งานเข้า "ธนาธร" เจอหมายเรียกข้อหาปลุกปั่น ปชช. โวยอำนาจมืดกลัวความจริงมี 6.3 ล้านคนหนุนอนาคตใหม่ ปลุกพลังเงียบต้านเผด็จการให้จบในยุคสมัยของเรา ชาวเน็ตแห่ติดแฮชแท็ก #savethanathorn "ศรีวราห์" ปัดไม่เกี่ยวการเลือกตั้ง แจงคดีตกค้างเหตุเกิดปี 58 กรณีนำรถตู้รับกลุ่มผู้ชุมนุมหลบหนี กกต.ตั้ง กก.สอบสวนโอนหุ้นธุรกิจสื่อ "วี-ลัค มีเดีย" แล้ว สำนักข่าวอิศราแฉพิรุธ 8 ม.ค.62 วันโอนหุ้นแต่ "ธนาธร" หาเสียงที่บุรีรัมย์ "ประสงค์" ข้องใจแจงโอนหุ้นให้ "หลาน 2 คน" สร้างตัวละครรับช่วงการโอนหุ้นอีกทอด
เมื่อวันพุธ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก Thanathorn juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ระบุว่า "เมื่ออำนาจมืดไม่ยอมปล่อยอนาคตใหม่ มีหมายเรียกมารอผมที่บ้าน กล่าวหาว่าผมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และให้ผมไปรายงานตัวที่ สน.ปทุมวัน วันที่ 6 เมษายนนี้ เวลา 10 โมงเช้า ซึ่งผมก็ยังสงสัยอยู่ว่า ผมไปก่อความกระด้างกระเดื่องหรือเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศตอนไหน ในเมื่อตลอดปีที่ผ่านมาเวลาเกือบทั้งหมดในแต่ละวันของผมทุ่มไปกับการพบปะประชาชนใน 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย แทบจะไม่ได้เจอหน้าลูกๆ ด้วยซ้ำ
เป็นที่แน่ชัดว่าเกมการเมืองเก่าไม่ใช่แค่ไม่ยอมยุติลงหลังเลือกตั้ง แต่กลับยิ่งเข้มข้นขึ้นเพราะพวกเขากำลังกลัวอนาคตใหม่ กลัวชัยชนะที่เกินความคาดหมายของหลายๆ คน กลัวความจริงที่ว่าการเมืองที่ชูนโยบาย อุดมการณ์ สร้างความเชื่อมั่นศรัทธาได้ สร้างแรงสนับสนุนจากประชาชนได้โดยไม่ต้องใช้เงินหรืออิทธิพล กลัวความจริงที่ว่ามีคนเกือบ 6 ล้าน 3 แสนคนที่สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ด้วยใจบริสุทธิ์"
นายธนาธรระบุว่า "ผมจะไปตามหมายเรียกครั้งนี้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ เพื่อพิสูจน์ว่ากระบวนการยุติธรรมในประเทศไทยจะไม่ศิโรราบยอมตนเป็นเครื่องมือเผด็จการ ผมไม่มีกฎหมาย ไม่มีอำนาจรัฐในมือ ไม่มีมาตรา 44 ไม่มีปืนหรือคุกตะรางไว้จัดการคนที่อยู่ตรงข้าม แต่ผมเชื่อมั่นว่ามีประชาชนหลายล้านคนที่รักความเป็นธรรมยืนเคียงข้างผม และพร้อมจะแสดงออกว่าพวกเขาไม่ยอมทนกับอำนาจมืดที่จ้องทำลายอนาคตใหม่"
ต่อมานายธนาธรให้สัมภาษณ์ถึงการถูกหมายเรียกว่า พูดตรงๆ ว่าตนยังไม่รู้ว่าเรียกตนเรื่องอะไร ทราบแต่เพียงเรียกตามมาตรา 116 แต่เนื้อหาของคดีคงต้องรอไปฟังในวันที่ 10 เม.ย.นี้ ยืนยันว่าพวกเราพรรคอนาคตใหม่ยังแน่วแน่ ไม่หวาดกลัว ไม่สะทกสะท้าน ทั้งตนและนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค เตรียมใจไว้อยู่แล้วว่าเรื่องพวกนี้ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องเกิดขึ้น พวกเรารู้อยู่แล้วว่าต้องถูกกระทำเช่นนี้
เขาบอกว่า การเกิดขึ้นของพรรคอนาคตใหม่ไม่ได้เป็นภัยต่อประเทศ แต่เราเป็นภัยคุกคามต่อกองทัพที่เป็นปฏิปักษ์กับประชาธิปไตย ปฏิปักษ์กับประชาชน เราไม่ใช่คนที่จะทำให้ประเทศไทยเดือดร้อนวุ่นวาย ข้อเรียกร้องของเราเป็นเรื่องง่ายๆ ปกติและยุติธรรม เราเรียกร้องสังคมนิติรัฐ สังคมประชาธิปไตย ที่เสียงของประชาชนได้รับการเคารพ ดังนั้นเราไม่ใช่ภัยของคนส่วนใหญ่ของประเทศแน่นอน และมีความเชื่อมั่นว่ากระบวนการยุติธรรมจะปกป้องพวกเรา
เมื่อถามถึงถ้อยคำที่เรียกร้องให้ร่วมกันต่อต้านอำนาจมืดเป็นการส่งสัญญาณอะไร นายธนาธร กล่าวว่า ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมามีประชาชนจำนวนมากต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยให้คนรุ่นต่อไป หลายคนโดนคดี บ้างเสียชีวิต บ้างอยู่ในคุก เพียงเพราะพวกเขาเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพให้คนไทยทุกคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนที่ไม่มีต้นทุนทางสังคม ถ้าพวกเราที่พอมีต้นทุนทางสังคม มีชื่อเสียงอยู่บ้าง นั่งเงียบเฉยภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเราจะตอบคนรุ่นต่อไปว่าอย่างไร ว่าในสภาพที่สังคมมืดมิดที่สุดแบบนี้พวกเราทำอะไรกันอยู่
ปลุกต้านเผด็จการ
"ขอเชิญให้ทุกคนลุกขึ้นมาต่อต้านกับเผด็จการด้วยกัน เพื่อทำภารกิจนี้ให้จบในคนรุ่นเรา นี่คือภารกิจของคนรุ่นผม คนที่เกิดก่อนผม ต้องหยุดยั้งประเทศไทยที่มีวังวนรัฐประหารซ้ำซากให้ได้ อย่าปล่อยให้เป็นภาระของคนรุ่นต่อไป ทำเรื่องนี้ให้จบในคนรุ่นเรา ใครเป็นคนที่ทำให้สังคมไทยขัดแย้ง คนที่เรียกร้องความเป็นธรรมหรือคนที่ยึดอำนาจจากประชาชน ถ้ารัฐประหารฟังเสียงของประชาชน เปิดให้มีการเลือกตั้งอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมก็ไม่มีความขัดแย้ง กลุ่มคนที่สร้างความขัดแย้งคือกลุ่มคนที่ยึดอำนาจไปจากประชาชนแล้วไม่ยอมคืนประชาชน กลุ่มคนนั้นต่างหากที่จะนำมาซึ่งความขัดแย้งและความวุ่นวายของสังคม" นายธนาธรกล่าว
นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความของนายธนาธร เปิดเผยว่า เป็นหมายเรียกที่ สน.ปทุมวัน ออกหมายเรียกให้นายธนาธรไปรับทราบข้อกล่าวหา ขั้นตอนในวันดังกล่าวจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาถามคำให้การของนายธนาธรว่าจะรับสารภาพหรือให้การปฏิเสธ ตนพร้อมที่จะเดินทางไปพร้อมกับนายธนาธรในวันดังกล่าว ทางเราก็ไม่ทราบชัดเจนถึงพฤติการณ์ที่มีการแจ้งข้อกล่าวหาว่าเราไปกระทำผิดที่ไหนอย่างไรกับใคร
ส่วนที่มีข่าวว่าสาเหตุที่โดนแจ้งข้อกล่าวหามาจากปี 2558 ที่นายธนาธรช่วยสนับสนุนยานพาหนะกลุ่มผู้ต้องหานักศึกษาคดีผิดมาตรา 116 นายกฤษฎางค์ระบุว่า เป็นความเข้าใจของเราตอนนี้ว่าอาจจะมาจากเหตุการณ์ที่กล่าวกัน แต่ข้อเท็จจริงที่แน่ชัดเรายังไม่ทราบชัดเจน เรื่องนี้เหมือนกับคนกล่าวหาที่เขามารังแกเราก็พูดลอยๆ ออกมา หลังจากให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน เราคงมีการแถลงข่าวถึงการดำเนินการต่อไป
เมื่อถามว่านายธนาธรยังมีกำลังใจดีหรือไม่ นายกฤษฎางค์กล่าวว่าไม่มีปัญหา มันเรื่องเล็ก เพราะเมื่อตัดสินใจเข้าสู่เวทีการเมือง โดยเฉพาะตัดสินใจต่อสู้กับรัฐบาลเผด็จการทหารแล้วมันก็ต้องเจอปัญหาพวกนี้ ถ้าถามเรื่องกำลังใจก็ต้องบอก 100% และเรามั่นใจด้วยว่าชนะ
ด้าน พ.ต.อ.ธรรมนูญ บุญเรือง ผกก.สน.ปทุมวัน เปิดเผยว่า ทราบว่าที่มาของการออกหมายเรียกในคดีนี้เป็นเรื่องเก่า มาจากคณะทำงานก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นของ ตร. หรือ บช.น.ซึ่งไม่เกี่ยวกับ สน.ปทุมวัน สำนวนคดีตัดจากโรงพักไป ทั้งหมดเป็นเรื่องของคณะทำงาน ยืนยันว่ายังไม่เห็นสำนวนการสอบสวนของคดีนี้เลย
มีรายงานข่าวจากทีมกฎหมาย คสช.เปิดเผยถึงกรณีที่ พ.ต.ท.เจริญสิทธิ จงอิทธิ พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวันออกหมายเรียกนายธนาธรมารับทราบข้อกล่าวหาว่า เป็นเหตุที่เกิดขึ้นตั้งแต่ 24 มิ.ย.58 โดยขณะนั้นนายรังสิมันต์ โรม และพวกกลุ่มดาวดินรวม 7 คน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ทำกิจกรรมทางการเมือง หน้าหอศิลป์ฯ เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.58 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับผู้ต้องหา 5 คน ในข้อหามั่วสุมชุมเกิน 5 คน ตามคำสั่ง คสช.ฉบับ 3/2558 ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ซึ่งมีโทษปรับ 10,000 บาท หรือจำคุก 6 เดือน
จากนั้นผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมพวกกว่า 20 คนมารวมตัวชุมนุมปิดล้อม สน.ปทุมวัน ต่อมาหลังการชุมนุมยุติ ตำรวจและทหารได้ออกติดตามเพื่อจับกุมบุคคลที่มีหมายจับ ซึ่งขณะที่ตำรวจและทหารจะเข้าไปจับนายรังสิมันต์ โรม แต่ไหวตัวทันวิ่งหลบหนีไปขึ้นรถตู้ที่รอรับขับหนีออกไป
เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยข่าวได้ติดตามและจดหมายเลขทะเบียนรถตู้ดังกล่าว ซึ่งพบว่ามีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นผู้ครอบครอง อีกทั้งในวันเกิดเหตุนายธนาธรได้สังเกตการณ์อยู่ภายนอก และมีการโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย จึงเป็นที่มาของการออกหมายเรียกครั้งนี้
ทั้งนี้มีรายงานว่า รถคันที่นำตัวนายรังสิมันต์หลบหนีไปนั้น เจ้าหน้าที่ตรวจสอบป้ายทะเบียนรถพบว่าเป็นของบริษัทของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของนายธนาธรเป็นกรรมการ
คดีเก่าตกค้างปี 58
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วยพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ชี้แจงถึงการออกหมายเรียกนายธนาธรว่า เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.58 เวลาประมาณ 22.00 น. มีการชุมนุมกันที่หน้า สน.ปทุมวัน เป็นเรื่องเก่ารัฐธรรมนูญปี 60 ยังไม่ออก ไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้งเพราะรัฐธรรมนูญยังไม่มี เป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อนในข้อเท็จจริง ส่วนเรื่องเวลาที่ช้านานมีคำสั่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนเมื่อปี 58 โดยตนเป็นคนตั้งคำสั่งสมัยที่เป็น ผบช.น. แต่หัวหน้าพนักงานสอบสวนในขณะนั้นได้ย้าย กระทั่ง พ.ต.อ.ธรรมนูญ บุญเรือง ผกก.สน.ปทุมวันย้ายมาดำรงตำแหน่งใหม่ จึงมีการรับส่งมอบสำนวน เมื่อตรวจดูพบว่ามีสำนวนความมั่นคงตกค้าง ผกก.ปทุมวัน จึงเข้ามาปรึกษาตน จึงได้สั่งการให้ทำตามระเบียบ คดีนี้ศาลทหารให้ออกหมายเรียกข้อหา 116 ตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค.58
"ไม่ใช่เรื่องแปลกเมื่อศาลสั่งให้ดำเนินก็ต้องดำเนินการ เรื่องเกิดขึ้นไม่ได้หมายความว่า กกต.จะไม่ประกาศรับรอง เพราะศาลยังไม่ตัดสิน เป็นไปไม่ได้ที่ศาลจะตัดสินก่อนวันที่ 9 พ.ค.นี้ ไม่ได้ดิสเครดิตใคร เป็นการสอบสวนตามวิ.อาญา การออกหมายเรียกครั้งนี้พนักงานสอบสวนมีหลักฐานทั้งจากกล้องวงจรปิด ถ้าไม่มีมูลไม่สามารถออกหมายเรียกได้" พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าว
เมื่อถามว่าการออกหมายเรียกนายธนาธรในช่วงจังหวะเวลานี้ จะเป็นการตอกลิ่มความขัดแย้งหรือไม่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ตอบว่าไม่ทราบ รู้แต่ว่าทุกอย่างดำเนินการไปตามกฎหมาย ศาลสั่งตั้งแต่ปี 58 แล้วไม่ดำเนินการอย่างนี้ใช้ไม่ได้ ตนก็เพิ่งทราบ ถ้าทราบก่อนหน้านี้ก็ทำไปแล้ว นายธนาธรเองก็โพสต์เฟซบุ๊กว่าเขาไปเองเกิน 10 คน ปิดหน้าโรงพัก ถ้าเข้าหลักข้อกฎหมายก็ต้องดำเนินคดีต่อไป เช่นเดียวกับแม่ของนายธนาธร ตั้งแต่ปี 58 หลังจากนี้จะออกหมายเรียกแม่นายธนาธรมาสอบปากคำเพิ่มเติมเช่นเดียวกัน
พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า ส่วนที่ ปอท.มีการออกหมายเรียกนายปิยบุตรมันคนละเรื่องกัน หมายเรียกนายธนาธรตั้งแต่ปี 58 ส่วนนายปิยบุตรปี 62 จะมาโยงกันได้อย่างไร แต่จะวิจารณ์อะไรก็แล้วแต่อย่าทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียหายแล้วกัน เราทำงานตรงไปตรงมาตามอำนาจหน้าที่
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีตำรวจแจ้งข้อหานายธนาธร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ว่า ผิดหรือไม่ยังไม่รู้เลย แล้วแต่เจ้าหน้าที่ มีกฎหมายอยู่ไม่ต้องห่วงว่าจะแรงหรือไม่แรง ทุกอย่างทำตามกฎหมาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมาย เพราะจะต้องมีการสืบสวนสอบสวน และเราไม่รู้ว่าใครทำอะไรไว้บ้าง ส่วนที่สังคมตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการจ้องสกัดหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าเขาผิดหรือไม่ เพราะยังไม่มีอะไรเลย เพียงแต่เจ้าหน้าที่เริ่มทำการตรวจสอบเท่านั้น
เมื่อถามว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นการปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นตามระบอบประชาธิปไตยหลังเลือกตั้งหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ยังไงที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งทุกอย่างก็ทำตามกฎหมายทั้งนั้น ส่วนที่มีการใช้มาตรา 116 ตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งเป็นกฎหมายด้านความมั่นคงนั้น แล้วเป็นเรื่องความมั่นคงหรือไม่ล่ะ อย่างไรก็ตาม การให้สัมภาษณ์ของ ผบ.ทบ. และกรณีการแจ้งความนายธราธรไม่มีความขัดแย้ง
เมื่อถามย้ำว่าอุณหภูมิจะยิ่งร้อนขึ้นหรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวเพียงว่า “ไม่มี”
ขณะเดียวกัน สมาชิกทวิตเตอร์จำนวนมากร่วมติดแฮชแท็ก #savethanathorn เพื่อให้กำลังใจ และส่วนมากเขียนแสดงความคิดเห็นทำนองไม่เห็นด้วยที่มีหมายเรียกนายธนาธร และเชื่อว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง จนขึ้นติดเทรนด์ทวิตเตอร์เป็นอันดับ 1 ยอดนิยมของประเทศไทย
กกต.สอบโอนหุ้นวี-ลัค มีเดีย
ขณะที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า วันนี้ก่อนออกไปทำงาน ตนเห็นกระดาษเสียบอยู่ในตู้จดหมาย หยิบมาดูปรากฏว่าเป็น "หมายเรียกพยาน" กรณีแถลงการณ์ของพรรคอนาคตใหม่ กรณียุบพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งตนเป็นผู้อ่านในงานแถลงข่าวเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2562 โดยเจ้าหน้าที่ให้ตนไปพบ ปอท.ในวันนี้ คือวันที่ 3 เมษายน เวลา 13.00 น.
"ผมเพิ่งได้รับหมายเรียกพยานก่อนเที่ยงวันนี้เอง ให้ผมไปพบพนักงานสอบสวนตอนบ่ายโมงวันนี้ แต่ในหมายเรียกเขียนว่าออกหมายวันที่ 27 มีนาคม ผมจึงต้องมอบหมายให้ทนายความไปแจ้งพนักงานสอบสวนขอเลื่อนนัดไปก่อน คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็เพิ่งจะได้รับหมายเรียกเช่นกันหลังการเลือกตั้ง พรรคอนาคตใหม่ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน 6.2 ล้านเสียง และตลอดสัปดาห์นี้ เราพยายามเรียกร้องให้ กกต.เปิดคะแนนเสียงเลือกตั้งรายหน่วย แต่ทำไปทำมาช่วงนี้เรากลับได้ของสะสมที่ระลึกเป็น 'หมายเรียก' แทน" นายปิยบุตรระบุ
ส่วนกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 25 มี.ค.62 ขอให้ตรวจสอบว่านายธนาธรขาดคุณสมบัติในการลงสมัคร ส.ส.หรือไม่ เนื่องจากขณะสมัครรับเลือกตั้งยังถือหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจสื่อ ที่เข้าลักษณะต้องห้ามในการเป็นผู้มีสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งนั้น มีรายงานว่า กกต.ได้สั่งรับไว้เป็นเรื่องร้องเรียนแล้ว และตั้งคณะกรรมการสอบสวนโดยอยู่ระหว่างการดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน และแจ้งให้นายศรีสุวรรณในฐานะผู้ร้องมาให้ถ้อยคำในวันศุกร์ที่ 5 เม.ย. เวลา 13.30.น.
ขณะเดียวกันสำนักงาน กกต.ก็ได้สั่งรับเรื่องที่นายศรีสุวรรณยื่นขอให้ตรวจสอบนายธนาธร กระทำการเข้าข่ายเป็นการหลอกลวงให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมผิดตามมาตรา 73 (5) ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. จากกรณีอ้างว่าเป็นนักการเมืองคนแรกที่ใช้แนวทาง Blind Trust คือโอนทรัพย์สินมูลค่า 5 พันล้านบาท ไปให้ Trust หรือกองทุนเป็นผู้ดูแล เป็นเรื่องร้องเรียนและตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้วเช่นกัน ทั้งนี้นายศรีสุวรรณเปิดเผยว่า เพิ่งได้รับแจ้งจาก กกต.ซึ่งนอกจากตนจะไปให้ถ้อยคำแล้วก็จะได้ยื่นหลักฐานเพิ่มเติมด้วย
นายศรีสุวรรณกล่าวว่า ตามที่นายธนาธรโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันที่ 2 เม.ย.62 ออกแถลงการณ์กรณีข้อสงสัยเรื่องการถือหุ้นของตนในบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด โดยอ้างว่าตนได้โอนหุ้นดังกล่าวทั้งหมดให้แก่คุณสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ กรณีดังกล่าวยังไม่อาจเชื่อได้ทั้งหมดว่าจะเป็นแถลงการณ์ที่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ยังมีประเด็นที่คุณธนาธรอ้างว่าคุณสมพรได้โอนหุ้นต่อไปให้หลาน 2 คนตั้งแต่วันที่ 14 ม.ค.62 แล้ว แต่เหตุใดหลานทั้ง 2 คนจึงโอนหุ้นกลับมาให้คุณสมพรอีกในวันที่ 21 มี.ค.62 นิติกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นจริงหรือไม่ มีการชำระเงินกันจริงหรือไม่ มีสเตทเมนต์ยืนยันระหว่างคุณสมพรกับหลานหรือไม่ และหลานทั้งสองมีอำนาจทำนิติกรรมได้หรือไม่ หรือเป็นเพียงการสร้างพยานหลักฐานขึ้นมาใหม่ เพื่อใช้เป็นข้ออ้างแก้ต่างกรณีถูกจับพิรุธในการประชุมกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 19 มี.ค.62 ว่าเหตุใดยังคงมีกรรมการจำนวน 10 คนมาประชุมกัน
ทั้งนี้ยังมีอีกข้อพิรุธอีกมากมายที่สมาคมฯ จำต้องนำความพร้อมข้อมูลหลักฐานไปยื่นร้องต่อ กกต.เพิ่มเติมเพื่อให้ดำเนินการไต่สวน สอบสวนว่าการกระทำดังกล่าวของนายธนาธรเข้าข่ายความผิดตาม มาตรา 98 (3) ของรัฐธรรมนูญ 2560 หรือไม่
ขณะที่สำนักข่าวอิศราตรวจสอบพบว่า ในวันที่ 8 ม.ค.62 นอกจากมีการโอนหุ้นในวันดังกล่าวตามคำชี้แจงของนายธนาธรแล้ว ยังพบข้อมูลเพิ่มเติมว่าสื่อมวลชนอย่างน้อย 4 แห่ง ได้แก่ ข่าวสด (โพสต์ข่าวเมื่อ 14.55 น.) ไทยรัฐ (โพสต์ข่าวเมื่อ 15.11 น.) แนวหน้า (โพสต์ข่าวเมื่อ 18.22 น.) และช่อง 7 (เจาะสนามเลือกตั้ง 62 วันที่ 8 ม.ค.62) รายงานว่า วันที่ 8 ม.ค.62 นายธนาธรเดินทางไปเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บุรีรัมย์ทั้ง 8 เขต
ด้านนายธนาธรกล่าวชี้แจงสำนักข่าวอิศราถึงข้อเท็จจริงเรื่องการโอนหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ว่า "ส่วนตัวนั้นไม่กังวลในประเด็นนี้แต่อย่างไร เพราะเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของพวกเรา อีกทั้งในการชี้แจง 2-3 ครั้งที่ผ่านๆ มาก็มีเอกสารต่างๆ ที่ชี้แจงไปหมดแล้ว"
เมื่อสำนักข่าวอิศราถามว่า ในวันที่ 8 ม.ค.นายธนาธรได้หาเสียงอยู่ต่างจังหวัดใช่หรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า "ก็ใช่ไง" เมื่อถามต่อว่าแล้วจะโอนหุ้นได้อย่างไร นายธนาธรตอบว่า "อ๋อ ไม่ใช่ วันที่ผมไปหาเสียงก็คือวันที่ อะไรนะ 10 เท่าไรนะ แต่คุณเข้าใจผิดแล้ว"
เมื่อถามย้ำว่าวันที่ 8 ม.ค.เขาอยู่ที่กรุงเทพฯ หรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า "ใช่ๆ คุณเข้าใจผิดแล้ว"
ส่วนกรณีการโอนหุ้นระหว่างหลาน 2 คนกับนางสมพร ที่นางสมพรโอนหุ้นให้หลานไปก่อน แล้วหลานก็โอนหุ้นกลับมาที่นางสมพรนั้น นายธนาธรกล่าวว่า "ผมยืนยันว่าเมื่อผมขายหุ้นไปแล้ว ทางบริษัทและทางคุณแม่ผมจะไปทำอะไร ผมไม่รู้เรื่อง ที่ออกมาเล่าก็คือเล่าว่าข้อเท็จจริงให้สังคมฟังว่าเขาไปทำอะไรกัน ส่วนเหตุผลว่าใครจะไปทำอะไรยังไงนั้น ผมไม่มีความเกี่ยวข้อง ก็ให้เป็นไปตามเอกสาร"
เมื่อถามต่อว่าทำไมไม่เอาหุ้นดังกล่าวไปเข้าสู่กระบวนการ Blind Trust แทน นายธนาธรชี้แจงว่า "บริษัทจะปิดตัวอยู่แล้ว จะนำบริษัทไปเข้า Blind Trust ทำไม"
สร้างตัวละครรับช่วงโอนหุ้น
นายธนาธรกล่าวย้ำว่า "ประเด็นเรื่องใครโอนหุ้นกันไปมาอย่างไรนั้น โดยส่วนตัวไม่สามารถจะอธิบายแทนเขาได้ ว่าจะโอนให้ใคร ทำไม เรื่องของผมก็คือว่าการที่พวกเรา ผมและภรรยาได้ขายหุ้นให้กับบุคคลที่ 3 ก่อนที่จะมีการสมัคร ส.ส.ของพรรค แล้วเรื่องก็จบตรงนั้น ส่วนเอกสารและคำชี้แจงต่างๆ เราก็ได้ชี้แจงไปหมดแล้ว
ขณะที่นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักข่าวอิศรา เขียนบทความเรื่อง "ธนาธร" ยิ่งดิ้น แจงโอนหุ้นให้ "หลาน" ยิ่งเกิดคำถามที่ซับซ้อนมากขึ้น? ระบุว่า ในเมื่อนางสมพรต้องการแจ้งเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในนามตนเองอยู่แล้ว เมื่อได้รับโอนหุ้นมาจากนายธนาธรเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2562 ทำไมจึงไม่แจ้งชื่อตนเองเป็นผู้ถือหุ้นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเลย แต่กลับโอนไปให้คุณเอ คุณบีก่อน แล้วจึงโอนกลับมาให้ตนเองอีกครั้ง เท่ากับโอนหุ้นกลับไปกลับมาสองครั้ง
นายประสงค์ระบุว่า ทนายความผู้ทำคำรับรอง หรือทนายความโนตารี เป็นใครมาจากไหน สืบค้นข้อมูลในเว็บไซต์พบว่า มีการระบุข้อมูลเกี่ยวกับทนายความโนตารีว่า ทนายรับรองเอกสาร (Notary Public) ข้อแนะนำการแปลและรับรองเอกสารเพื่อยื่นหน่วยงานราชการในหลายๆ ประเทศ โนตารี พับลิค คือทนายความชนิดพิเศษอย่างหนึ่งที่มีใบอนุญาต ในต่างประเทศหลายๆ ประเทศมักจะมีกฎหมายเฉพาะว่าด้วยโนตารี
ความจริงแล้วถ้านายธนาธรมั่นใจว่า การทำตราสารการโอนหุ้นเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2562 เป็นไปอย่างถูกต้อง ไม่มีการทำเอกสารย้อนหลังจนเกิดข้อบกพร่อง ก็ไม่เห็นว่านายธนาธรจะต้องดิ้นรนอะไร เพราะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1192 ตราสารการโอนหุ้นที่นายธนาธรนำมาแสดงนั้น เพียงแต่นำไปลงทะเบียนในสมุดทะเบียนของบริษัทก็ถือว่าเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว
แต่เมื่อนายธนาธรเขียนคำชี้แจงล่าสุด เมื่อคืนวันที่ 2 เมษายน 2562 ปรากฏว่ามีตัวละครใหม่ที่เพิ่งปรากฏขึ้นมาอีก 2 คนคือ คุณเอ (หลานชายคนที่ 1) และคุณบี (หลานชายคนที่ 2) ที่ได้รับโอนหุ้นต่อจากนางสมพร หลังจากที่ในการชี้แจงข้อมูลต่อสื่อมวลชนหลายครั้งก่อนหน้านี้ไม่เคยระบุถึง? นำมาซึ่งคำถามใหม่ตามมาอีกหลายประเด็น 1.คุณเอ และคุณบี ที่บอกว่าเป็นหลาน เป็นลูกใคร? ทำไมเมื่อนางสมพรได้รับการโอนหุ้นมาจากนายธนาธร ต้องโอนให้กับคุณเอ คุณบี (วันที่ 14 มกราคม 2562)
2.เมื่อโอนหุ้นให้คุณเอ คุณบีแล้ว ก่อนจะมีการแจ้งเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้นที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในวันที่ 21 มีนาคม 2562 ทำไมต้องให้คุณเอ คุณบีโอนหุ้นจำนวนดังกล่าวคืนให้แก่นางสมพรทั้งหมดอีกครั้ง ก่อนยื่นแจ้งเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้นในวันเดียวกัน
3.ในเมื่อนางสมพรต้องการแจ้งเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในนามตนเองอยู่แล้ว เมื่อได้รับโอนหุ้นมาจากนายธนาธรเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2562 ทำไมจึงไม่แจ้งชื่อตนเองเป็นผู้ถือหุ้นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเลย แต่กลับโอนไปให้คุณเอ คุณบีก่อน แล้วจึงโอนกลับมาให้ตนเองอีกครั้ง เท่ากับโอนหุ้นกลับไปกลับมาสองครั้ง เสียทั้งเวลา ยุ่งยากทั้งเรื่องเอกสาร และสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะค่าจ้างทนายความโนตารี หรือเป็นวิสัยของนักธุรกิจระดับหมื่นล้านที่คนทั่วไปยากจะเข้าใจ
4.การปรากฏตัวขึ้นของคุณเอ และคุณบี เกิดขึ้นหลังจากที่มีการนำเสนอข่าวว่า เลขหมายใบหุ้นนายธนาธรโอนให้แก่นางสมพรที่แจ้งต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ควรจะลงวันที่ 08/01/2562 (วันที่นายธนาธรแสดงตราสารการโอนหุ้น) ไม่ใช่วันที่ 21/03/2562 ตามเอกสารบัญชีผู้ถือหุ้นของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า เป็นการสร้างตัวละครรับช่วงการโอนหุ้นอีกทอดหนึ่งเพื่อทำให้วันที่ในการลงเลขหมายใบหุ้นของนางสมพรตรงกับที่แจ้งต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าหรือไม่ และที่สำคัญเพื่อให้ตัวเลขการเข้าประชุมวิสามัญของผู้ถือหุ้นตรงกับตัวเลข 10 คน?
5.ก่อนหน้านี้นายธนาธรเคยชี้แจงว่าจะปิดบริษัท วี-ลัค มีเดีย มาตั้งแต่ปลายปี 2561 แล้ว เมื่อนายธนาธรอ้างว่าได้โอนหุ้นทั้งหมดให้แก่นางสมพรเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2562 ยิ่งไม่มีเหตุผลใดๆ ที่นางสมพรจะโอนหุ้นดังกล่าวต่อให้หลานคุณเอ คุณบี ให้ถือครองเพียง 2 เดือน แล้วโอนกลับมาให้ตนเอง ดูเหมือนว่านายธนาธรยิ่งชี้แจงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เกิดคำถามที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |