นายกฯ เผยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงกำชับเร่งแก้วิกฤติหมอกควันภาคเหนือโดยเร็ว รัฐบาลพร้อมหนุนเครื่องมือ-งบประมาณ ยกระดับเป็นวาระแห่งชาติ ขีดเส้น 7 วันแก้ไขให้ได้ สั่ง ผวจ.ใช้อำนาจเด็ดขาดตรวจสอบกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พบพื้นที่ไหนไม่แก้ไขลงโทษ-ปลดออก สั่งทำรายงานทุกวันเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายให้ทรงรับทราบ คมนาคมระบุหมอกควันทำเที่ยวบิน 20% ดีเลย์ นักท่องเที่ยวลดลง 15%
ช่วงเช้าวันพุธ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะ อาทิ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์, พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข, พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และ พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 1 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง ไปลงที่ท่าอากาศยานทหารกองบิน 41 จ.เชียงใหม่ เพื่อตรวจราชการและติดตามสถานการณ์การจัดการและแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ ที่กำลังมีปัญหาในขณะนี้
เมื่อเวลา 08.30 น. นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะเดินทางถึงมณฑลทหารบกที่ 33 ค่ายกาวิละ ต.วัดเกต อ.เมืองเชียงใหม่ เพื่อตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจแก่กำลังพลผู้ปฏิบัติหน้าที่ พร้อมมอบสิ่งของสนับสนุนการปฏิบัติงาน จากนั้นนายกฯ กล่าวว่า ไฟป่าที่เกิดที่ใดก็ตาม ขอให้รีบดับ อาจจะต้องใช้เฮลิคอปเตอร์ อากาศยานเข้ามาช่วย ซึ่งต้องใช้ให้เหมาะสม วันนี้ที่มาเพื่อให้เกิดการบูรณาการภาพกว้างมากยิ่งขึ้น ขอให้ทุกคนทุ่มเท เสียสละ ขอบคุณทุกๆ คนที่ทุ่มเทแก้ปัญหา
"สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นห่วงกำชับมาให้แก้ปัญหานี้โดยเร็วที่สุด เราต้องทำเพื่อถวายพระเกียรติ ซึ่งใกล้จะถึงงานพระราชพิธีสำคัญ ที่ใกล้จะมีพิธีตักน้ำพลีกรรม ขอให้ทุกคนทำงานเพื่อถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในงานพระราชพิธีด้วย ขอให้ทุกคนสู้ๆ โดยสู้กับความไม่ดี ความอันตรายต่างๆ ถ้าเราคนไทยไม่ช่วยกันใครจะช่วย ต้องช่วยกันแก้ปัญหาประเทศไทยในทุกเรื่อง ใครก็ตามที่บ่อนทำลายความสงบเรียบร้อย ฝ่าฝืนกฎหมาย ต้องถูกดำเนินคดีทุกอย่าง"
ต่อมาเวลา 09.15 น. ที่ห้องประชุมอาคารอเนกประสงค์ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ นายกฯ เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์ โดยก่อนการประชุม นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ที่มาต้องการจะรับฟังการแก้ปัญหาและอุปสรรคของการทำงานในช่วงที่ผ่านมา พร้อมขอทราบแนวทางการปฏิบัติทั้งหมด และจะกำชับในการปฏิบัติงานอีกครั้ง มีรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมติดตามสถานการณ์ ช่วยกันระดมสติปัญญาแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ครบทุกมิติ ซึ่งจะต้องแก้ปัญหานี้ให้ได้ภายใน 7 วันข้างหน้า ทั้งในป่าภูเขา พื้นที่การเกษตร และพื้นที่เขตเมือง หากมีปัญหาอุปสรรคใดๆ รัฐบาลพร้อมที่จะสนับสนุน และยืนยันว่าไม่มีปัญหาในเรื่องของงบประมาณที่จะลงมาในพื้นที่ เพื่อแก้ปัญหาได้ตามเป้าหมาย
จากนั้นนายกฯ ได้เปิดโอกาสให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานความคืบหน้าถึงสถานการณ์การแก้ไขปัญหา โดยนายกฯ กล่าวว่า ฝากภาคเอกชน นักวิชาการ รวมถึงครู อาจารย์ ช่วยกันสร้างจิตสำนึกให้กับประชาชน และนักเรียน นักศึกษา ช่วยกันระดมสร้างความดีให้กับประเทศชาติ การจัดกิจกรรมออกค่ายอาสาให้เห็นข้อปัญหาข้อเท็จจริง เพื่อขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ส่วนของหน่วยงานภาครัฐขอให้ทำงานแบบบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน นำปฏิบัติการถ้ำหลวงมาเป็นแบบอย่างการทำงานที่ดี ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจเด็ดขาดในการแก้ไขปัญหา ตรวจสอบการทำงานของกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ที่ยังเกิดปัญหา หากไม่แก้ไขให้ลงโทษ และปลดออกตามลำดับ รวมถึงให้ทำรายงานสรุปสถานการณ์ประจำวันให้เห็นถึงความเคลื่อนไหว เสนอตามสายงาน และส่งให้นายกฯ เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับทราบต่อไป
ขีดเส้น 7 วันแก้ให้เสร็จ
ส่วนการทำงานในพื้นที่ ขอให้ระดมเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน อาสาสมัครลงพื้นที่เข้าไปยังจุดฮอตสปอตแก้ไขปัญหาให้ทันท่วงที จัดเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนกันขยายพื้นที่ รวมถึงต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก ระมัดระวังไม่ให้เกิดความสูญเสีย ในระยะสั้นนายกฯ ได้กำชับจังหวัดและกองทัพในพื้นที่เพิ่มความถี่ฉีดพ่นละอองน้ำเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศ จัดพื้นที่เซฟตี้โซนสำหรับประชาชนกลุ่มเสี่ยงเพื่อใช้เป็นศูนย์พักพิงสำหรับประชาชน โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ เด็กและผู้สูงอายุ ให้มีการตรวจและการปราบปรามการลักลอบเผาป่าและจับกุมผู้กระทำความผิด บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด
ภายหลังการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ว่า การแก้ไขปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่แค่ 7 วันจะแก้เสร็จทั้งหมด เพราะมีหลายปัญหาทับซ้อนกัน แต่ตนได้สั่งการให้เห็นผล 7 วัน ในเรื่องการลดฮอตสปอตหรือจุดความร้อน เป็นการแก้ไขปัญหาระยะสั้นทันที เร่งด่วน อย่าใจร้อน แต่ในระยะยาวต้องมีการปลูกจิตสำนึก สร้างความจูงใจด้านเกษตรกรรม การปรับเปลี่ยนการปลูกพืช การปรับพฤติกรรมการกิน ทั้งหมดต้องใช้เวลา มีแผนแม่บท แผนยุทธศาสตร์ชาติ สิ่งที่ตนย้ำใน 7 วัน ต้องแก้ปัญหาจุดที่เผาไหม้ จึงแบ่งออกเป็น 3 พื้นที่คือ 1.พื้นที่เขตเมือง จะทำอย่างไรในเรื่องสุขภาพของประชาชน 2.พื้นที่ทำกิน ซึ่งมีทั้งพื้นที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมายที่มีการบุกรุก และ 3.พื้นที่ป่าภูเขา ซึ่งมีความสูงไม่เหมือนกับภาคอื่นๆ บางครั้งมีการเผาบนยอดเขา ขึ้นเครื่องบินเราเห็นหมด เราต้องแก้ด้วยจิตสำนึก ทุกคนจะต้องไม่เผาป่า ต้องเลิกพฤติกรรมเหล่านี้
"ผมโทษใครไม่ได้ ถ้ารัฐบาลจะใช้มาตรการเด็ดขาดก็ควบคุมประชาชนทั้งหมดห้ามเข้าป่าได้ไหมล่ะ วันนี้ก็มีมาตรการคนอยู่กับป่า ป่าชุมชนให้เข้าได้ แต่ไม่ใช่ไปเผาป่า ที่ผ่านมามีการจับผู้กระทำผิดแล้วก็ไม่เห็นหยุด แต่ท่านก็ต้องเห็นใจเขาบ้างเหมือนกัน เพราะท้ายที่สุดเขาก็บอกรังแกคนจน วันนี้ผมได้สั่งใช้กฎหมายเต็มที่แล้ว เดี๋ยวตำรวจก็จับหมด ในส่วนการปลูกข้าวโพดข้างบน ข้อมูลกระทรวงเกษตรฯ เขาคุมอยู่แล้ว ต่อไปนี้ต้องสำรวจ หากปลูกในพื้นที่บุกรุกเราจะไม่ซื้อ ปิดเส้นทางทั้งหมด เพราะฉะนั้นนายทุนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจะต้องมีการสืบสวนสอบสวนกันด้วย วันนี้ก็มีรายงานว่ามีการจุดธูปในป่าด้วย จุดเพื่อไหวหรือเพื่ออะไรก็ไม่รู้"
นายกฯ กล่าวอีกว่า วันนี้ได้กำหนดพื้นที่ชัดเจนขึ้น มีแผนงานในการปฏิบัติ มีการรวมศูนย์ มีการจัดพลเรือน ตำรวจ ทหาร อาสาสมัคร สุนัขตำรวจ ที่ต้องไปสืบสวนสอบสวน จับกุมดำเนินคดีผู้ที่ตักเตือนแล้วยังปฏิบัติอยู่ ตนได้เข้มงวดย้ำไปยังผู้ว่าฯ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. อบจ. ให้ช่วยกัน และขอขอบคุณชาวเชียงใหม่ ภาคเอกชนก็มีการสนับสนุนในการซื้อของดูแลเจ้าหน้าที่ ตนได้สั่งเครื่องมือขึ้นมาเพิ่มเติมอีก เป็นวาระแห่งชาติไปแล้ว มีการเอาเฮลิคอปเตอร์ขึ้นไปอีกหลายลำ เพื่อผลัดเปลี่ยนในการขนน้ำ การประกาศภัยพิบัติมันคนละเรื่องกัน เพราะนี่เป็นภัยพิบัติที่ประเมินยาก ส่วนเรื่องของงบประมาณเรามีความพร้อม ขอให้เสนอขึ้นมา มีงบประมาณของกระทรวงต่างๆ งบท้องถิ่น งบกลาง เงินสนับสนุนผู้ว่าฯ มีอยู่ทุกอัน ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว. มหาดไทย กล่าวว่า การแก้ปัญหาเร่งด่วนคือลดค่าฝุ่นละอองที่เกิดมาจากการเผาป่าทั้งในและนอกประเทศ จึงต้องป้องกันไม่ให้เกิดการเผาขึ้นอีก และรีบดับไฟที่มีอยู่ด้วยการบูรณาการทุกภาคส่วนโดยใช้กฎหมาย การป้องกันบรรเทาสาธารณภัยให้แต่ละพื้นที่ที่มีการเผา จัดตั้งศูนย์การแก้ปัญหาทั้งการป้องกันการเผาและดับไฟ แล้วรายงานมายังระดับจังหวัด สัปดาห์ที่ผ่านมาเรามีจุดฮอตปอต หรือจุดที่เกิดความร้อนกว่า 3 พันจุด ตอนนี้ลดเหลือพันกว่า โดยเราจะเร่งทำให้หมดไป ส่วนการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ขณะนี้มีการแจกหน้ากากอนามัยไปแล้วหลักแสนชิ้น โดยใช้งบประมาณของท้องถิ่น เพื่อให้ประชาชนมีเครื่องป้องกัน ท้องถิ่นมีงบที่ใช้ได้ในทันทีอยู่ อีกทั้งยังมีงบป้องกันของทางจังหวัด หากไม่เพียงพอสามารถของบฉุกเฉินได้ ส่วนในระยะยาวต้องทำความเข้าใจประชาชนไม่ให้เกิดการเผา
เที่ยวบินดีเลย์ 20%
พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. กล่าวว่า กองทัพภาคที่ 3 และกองทัพภาคที่ 2 ได้ระดมกำลังหลายพันนายร่วมกับหน่วยราชการอื่น และวันนี้นายกฯ ได้สั่งการให้กองทัพบกนำเฮลิคอปเตอร์ MI 17 จำนวน 4 ลำ และเครื่องบินของกองทัพอากาศ เร่งแก้ไขปัญหา ทุกครั้งบ้านเมืองเกิดภัยพิบัติ หรือเกิดเหตุการณ์ใดๆ คนไทย ข้าราชการ ทุกหน่วยได้มีการร่วมมือกันเพื่อช่วยเหลือประชาชน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีความห่วงใยในเรื่องการเกิดไฟป่าที่เผาไหม้ทุกปีมาเป็นเวลานาน และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ท่านก็ทรงห่วงเรื่องนี้ มีรับสั่งว่าทหารได้มีการฝึกฝนการผจญเพลิงในป่าหรือไม่ ซึ่งจะเห็นได้ว่าองค์พระมหากษัตริย์ไทยทรงพระปรีชาสามารถและคิดเรื่องนี้
"ขณะนี้กองทัพบกได้นำพระราชดำรัสและพระราชกระแสของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเทพฯ ขยายผล โดยติดต่อไปยังสถานทูตสหรัฐอเมริกาและสถานทูตออสเตรเลีย ที่มีหน่วยดับเพลิงในป่าโดยเฉพาะ ทั้งนี้ เพื่อเอามาปรับปรุง ส่งเจ้าหน้าที่ไปเรียน ไปอบรม ซึ่งทางสถานทูตสหรัฐอเมริกาและสถานทูตออสเตรเลียได้ให้ความร่วมมือและสนใจเป็นอย่างยิ่งที่จะส่งคนมาฝึกให้กับกำลังพล"
พล.อ.อภิรัชต์กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 1เม.ย. ตนได้พบกับ พล.ท.ฮุน มาเนต ผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา เราได้มีการหารือการดับไฟป่า การช่วยเหลือกันและกัน ร่วมมือกันในกลุ่มประเทศ เช่นเดียวกับประเทศเมียนมาซึ่งปัจจุบันขอเรียนว่ากองทัพบกยุคนี้เป็นยุคที่มีการพัฒนาปรับปรุงให้มีความทันสมัย ผู้บัญชาการทหารบกมีการสื่อสารทางแอปพลิเคชันไลน์ ทั้งลาวเมียนมา กัมพูชาและมาเลเซีย และมีการติดต่อกัน มีความรัก ความสามัคคี และมีสัมพันธ์อันดี ประเทศเพื่อนบ้านมีความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า สถานการณ์หมอกควันและค่าฝุ่นละอองเกินระดับมาตรฐานในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ 9 จังหวัดนั้นส่งผลกระทบอย่างมากต่อการเดินทางของประชาชนในพื้นที่ ตลอดจนด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ เพราะสนามบิน รวมถึงเที่ยวบินการเดินทางนั้น ได้รับกระทบไปด้วย โดยเฉพาะที่สนามบินเชียงใหม่ เชียงราย และแม่ฮ่องสอน ซึ่งข้อมูลตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ จนถึงวันที่ 2 เม.ย.62 เฉพาะสนามบินแม่ฮ่องสอน มีการแจ้งยกเลิกเที่ยวบินไปแล้วถึง 40 เที่ยวบิน จากทั้งหมด 400 เที่ยวบิน หรือคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 20% นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนเส้นทางการบินด้วย
ขณะที่นายสมนึก รงค์ทอง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) กล่าวว่า สนามบินแม่ฮ่องสอนนั้นพบปัญหาเที่ยวบินล่าช้าแทบจะทุกวัน และคาดว่าปัญหาดังกล่าวยังคงจะอยู่ต่อไปอีกสักระยะ ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของไฟป่าและกระแสลม ยังกระจายไปส่งผลกระทบถึงสนามบินและเที่ยวบินของประเทศเวียดนาม ในเมืองฮานอย ไม่สามารถลงจอดในสนามบินได้
ด้านนาวาอากาศโท สุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า เที่ยวบินจากสนาสบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมืองที่ทำการบินขึ้นสู่ภาคเหนือยังมีแนวโน้มลดลงจากปัญหาหมอกควันที่เกิดขึ้น เบื้องต้นประเมินว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปยังภาคเหนือโดยสารการบินอยู่ที่195,000 คน ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเทศกาลปีใหม่ที่นักท่องเที่ยวเดินทางไปภาคเหนือประมาณ 203,000 คน ในเดือนล่าสุดหรือเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวเดินทางไปภาคเหนือลดลงเหลือเพียง 170,000 คน หรือลดลง 15% เมื่อเทียบกับเมื่อช่วงต้นปี.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |