17 ก.พ. 61 - การรณรงค์ให้ "ดำเนินคดีกับผู้ล่าสัตว์ในเขตอุทยานให้โปร่งใสเป็นธรรม และผลักกม.คุ้มครองสัตว์ป่าให้เข้มแข็ง" ผ่านช่องทาง www.change.org หลังเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก บุกจับกุมนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ และพวกรวม 4 คนขณะที่ล่าสัตว์ป่า ถลกหนังเสือดำเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

ล่าสุดพบว่ามีผู้เข้าลงชื่อสนับสนุนการรณรงค์ดังกล่าวมากกว่า 1 แสนคนแล้ว สำหรับเนื้อหาของการรณรงค์ ริเริ่มโดย "ตุลย์พิชญ์ แก้วม่วง" ระบุว่า "จากกรณีพบกลุ่มนักท่องเที่ยวเข้าไปล่าสัตว์ และพบซากของสัตว์ป่า (เสือดำ) บริเวณเต็นท์ที่พัก ในเขตพื้นที่ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ซึ่งเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง ที่ขึ้นทะเบียนกับองค์การ UNESCO นอกจากนี้กลุ่มบุคคลดังกล่าว ยังเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง มีตำแหน่งใหญ่โตมีหน้ามีตาในสังคม ประชาชนหลายคนจึงกังวลเรื่องความโปร่งใสในการทำคดี ว่าอาจจะไม่มีมาตรฐานเดียวกัน กับคดีหาของป่าหรือล่าสัตว์ ที่เคยเป็นคดีในกระแสสังคมก่อนหน้านี้

ประเด็นหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้คือ กฏหมายบ้านเรายังมีช่องโหว่ และมีบทลงโทษที่ค่อนข้างจำกัดมาก ซึ่งทำให้หลายๆ กรณีผู้ต้องหาหลุดจากการลงโทษได้ง่าย นอกจากนี้กฎหมายฉบับเดิมก็ยังไม่ให้การคุ้มครองสัตว์ใกล้สูญพันธุ์หลายๆ ชนิด ที่แม้จะมีต้นกำเนิดในต่างประเทศและได้รับการคุ้มครองด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ แต่กลับไม่ได้รับการคุ้มครองในประเทศไทย

สิ่งที่น่ายินดีคือได้มีการร่างกฎหมายพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าฉบับปรับปรุงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะหมวดบทลงโทษ ได้มีการปรับปรุงอัตราโทษให้สูงขึ้นเพื่อให้เหมาะสมกับเหตุการณ์ปัจจุบัน มีการกำหนดอัตราโทษตามระดับความผิด โดยเพิ่มค่าปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งล้านห้าแสนบาท โทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี ซึ่งจะช่วยให้เกิดความเป็นธรรมกับคดีล่าสัตว์ป่าคุ้มครองหรือสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์มากยิ่งขึ้น

ผมจึงอยากขอเรียกร้องให้ทางสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เร่งพิจารณาเพื่อรับรองกฎหมายดังกล่าวโดยเร็วที่สุด

หรือพูดง่ายๆ คือ ร่างกฎหมายมีรอไว้แล้ว ขอเพียงท่านพิจารณา!

ผมอยากให้กรณีการล่าสัตว์ป่าในเขตอุทยานฯ เป็นจุดเริ่มต้นของการถกประเด็นสำคัญที่ใหญ่กว่า และมีการผลักดันเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับนโยบายอย่างจริงจัง #เสือดำต้องไม่ตายฟรี

ท้ายสุดผมอยากให้ทุกคนรู้ว่า พลังของทุกคนจะไม่สูญเปล่า ทุกคนจะมีส่วนช่วยผลักดันร่วมกับทางเครือข่ายฯ เพื่อให้เรามีกม.ที่บังคับใช้ได้จริง เพื่อไม่ให้เกิดกรณีแบบนี้อีก"

www.change.org อัพเดตข้อความของผู้ริเริ่มรณรงค์ เพิ่มเติมเมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า  "เราช่วยกันได้ครับ #เสือดำต้องไม่ตายฟรี" สวัสดีครับทุกท่าน

ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณผู้ร่วมลงชื่อสนับสนุนทุกท่านนะครับ ไม่คิดเลยว่ารายชื่อจะถึง 1 แสนชื่อในเวลาแค่ไม่กี่วัน ผมหวังให้ทุกท่านช่วยกันติดตามประเด็นนี้ไม่ให้เงียบหายไป และผมก็ยังหวังเอาไว้ลึกๆ ว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเป็นกรณีตัวอย่างที่นำไปสู่การสร้างบรรทัดฐานใหม่ในการดำเนินคดีด้านสัตว์ป่า รวมไปถึงการเปลี่ยนค่านิยมในการล่าและการค้าสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมาย ไม่ควรมีสัตว์ป่าตัวไหนต้องมาตายจากน้ำมือของมนุษย์เพียงเพื่อความบันเทิง

ตั้งแต่ที่ผมตั้งแคมเปญนี้ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง ผมได้มีโอกาสทำความเข้าใจสถานการณ์โดยรวมเกี่ยวกับการล่าและการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายจากเครือข่ายองค์กรที่ทำงานด้านการอนุรักษ์สัตว์ป่าโดยการประสานงานขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ซึ่งประกอบไปด้วยหลากหลายองค์กรเช่น มูลนิธิสืบนาคะเสถียร สมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่า (WCS) องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลก (WWF) Freeland สมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย สมาคมสัตววิทยาแห่งลอนดอน (ZSL) WildAid มูลนิธิโลกสีเขียว Love Wildlife และ TRAFFIC - the wildlife trade monitoring network

ประเด็นหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้คือ กฏหมายบ้านเรายังมีช่องโหว่ และมีบทลงโทษที่ค่อนข้างจำกัดมาก ซึ่งทำให้หลายๆ กรณีผู้ต้องหาหลุดจากการลงโทษได้ง่าย นอกจากนี้กฎหมายฉบับเดิมก็ยังไม่ให้การคุ้มครองสัตว์ใกล้สูญพันธุ์หลายๆ ชนิด ที่แม้จะมีต้นกำเนิดในต่างประเทศและได้รับการคุ้มครองด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ แต่กลับไม่ได้รับการคุ้มครองในประเทศไทย

สิ่งที่น่ายินดีคือได้มีการร่างกฎหมายพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าฉบับปรับปรุงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะหมวดบทลงโทษ ได้มีการปรับปรุงอัตราโทษให้สูงขึ้นเพื่อให้เหมาะสมกับเหตุการณ์ปัจจุบัน มีการกำหนดอัตราโทษตามระดับความผิด โดยเพิ่มค่าปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งล้านห้าแสนบาท โทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี ซึ่งจะช่วยให้เกิดความเป็นธรรมกับคดีล่าสัตว์ป่าคุ้มครองหรือสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์มากยิ่งขึ้น

ผมจึงอยากขอเรียกร้องให้ทางสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เร่งพิจารณาเพื่อรับรองกฎหมายดังกล่าวโดยเร็วที่สุด

หรือพูดง่ายๆ คือ ร่างกฎหมายมีรอไว้แล้ว ขอเพียงท่านพิจารณา!

ผมอยากให้กรณีการล่าสัตว์ป่าในเขตอุทยานฯ เป็นจุดเริ่มต้นของการถกประเด็นสำคัญที่ใหญ่กว่า และมีการผลักดันเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับนโยบายอย่างจริงจัง #เสือดำต้องไม่ตายฟรี

ท้ายสุดผมอยากให้ทุกคนรู้ว่า พลังของทุกคนจะไม่สูญเปล่า ทุกคนจะมีส่วนช่วยผลักดันร่วมกับทางเครือข่ายฯ เพื่อให้เรามีกม.ที่บังคับใช้ได้จริง เพื่อไม่ให้เกิดกรณีแบบนี้อีก"