดดังกล่าวมีโอกาสหลับในสูง เนื่องจากเป็นทางตรงระยะยาว และเป็นจุดที่จะใกล้จุดหมายของผู้ขับขี่ทำให้ผู้ขับขี่ฝืนตัวเอง ดังนั้นขอให้ผู้ใช้ทางหยุดพักเพื่อผ่อนคลาย โดยกรมทางหลวงแนะนำให้พักที่จุดบริการกรมทางหลวงที่ตั้งอยู่บนสายทาง เนื่องจากมีความพร้อมในการรองรับทั้งที่พัก สิ่งอำนวยความสะดวก เครื่องดื่ม รวมถึงข้อแนะนำต่างๆ ทั้งนี้ ควรหยุดพักทุก 2 ชม.” นายอานนท์กล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |