บิ๊กป้อมไม่ห่วงฟ้ารักพ่อ เบรกล่าชื่อถอด‘อภิรัชต์’


เพิ่มเพื่อน    

 "บิ๊กป้อม" ไม่ห่วงมวลชนแห่ให้กำลังใจ "ธนาธร" ปัดคดีล่าช้าเหตุเปลี่ยน พนง.สอบสวน 2 ชุด "บิ๊กโจ๊ก" จ่อเรียก "ปิยบุตร" สอบเข้าข่ายหมิ่นเหม่สถาบันฯ "สยามมานุสติ" ร้อง กกต.สอบ 2 แกนนำ อนค.ส่อปฏิปักษ์การปกครอง ประกาศสานต่อภารกิจคณะราษฎร "ประวิตร" เบรกล่าชื่อถอด ผบ.ทบ. ชี้เป็นตำแหน่งโปรดเกล้าฯ 

    เมื่อวันที่ 5 เมษายน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกรณีที่จะมีมวลชนเดินทางไปให้กำลังใจการเข้าพบตำรวจที่ สน.ปทุมวัน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาคดีปลุกปั่นประชาชนตามมาตรา 116 ในวันที่ 6 เม.ย.ว่า ไม่ทราบจะมีมวลชนไปจำนวนมากหรือไม่ เพราะไม่ได้มีเกณฑ์ไปอยู่แล้ว แต่หากมีคนไปให้กำลังใจก็ต้องขอขอบคุณ และไม่คิดว่าจะมีความวุ่นวายใดๆ ส่วนที่ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุว่าการดำเนินคดีเป็นไปตามกระบวนการ ไม่ใช่การกลั่นแกล้งนั้น เชื่อว่าสังคมมีวิจารณญาณ และสามารถพิจารณาสิ่งที่ พ.อ.วินธัยพูดได้
    นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ อันดับ 26 พรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงแนวคิดการตั้งกลุ่มนักกฎหมายอนาคตใหม่เพื่อสังคมไทยที่เท่าเทียม (นอสท.) ว่า  นอสท.ไม่ใช่องค์กรที่ตั้งในนามพรรคอนาคตใหม่ ทั้งทนายของนายธนาธร และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับองค์กรนี้ แต่เป็นองค์กรในนามส่วนตัวที่ตั้งขึ้นเพื่อรวบรวมนักกฎหมายในพรรค และพรรคอื่นๆ เพื่อจับตาคดีการเมืองที่ไม่เป็นธรรม โดยการเก็บข้อมูล หลักฐาน ร่วมสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับคดีการเมืองแก่สังคม และอาจมีการเคลื่อนไหวหากจำเป็น ตอนนี้สามารถรวบรวมได้ประมาณ 30-40 คน ตอนนี้ได้เชิญนักกฎหมายจากพรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคเสรีรวมไทยไปแล้ว
    "เราไม่ได้ต้องการหาเรื่องหรือสร้างความวุ่นวาย เราจะอดกลั้น และไม่ต่อต้าน แต่จะต่อสู้โดยใช้กฎหมายเท่านั้น ที่ผ่านมาเราไม่เคยขยับอะไรเลย แม้หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เลขาธิการพรรค และสมาชิกท่านอื่นๆ จะถูกกลั่นแกล้งอย่างไม่เป็นธรรมอย่างต่อเนื่อง อย่างกรณีล่าสุด หมายเรียกของนายธนาธรที่ออกมาช่วงก่อนรวมคะแนนเสียงตั้งรัฐบาลนั้นมีความเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งผมมองว่าการอยู่เฉยๆ โดยไม่ขยับอะไรเลย ก็เท่ากับเป็นการยอมรับความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้น ขณะที่ประเทศไทยยังไม่มีนักกฎหมายที่กล้ายืนต้านลมทำในสิ่งที่ถูกต้อง จึงพยายามรวมกลุ่ม นอสท.ขึ้นมา และในอนาคตหวังว่าจะมีนักกฎหมายจากนักการเมืองทุกพรรค เข้าร่วมกับเรา" นายคารมกล่าว
    ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีมวลชนจะเดินทางไปให้กำลังใจนายธนาธรในวันที่ 6 เม.ย.ว่า เชื่อว่าจะไม่เกิดความวุ่นวาย ซึ่งเรื่องนี้เป็นคดีเก่าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากไม่มีความผิดก็ไม่เป็นอะไร อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าคดีนี้ไม่ได้ล่าช้า โดยเกิดขึ้นเมื่อ 4 ปีที่แล้ว แต่มีการเปลี่ยนพนักงานสอบสวนถึง 2 ชุด ทำให้เพิ่งจะมีการเรียกสอบนายธนาธร แต่ดูแล้วว่าถ้าไม่มีเรื่องอะไรก็ไม่มีปัญหา ส่วนเรื่องการรักษาความปลอดภัยนั้นก็ดูแลอยู่แล้ว ซึ่งคิดว่าไม่มีอะไร เพราะเป็นการเรียกมารายงานตัวเฉยๆ ตามหมายเรียกเพียงอย่างเดียว 
    เมื่อถามว่า สถานการณ์หลังจากนี้จะเห็นภาพคนออกมารวมตัวกันหรือไม่ พล.อ.ประวิตรรีบกล่าวว่า “ไม่ๆ อย่าไปคิดแบบนั้น เพราะอีกพวกหนึ่งไม่ได้ออกมาเล่นอะไร ก็มีเพียงพวกเดียวที่ออกมาเล่น” 
โจ๊กจ่อเรียกสอบปิยบุตร
    ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) ในฐานะรองผู้อำนายการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) กล่าวถึงกรณีนายมหัศจักร โสดี ตัวแทนกลุ่มคนไทยหัวใจตรงกันที่รักและเคารพในสถาบันฯ นำหลักฐานเข้าร้องทุกข์ให้ตรวจสอบคลิปของนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ที่กล่าวในงานเสวนา “การเมืองความยุติธรรมและกษัตริย์” ให้ตรวจสอบเข้าข่ายความผิดหรือไม่ และกรณีที่ น.ส.หฤทัย ม่วงบุญศรี นักร้องชื่อดังนำหลักฐานซึ่งเป็นหนังสือราชมัลลงทัณฑ์ บัลลังก์ปฏิรูป และหนังสือรัฐธรรมนูญ : ประวัติศาสตร์ ข้อความคิด อำนาจสถาปนา และการเปลี่ยนผ่าน ว่าเบื้องต้นได้สอบปากคำนายมหัศจักรแล้ว  
    ส่วนการตรวจสอบว่ามีความผิดหรือไม่นั้น จะต้องเชิญนายปิยบุตรมาพูดคุยก่อนว่าหลักฐานที่มีผู้มาร้องนั้นเป็นคนทำจริงหรือไม่ ต้องรวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียดรอบคอบ รวดเร็ว เพราะเป็นคดีที่สังคมกำลังสงสัย ในส่วนของตำรวจ ทำหน้าที่ตามอำนาจหน้าที่ปกติ ส่วนไหนถูกต้องก็ให้ความเป็นธรรม ส่วนไหนผิดก็ต้องดำเนินการไปตามกรอบของกฎหมาย ขอเวลาเจ้าหน้าที่ทำงาน
    "การตรวจสอบก็ดูไปตามหลักฐาน ทั้งคลิปวิดีโอ และหนังสือ ต้องดูว่าการดำเนินการต่างๆ ประชาชนเขามีความวุ่นวายสับสน บ้านเมืองวุ่นวายไหม จะเข้าข่ายยุยงปลุกปั่นหรือไม่ อยู่ระหว่างตรวจสอบ ขอเวลาอีกไม่กี่วัน ยังไม่ถึงกับการออกหมายเรียก เพียงแต่เชิญ อ.ปิยบุตรมาก่อนพูดคุยก่อน ถ้าเป็นการออกหมายเรียกมาในฐานะพยานก่อน เพื่อสอบถามรายละเอียดก่อน ยังไม่ถึงขั้นแจ้งข้อกล่าวหา ต้องให้ความเป็นธรรมทุกส่วน ทำให้สังคมหายสงสัย" พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ระบุ    
    เมื่อถามว่า เหตุใดจึงดำเนินคดีนายปิยบุตรในช่วงที่มีคะแนนนิยมจำนวนมาก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ศปอส.ตร.ตรวจสอบเรื่องนี้เพราะมีคนมาร้องให้ดำเนินคดี ทำไปตามหน้าที่ ตำรวจไปดำเนินคดีเองไม่ได้ ไม่ได้กลั่นแกล้งหรือได้รับใบสั่งจากใคร ไม่ได้ฉวยโอกาสในช่วงที่พรรคอนาคตใหม่มีคะแนนนิยม ถ้ามีความผิดก็ต้องดำเนินคดี ถ้าไม่มีก็ไม่มีอะไร ไม่ได้ทำตามกระแส
    ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กลุ่มสยามมานุสติ นำโดยนายภูภัฑธ แสงสุบิน ผู้ประสานงานกลุ่ม เดินทางมายื่นหนังสือต่อประธาน กกต. ขอให้ตรวจสอบการกระทำอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กรณีนายธนาธรและนายปิยบุตร ประกาศนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้งสานต่อการปฏิวัติ 2475
    โดยนายภูภัฑธระบุในหนังสือร้องเรียนพร้อมแนบหลักฐานประกอบด้วย กรณีที่นายธนาธรประกาศนโยบายเมื่อวันที่ 21 ก.พ.2562 ที่ ม.ราชภัฏสวนดุสิต ว่าด้วยหวังปฏิวัติ 2475 สมบูรณ์ หมายถึงจะสานต่อภารกิจคณะราษฎร 2475 ให้สำเร็จ ก่อนหน้านี้ยังได้กล่าวถึงเรื่องนี้เมื่อวันที่ 11 พ.ค.2561 และ 24 มิ.ย. 2561 ส่วนนายปิยบุตรได้กล่าวเมื่อวันที่ 5 ต.ค.2561 ทำนองว่าการปฏิวัติ 2475 ยังไม่จบ หลักที่คณะราษฎรเขียนไว้ในมาตรา 1 ของรัฐธรรมนูญฉบับแรก อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน ยืนยันว่ายังไม่จบเพราะว่าการถกเถียงกันเรื่องอำนาจสูงสุดเป็นของใครในประเทศนี้ยังไม่จบ ซึ่งสอดคล้องกับนายธนาธร ด้วย ทั้งสองมีเจตนาโน้มน้าวให้ประชาชนและผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าใจว่าพระมหากษัตริย์ต้องถ่ายโอนอำนาจหรือคืนอำนาจให้กับประชาชน ทั้งนี้ ยังปรากฏข้อเขียนเรื่องนี้ในหนังสือเรื่อง “ราชมัลลงทัณฑ์ บัลลังก์ปฏิรูป” ของนายปิยบุตรด้วย
    "นโยบายสานต่อปฏิวัติ 2475 จึงอาจหมายถึงเจตนาที่จะควบคุมบทบาทสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือลิดรอนและลดพระราชอำนาจของสถาบันพระมหากษัตริย์ เห็นได้จากการที่นายปิยบุตรเป็นผู้มีส่วนร่วมรณรงค์ให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ก็ด้วยอาจมีเจตนาลดทอนเอกสิทธิ์และการคุ้มกันพระเกียรติยศ พฤติการณ์ตามที่กล่าวจึงเป็นการแสดงออกถึงความไม่เลื่อมใสในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ขัดแย้งต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญอย่างชัดแจ้ง จึงขอนำส่งหลักฐานเหล่านี้ให้ กกต.ตรวจสอบ และขอให้มีการสอบสวนดำเนินการเพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย" นายภูภัฑธกล่าว
เบรกล่าชื่อถอดบิ๊กแดง
    วันเดียวกัน พล.อ.ประวิตรยังกล่าวถึงกรณีที่มีการรวบรวมรายชื่อถอดถอน พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ผ่านเว็บไซต์ Change.org ว่า ไม่เป็นห่วงอะไร แต่ถามว่ามีระเบียบหรือไม่ ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กฎหมายทั้งหมด ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชา และมีกฎระเบียบข้อบังคับอยู่ที่มีการวางมาตรการไว้หมดแล้ว จึงไม่สามารถมาล่ารายชื่อเพื่อถอดถอนได้
    เมื่อถามว่า เป็นตำแหน่งที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ จึงไม่สามารถถอดถอนได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ใช่” ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้ และคนที่มีความคิดแบบนี้ ก็เป็นเพียงคนพวกเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ใครอยากแสดงความคิดเห็นก็แสดงความคิดเห็นไป 
    "ผมคงไม่ต้องให้กำลังใจ ผบ.ทบ. เพราะไม่มีอะไร ที่ผ่านมา ผบ.ทบ.ก็มีเจตนาดีที่อยากจะให้บ้านเมืองมีความสงบ และไม่มีความขัดแย้ง ส่วนที่ออกมาพูดนั้นถือเป็นเจตนาดี อยากให้คนที่คิดรุนแรงก็อย่าไปคิดแบบนั้น" พล.อ.ประวิตรระบุ
    เมื่อถามว่า อยากฝากสิ่งใดต่อประชาชนและนักการเมืองในเรื่องการวางตัวในช่วงนี้ พล.อ. ประวิตรกล่าวว่า ตอนนี้ต้องสนใจเรื่องงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเวลา 13.30 น. ได้เกิดเพลิงไหม้บริเวณลานจอดรถ ชั้น 7 บี ภายในกองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ที่ตั้งอยู่ด้านหลังติดกับฝั่ง ถ.นครราชสีมา โดยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงสถานีภูเขาทองได้ใช้สารเคมีฉีดเพื่อดับเพลิง ใช้เวลาประมาณ 10 นาที เพลิงจึงสงบลง จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีรถได้รับความเสียหายจำนวน 5 คัน ทั้งนี้คาดว่ารถต้นเพลิงมาจากรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ  หมายเลขทะเบียน 8 ฎ 8421 กทม. ก่อนที่จะลุกลามไปติดรถที่จอดอยู่ด้านข้างอีก 4 คัน
    ทั้งนี้ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก  ยืนยันว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอุบัติเหตุ ซึ่งไม่ได้เกิดจากการกระทำของบุคคลหรือการวางเพลิงเพื่อสร้างสถานการณ์แต่อย่างใด ส่วนสาเหตุรายละเอียดอยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารและกองพิสูจน์หลักฐาน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"