3 เม.ย.62 - นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย โพสต์เฟซบุ๊ก โดยมีเนื้อหาดังนี้
ผม กับ “ฝรั่งเศส”
ก่อนอื่นขออนุญาตเล่าเรื่องส่วนตัวสักนิดนึง มันเป็นเรื่องความผูกพันส่วนตัวของผม ครอบครัวของผม กับประเทศฝรั่งเศส
ตัวผมเองได้ “ปฏิสนธิ” ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เนื่องจากตอนนั้นคุณพ่อผมได้ไปทำงานเป็นรองผู้ช่วยทูตทหารเรือประจำประเทศฝรั่งเศส ระหว่างปี 2499-2501 ครอบครัวเราซึ่งมีพ่อ แม่ และพี่ชายอีก 2 คน ต้องย้ายตามพ่อไปด้วย
ผมเป็นลูกหลง ห่างจากพี่ชายทั้งสองคนร่วม 10 ปี สถานที่ๆผมได้ “ปฏิสนธิ” ขึ้นมาคือ อพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่ง บนถนน Rue Henri Duchêne, Paris (ซึ่งผมเคยเล่าไปครั้งนึงเพื่อไว้อาลัยให้กับท่านทูตแสบ เมื่อเร็วๆนี้ว่า ผมได้พาพ่อแม่กลับไปที่กรุงปารีส และได้ท่านทูตแสบซึ่งเป็นเพื่อน นร.ตอ.รุ่นเดียวกัน ซึ่งตอนนั้นท่านทูตแสบกำลังทำปริญญาเอกทาง กม.ที่ฝรั่งเศส ไปช่วยผมสืบค้นจนเจออพาร์ทเมนท์ที่ครอบครัวเราเคยพำนักอาศัย)
เมื่อพ่อต้องย้ายกลับมาประเทศไทย พวกเราพี่น้องทั้ง 3 คน ต้องเข้าเรียนที่โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก เพราะเป็นโรงเรียนเดียวที่มีแผนกภาษาฝรั่งเศสแยกเฉพาะตั้งแต่ชั้น ป.มูล /ป.1 ถึง ม.ศ.3 หนังสือตำรับตำราเรียนเป็นภาษาฝรั่งเศสทั้งหมด
ภาษาฝรั่งเศสคือภาษาต่างชาติภาษาแรกที่ผมเรียน ผมได้เรียนภาษาอังกฤษครั้งแรก เมื่อขึ้น ป.5 !
ตอนเรียนที่อัสสัมชัญ บางรัก เวลาประกาศผลสอบทีนึง พวกเราต้องเล่น “ก็องแวร์ซาซิอ็อง” (Conversation) นั่นคือบทละครสั้นๆ ที่เป็นภาษาฝรั่งเศสทั้งหมด ต้องท่องบทกันเป็นนกแก้วนกขุนทอง ออกไปแสดงบนเวทีหอประชุม ให้บราเดอร์ มาสเซอร์ และเพื่อนนักเรียนทั้งหมดดู !
จบจาก ม.ศ.3 ที่อัสสัมชัญ ผมก็มาต่อที่เตรียมอุดม พญาไท ก็เรียนแผนกศิลป์ภาษาฝรั่งเศสอีก และที่เตรียมอุดมนี้เองที่ผมได้เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับท่านทูตวีรชัย พลาศรัย และภริยาท่าน (ลิซ)
จนปัจจุบันนี้ผมก็ยังร้องเพลงชาติฝรั่งเศส “La Marseillaise” ได้ไม่เคยลืม เพราะถูกบังคับให้ร้องตั้งแต่เรียนหนังสือที่อัสสัมชัญ
ผมยังชอบดูหนัง ฟังเพลงภาษาฝรั่งเศสเป็นประจำถ้ามีโอกาส เพราะชอบความเพราะในท่วงทำนอง และการออกเสียงของภาษาฝรั่งเศส
แต่ไม่ว่าผมจะมีความผูกพันกับประเทศฝรั่งเศสสักแค่ไหนก็ตาม สิ่งที่ผมรำลึกไว้เสมอ คือ พระราชดำรัสของในหลวง ร .5 ที่ทรงตักเตือนนักเรียนไทยในต่างประเทศว่า
“ให้พึงนึกในใจไว้ว่าเราไม่ได้มาเรียนจะเป็นฝรั่ง เราเรียนเพื่อจะเป็นคนไทยที่มีความรู้เสมอด้วยฝรั่ง”
และยิ่งเมื่อครั้งที่ผมต้องออกไปประจำการทำงานที่ลาว 6 ปีกว่า ทำให้ผมตระหนักและรับรู้ด้วยตาของผมเองว่า ฝรั่งเศส ได้กระทำการอันแสนเลวร้ายไว้กับประเทศไทยเราเพียงใด
ผมไม่ได้แอนตี้ฝรั่งเศส แต่ผมมีจิตตระหนักรับรู้ในใจตลอดเวลาว่า ฝรั่งเศสเคยทำอะไรไว้กับไทยเรา!!!
ผมเตือนใจผมตลอดเวลาว่าอย่าเห่อเหิมบ้าฝรั่งเศส หรือยึดตามฝรั่งเศสเสมอไป
ฝรั่งเศสก็คือชาติมหาอำนาจชาตินึงที่แสวงหาผลประโยชน์จากชาติอื่นที่เล็กกว่า ด้อยกว่าด้วยลัทธิจักรวรรดินิยมแบบเห็นแก่ตัว และไม่ได้เป็นตัวอย่างประชาธิปไตยใดๆที่ควรยึดถือปฏิบัติตามไปหมดทุกอย่าง ส่วนดีก็มี ส่วนไม่ดีก็เยอะ
สำหรับผมเวลาเห็นพวกนักวิชาการที่ชอบเห่อ หรือ ชอบอ้างฝรั่งเศส ผมรู้สึกเฉยๆ
ยิ่งถ้าพวกที่บ้าฝรั่งเศสสุดกู่ เอะอะอะไรก็อ้างทฤษฎีสมัยปฏิวัติฝรั่งเศส โดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่ฝรั่งเศสเคยทำอะไรกับเราไว้ในประวัติศาสตร์ ผมว่านักวิชาการแบบนี้ยังไม่เก่งจริง แถมน่ากลัวด้วยซ้ำ !!!!
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |