อนค.โต้ไม่ใช่ซ้ายดัดจริต ร้องกองปราบฟันปิยบุตร


เพิ่มเพื่อน    


     “ชัยเกษม” ข้องใจ “พล.อ.อภิรัชต์” พูดเหมือนอยากให้มีเรื่อง “ธนาธร” แจ้นแจงไม่ใช่ซ้ายดัดจริต แค่เรียกร้องปกติแบบสากล! “รังสิมันต์” เล่นใหญ่ซัด “บิ๊กแดง” น่าละอาย ปลุกผีธนาธร-ปิยบุตรแทนผีแม้ว พรรคไทยศรีวิไลย์จี้ อนค.แน่จริงต้องยืนยันสัญญา 4 ข้อ “อุ๊ หฤทัย” ฟ้องกองปราบฯ เช็กบิลปิยบุตร  
     เมื่อวันพุธที่ 3 เมษายน ยังคงมีผลพวงกรณี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้เปิดใจในงานพิธีวันสถาปนากองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) ครบ 112 ปี โดยเฉพาะการกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จากพวกที่ได้รับทุนหลวงและทุนราชว่าเป็นพวกซ้ายตกขอบ หรือซ้ายจัดดัดจริต
     โดยนายชัยเกษม นิติสิริ ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ฝ่ายประชาธิปไตยที่ออกมาต่อสู้ ไม่ใช่ว่าอยากได้อำนาจหรือหาประโยชน์จากการเลือกตั้ง แต่สิ่งที่ พล.อ.อภิรัชต์พูด เหมือนจะปลุกอะไรขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งการออกมาเตือนเรื่องทำไม่ดีต่อบ้านเมือง และสถาบัน เหมือนพูดเพื่อให้มีเรื่อง และถ้ามีเรื่องขึ้นมารัฐบาลปัจจุบันก็จะได้ประโยชน์
     “ถ้ามีความวุ่นวายเกิดขึ้นในช่วงนี้ สาเหตุไม่ใช่เกิดจากพรรคการเมือง แต่เป็นความตั้งใจของฝ่ายที่ต้องการให้เกิดความวุ่นวายเพื่ออยู่ต่อ” นายชัยเกษมกล่าว และว่า ทุกฝ่ายรอผลการเลือกตั้ง การพูดว่าฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ทำให้เกิดความไม่สงบ จึงไม่ใช่เรื่องที่เราต้องการ เพราะไม่มีฝ่ายเลือกตั้งคนไหนต้องการให้เกิดเรื่องเช่นนั้น
ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวในเรื่องนี้ว่า ได้เรียกร้องให้ประเทศไทยกลับมาเป็นประชาธิปไตย เรียกร้องให้สังคมไทยเคารพสิทธิมนุษยชน เรียกร้องให้เกิดนิติรัฐ กฎหมายบังคับใช้กับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ถามว่าสิ่งที่เรียกร้องนั้นซ้ายจัดตรงไหน เป็นเรื่องปกติ ไม่ได้ซ้ายจัดอะไรเลย อยากฝากให้เข้าเจตนารมณ์ของพวกเรา ที่ต้องการนำประเทศไทยกลับสู่ความปกติ กลับสู่ความเป็นสากล ไม่รู้ว่า พล.อ.อภิรัชต์ต้องการส่งสัญญาณอะไรถึงพวกเรา แต่พวกเราจะเดินหน้ารณรงค์อย่างหนักแน่นสร้างสรรค์ 
     "สิ่งที่ พล.อ.อภิรัชต์ทำคือ มาพูดจาให้ประชาชนเกลียดชังพวกเรา ทำให้ประชาชนหวาดระแวงกันเอง พวกเราต้องเสียเวลาไปเยอะแยะมากกับการแก้ข้อกล่าวหา ที่โยนให้อย่างไม่เป็นธรรม" นายธนาธรกล่าว 
      เมื่อถามถึงกระแสโจมตีว่าล้มสถาบันฯ นายธนาธรกล่าวว่า ประเด็นเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ถูกใช้เป็นเครื่องมือการเมืองเพื่อทำลายคู่ต่อสู้ คู่แข่ง ศัตรูทางการเมือง เป็นความต้องการของเผด็จการที่ต้องการสร้างให้ประชาชนเกลียดกลัวและชิงชังกันเอง ไม่ไว้ใจกันและกัน เมื่อประชาชนแตกแยก ก็จะเป็นเหตุผลสร้างความชอบธรรมให้เผด็จการทหารเข้ามายึดอำนาจ เข้ามาปกครองต่อไป ขอเรียนพ่อแม่พี่น้องประชาชนทุกคนมาร่วมกันช่วยกันหยุดความแตกแยกในสังคม คนที่สร้างความแตกแยกไม่ใช่พวกเราอนาคตใหม่ แต่เป็นกองทัพที่ต้องการสืบทอดอำนาจมากกว่า  
      เมื่อถามถึงการล่าชื่อถอดถอนนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค อนค. นายธนาธรกล่าวว่า มีจำนวน 1.1 หมื่นรายชื่อที่ถอดถอน แต่รายชื่อสนับสนุนนายปิยบุตรขึ้นไปกว่า 2 หมื่นแล้ว    
      นายรังสิมันต์ โรม ผู้ช่วยเลขาธิการพรรค อนค.โพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้ พล.อ.อภิรัชต์เช่นกันว่า สิ่งที่คุณอภิรัชต์และกองทัพทำอยู่สวนทางกับคำพูดชัดเจน เพราะในประเทศที่เจริญแล้ว ทหารมืออาชีพจะไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งกับการเมือง ไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อถึงประเด็นทางการเมือง การที่คุณอภิรัชต์ยังนำกองทัพออกมาฮึ่มๆ ขู่รัฐประหารบ้าง แสดงตัวเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมืองบ้าง ล้วนแต่เป็นการกระทำของทหารที่ไม่มีวันจะเข้าสู่ความเป็นทหารอาชีพได้เลย มีแต่จะขัดขวางวัฒนธรรมและกระบวนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตยที่มีความเป็นสากลทั้งสิ้น 
     “ผีทักษิณคราวก่อนขายได้คราวนี้ก็ปลุกขึ้นมาอีก แต่เพื่อให้สมจริงยิ่งขึ้น เลยต้องพยายามปลุกผีธนาธร-ปิยบุตร เหลือเกิน หรือเพราะแท้จริงแล้ว กองทัพกำลังรู้ดีว่าพรรคอนาคตใหม่เป็นอันตรายกับพวกคุณยิ่งกว่าพรรคไหนๆ ในการนำเสนอสิ่งที่กองทัพพยายามซุกไว้ใต้พรมมาตลอด จึงต้องพยายามเข้ามาเล่นบทดุดันขนาดนี้” นายรังสิมันต์โพสต์ และว่า สงสารประเทศไทยมากจริงๆ ที่มี ผบ.ทบ.ที่ทำตัวน่าละอายขนาดนี้ 
     ขณะที่โลกโซเชียลได้มีการแชร์แคมเปญรณรงค์ร่วมลงชื่อถอดถอน พล.อ.อภิรัชต์ออกจากตำแหน่ง ผบ.ทบ. จากเว็บไซต์ change.org โดยผู้จัดทำแคมเปญดังกล่าวระบุว่า พล.อ.อภิรัชต์เป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อประเทศร้ายแรงต่อระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย แถลงข่าวต่อต้านประชาธิปไตยหลายครั้ง
     ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มองว่า ผบ.ทบ.พูดด้วยความเป็นห่วงบ้านเมือง มีเจตนาที่บริสุทธิ์ และเป็นการพูดด้วยข้อเท็จจริง เชื่อว่าพี่น้องคนไทยจะเข้าใจ เพราะที่ผ่านมาปัญหาเหล่านี้นำมาซึ่งความเสียหายต่อประเทศอย่างมาก นำมาซึ่งความแตกแยก ประชาชนคนไทยต้องออกเข่นฆ่ากันเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจมาก ดังนั้นพรรคการเมืองต่างๆ ควรยุติได้แล้ว
     “ผบ.ทบ.เป็นทหารที่รักชาติ รักประชาชน และเทิดทูนสถาบัน ท่านออกมาให้ข้อคิด เพราะกังวลว่าเรากำลังจะไปสู่จุดนั้นอีก ขอให้ทุกฝ่ายคิดและไตร่ตรอง ทำเพื่อประเทศชาติของเรา วันนี้พี่น้องคนไทยต้องการความสงบ ไม่ต้องการความขัดแย้งอีกแล้ว” นายธนกรกล่าว
     ส่วนนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ แถลงเรียกร้องถึงกรณีแกนนำพรรค อนค.ได้แสดงความคิดเห็นต่อสถาบันในลักษณะสร้างความไม่สบายใจแก่คนไทยทั้งประเทศว่า พรรคไทยศรีวิไลย์ขอเรียกร้องให้นายธนาธรและนายปิยบุตรได้ปฏิบัติตามสิ่งที่เรียกร้อง 4 ข้อ คือ 1.แสดงจุดยืนต่อพี่น้องประชาชนไทย 65 ล้านคน ว่าจะจงรักภักดีต่อ ชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ อีกทั้งจะเป็นพรรคการเมืองภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขด้วยความบริสุทธิ์ใจอย่างแท้จริง 
     2.ขอให้พรรค อนค.แสดงจุดยืนว่าจะไม่แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยเด็ดขาด 3.ขอให้นายปิยบุตรสัญญาว่าจะไม่แสดงข้อคิดเห็นในที่สาธารณะหรือที่ใดๆ เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ และ 4.ขอให้นายธนาธรหยุดการกระทำ หยุดความคิด หยุดร่วมมือกับนักโทษหนีคดี หยุดความคิดที่จะใช้อำนาจทางนิติบัญญัติแก้ไขคดีความที่ศาลฎีกาได้ตัดสินไปแล้ว และแสดงจะไม่แสดงข้อคิดเห็นในที่สาธารณะ ที่จะปฏิบัติตามภารกิจของคณะราษฎรที่กระทำการปฏิวัติเมื่อ พ.ศ.2475 ให้สำเร็จ 
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์เฟซบุ๊กว่า การที่กองทัพออกมาวิจารณ์เรื่องการเมืองนั้น ไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดา พล.อ.อภิรัชต์คงมีความในใจที่จะกระจายแก่นักการเมืองและแก่ประชาชน ซึ่งน่าวิเคราะห์ทำนายผลของสถานการณ์ภายหลังการออกมาพูดเช่นนี้ ว่าจะทำให้เกิดความสงบราบคาบขึ้นได้หรือไม่ 
     “น่าเสียดายว่า ถึงแม้การเลือกตั้งผ่านไปแล้ว การห้ำหั่นกันระหว่างกองเชียร์แต่ละฝ่ายก็ยังรุนแรง เหมือนเดิม ยังใส่อารมณ์กันและกันแบบตกขอบเหมือนเดิม ยังเสียสติคุมตัวเองกันไม่อยู่เหมือนเดิม
     น่าเสียดาย ดูเหมือนโอกาสปรองดองทำท่าจะริบหรี่ลงไป” นายธีระชัยโพสต์ทิ้งท้าย
วันเดียวกัน ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.)  น.ส.หฤทัย ม่วงบุญศรี หรือ อุ๊ นักร้องชื่อดัง พร้อมทนายความ ได้เดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน บก.ป. เพื่อขอให้ตรวจสอบคลิปคำพูดของนายปิยบุตรที่กล่าวในงานเสวนาเรื่อง "การเมืองความยุติธรรมและกษัตริย์" ซึ่งจัดขึ้นที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา เมื่อวันที่ 17 ก.พ.2556 ว่าขัดต่อความมั่นคงของชาติหรือไม่ พร้อมนำหลักฐานคลิปวิดีโอความยาว 51 นาที พร้อมสำเนาบทถอดคำพูดอย่างละเอียดมามอบให้พนักงานสอบสวนด้วย
     ภายหลังอุ๊ หฤทัย กล่าวว่า แม้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้ว และไม่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง แต่การเสวนาดังกล่าวมีการบันทึกเทปเผยแพร่ในสื่อโซเชียล ทำให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าไปรับชมรับฟังตลอดเวลา ซึ่งเนื้อหาในการเสวนามีลักษณะการพาดพิงในเรื่องของรัฐสภาที่ปัดตกร่าง พ.ร.บ.แก้ไข มาตรา 112 และพาดพิงสถาบันหลักของชาติ ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด ในฐานะเป็นพลเมือง แม้ไม่ใช่คู่กรณีของนายปิยบุตร แต่เนื้อหาที่เกิดขึ้นทำให้ประเทศชาติเสียหาย เป็นการหวังผลให้เกิดความสั่นคลอนต่อระบบการปกครองที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงมาร้องกองปราบฯ ให้ตรวจสอบว่าเข้าข่ายการกระทำความผิดว่าด้วยเรื่องความมั่นคงหรือไม่
     เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้รับคำร้องไว้พิจารณา และจะสอบปากคำอย่างละเอียด ส่วนจะมีการออกหมายเรียกบุคคลใดหรือไม่ อยู่ระหว่างพิจารณา
ด้าน ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อดีตประธานรัฐสภา โพสต์เฟซบุ๊กว่า อายุ 80 ปีแล้ว ได้ผ่านร้อนผ่านหนาวทางการเมืองไทยมาพอสมควร และยังได้สัมผัสใกล้ชิดกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลายโอกาส  พระองค์ท่านทรงเป็นศูนย์ดวงใจของปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าโดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ทรงวิตกห่วงใยในความผาสุกอยู่ดีกินดีของประชาชนตลอดทุกลมหายใจ
     “นึกไม่ออกเหมือนกันว่า หากไม่ใช่เพราะพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ประเทศไทยคงจะล่มสลายลุกเป็นไฟตั้งแต่ปี 2535 ไม่ต้องรอให้เผาบ้านเผาเมืองในปี 2553 หรอก จึงขอบอกเล่ากับลูกหลานที่เพิ่งเกิดเติบโตมาในประเทศไทย ได้รู้ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ผู้เป็นประมุขของไทย เป็นศูนย์รวมใจได้กอบกู้ประเทศไทย และคอยปกป้องดูแลช่วยเหลือชีวิตประชาชนไทยให้อยู่เย็นเป็นสุขตลอดมา หากไม่มีพระมหากษัตริย์แล้วไซร้ คงไม่มีประเทศไทยอยู่เช่นทุกวันนี้” นายอาทิตย์โพสต์.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"