ตร.ยื่นฝากขังก๊วนล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ  ครั้งที่ 2 ไร้เงา "เปรมชัย" โผล่ "โฆษกศาลยุติธรรม" แจง "เจ้าสัว-พวก" เข้าข่ายลดเวลารายงานตัวของศาลทองผาภูมิ ไม่ต้องแสดงตัวครั้งที่ 2-4 ยันทุกคนได้สิทธิ์เหมือนกัน  "ศรีวราห์" มั่นใจมีหลักฐานเอาผิดได้ "พฐ." นำปืนไรเฟิล "บิ๊กอิตาเลียนไทย" ตรวจเทียบคดียิงช้างปี 57-58 "ชาวเลย" จี้ฟันรีสอร์ตตระกูลกรรณสูตรุกป่า
    เมื่อวันที่ 16 ก.พ. เวลา 09.00 น. ร.ต.อ.สุมิตร บุญยะนิจ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เจ้าของคดีล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จ.กาญจนบุรี ซึ่งมีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด(มหาชน) พร้อมพวกรวม 4 คน ตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกันล่าสัตว์ป่า และข้อหาอื่นๆ ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535, พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 และ พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490 เดินทางมาที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิ ยื่นขอฝากขังผู้ต้องหาทั้งหมดต่อศาลเป็นครั้งที่ 2 อย่างไรก็ดี ไม่พบว่ามีนายเปรมชัยและพวกหรือทนายความเดินทางไปที่ศาลด้วย
    ร.ต.อ.สุมิตรกล่าวว่า หลังจากที่พนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิได้ควบคุมตัวนายเปรมชัยและพวกรวม 4 คน ไปขอฝากขังต่อศาลจังหวัดทองผาภูมิเมื่อวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยศาลอนุญาตให้ประกันตัวในวงเงินคนละ 150,000 บาท และครบกำหนดฝากขัง 12 วันครั้งแรก ในวันที่ 18 ก.พ. แต่เนื่องจากเป็นวันอาทิตย์ จึงเลื่อนเป็นวันศุกร์ที่ 16 ก.พ. เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จเรียบร้อย เพราะต้องสอบพยานอีกหลายคน รวมทั้งต้องรอผลการตรวจพิสูจน์หลักฐานต่างๆ ทางพนักงานสอบสวนจึงต้องขออนุญาตฝากขังต่อศาลเป็นครั้งที่ 2อีก 12 วัน 
    "นายเปรมชัยและพวกไม่ต้องมาพบพนักงานสอบสวน เนื่องจากอยู่ในอำนาจความควบคุมของศาลตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ. ส่วนศาลจะเรียกให้มารายงานตัวหรือไม่ อยู่ในดุลยพินิจของศาล" ร.ต.อ.สุมิตรกล่าว
    นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม ได้อธิบายขั้นตอนการรายงานตัวของผู้ต้องหาในชั้นฝากขัง กรณีของนายเปรมชัยและพวกที่ครบกำหนดฝากขังครั้งที่ 1 ว่า คดีนี้พนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิมีสิทธิยื่นคำร้องฝากขังตามกฎหมายได้ 7 ครั้ง รวม 84 วัน เพราะบางข้อหามีโทษจำคุกอย่างสูงถึง 10 ปี 
    "ก่อนหน้านี้เมื่อศาลจังหวัดทองผาภูมิอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 4 คนแล้ว ก็ได้กำหนดนัดให้นายประกันส่งตัวผู้ต้องหาทั้งหมด รายงานตัวต่อศาลในวันที่ 26 มี.ค.นี้ เวลา 09.00 น. ตามสัญญาประกัน โดย
ที่ศาลไม่ได้กำหนดนัดให้ผู้ต้องหามารายงานตัวเมื่อครบฝากขังครั้งแรกนั้น ก็เป็นไปตามโครงการลดระยะเวลาในการมารายงานตัวชั้นสอบสวน ซึ่งศาลจังหวัดทองผาภูมิได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค.2556 แล้ว" นายสุริยัณห์กล่าว
      โฆษกศาลยุติธรรมกล่าวว่า โครงการลดระยะเวลาในการมารายงานตัวชั้นสอบสวน ศาลจังหวัดทองผาภูมิได้เริ่มมาจากแผนยุทธศาสตร์ศาลยุติธรรม ปี 2553-2556 ยุทธศาสตร์ที่ 4 ด้านการพัฒนาศักยภาพอำนวยความสะดวกและการบริการให้กับประชาชนที่มาติดต่อราชการศาล โดยศาลจังหวัดทองผาภูมิมีเหตุผลว่า อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ถือว่าเป็นเมืองท่องเที่ยว ผู้ต้องหาที่มากระทำผิดในเขตอำนาจศาลจังหวัดทองผาภูมิก็ไม่ได้มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ หากต้องมาศาลเพื่อรายงานตัวทุกครั้งที่ครบกำหนด ทำให้เสียเวลาและขาดรายได้ ดังนั้นเพื่อเป็นประโยชน์ของผู้ต้องหาที่ไม่ต้องเสียเวลา ลดภาระในเรื่องเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ที่ไม่ต้องหยุดงานทุก 12 วัน ศาลจังหวัดทองผาภูมิจึงได้ดำเนินการโครงการนี้ขึ้นมา และปฏิบัติกับผู้ต้องหาทุกคนอย่างเท่าเทียมกันมาโดยตลอด 
'เจ้าสัว'ยังไม่ต้องมาศาล
    นายสุริยัณห์กล่าวว่า โครงการนี้กำหนดนัดส่งตัวผู้ต้องหาให้มารายงานตัวกับศาลจังหวัดทองผาภูมิไว้ในวันที่ยื่นฝากขังครั้งแรก ตัวผู้ต้องหาต้องมาศาลพร้อมกับพนักงานสอบสวนที่มายื่นคำร้องฝากขัง แล้วเมื่อยื่นฝากขังครั้งที่ 2, 3, 4 ครั้งละ 12 วัน ผู้ต้องหายังไม่ต้องเดินทางมาศาล แต่ให้ผู้ต้องหาเดินทางมาศาลโดยนายประกันเป็นผู้นำตัวมาส่ง ในวันที่ 49 นับแต่วันฝากขังครั้งแรก 
     โฆษกศาลยุติธรรมกล่าวว่า หลังจากนั้นเมื่อเข้าสู่การฝากขังครั้งที่ 5, 6, 7 แล้ว ผู้ต้องหาต้องมารายงานตัวต่อศาลจังหวัดทองผาภูมิทุกครั้ง โดยระหว่างการฝากขัง 3 ครั้งสุดท้ายนี้ ให้มารายงานตัววันรุ่งขึ้นถัดจากวันที่ครบฝากขังนั้น กล่าวคือ หากฝากขังครั้งที่ 5 ครบกำหนดที่ 60 วัน ก็ต้องมารายงานตัวในวันที่ 61, ครั้งที่ 6 มารายงานตัววันที่ 73 และครั้งที่ 7 มารายงานตัววันที่ 85 เป็นต้น ซึ่งหากวันที่ต้องรายงานตัวนั้นตรงกับวันหยุดราชการ ก็ให้ผู้ต้องหามารายงานตัวในวันรุ่งขึ้น ทั้งนี้ระยะเวลาอาจเป็นไปตามดุลพินิจที่ศาลจะกำหนดตามกรอบของกฎหมายด้วย 
    "ถ้าระหว่างนั้นหากกระบวนการสอบสวนของตำรวจและการพิจารณาสั่งฟ้องของพนักงานอัยการเสร็จสิ้นเมื่อใด ก็สามารถแจ้งผู้ต้องหาและนายประกันทราบ พร้อมกับนำตัวมาฟ้องต่อศาลจังหวัดทองผาภูมิได้ก่อนวันนัดรายงานตัว โดยไม่ต้องรอให้ครบวันตามที่กฎหมายกำหนดสูงสุดไว้ ทั้งนี้ ในการรายงานตัวหากผู้ต้องหาและนายประกันไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด ก็ถือว่าผิดสัญญาประกัน ศาลก็จะพิจารณาสั่งเรื่องการปล่อยชั่วคราวต่อไป โดยสั่งถอนประกันตัวและปรับนายประกันได้ตามสัญญา" โฆษกศาลยุติธรรมกล่าว
    ที่ สภ.ทองผาภูมิ ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีนายเปรมชัยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกล่องโฟมบรรจุซากสัตว์ป่าของกลางทั้งหมด รวมทั้งของกลางที่พบใหม่ ประกอบด้วย ซากกระดูกขาหลังเสือดำ 2 ท่อน และไส้เสือดำจำนวนหนึ่ง ขึ้นรถของ สภ.ทองผาภูมิเพื่อนำไปส่งให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กรมอุทยานฯ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บอกว่าที่กรมอุทยานฯ ได้ตั้งเป็นศูนย์บัญชาการเกี่ยวกับเรื่องตรวจสอบซากในคดีเสือดำนี้โดยเฉพาะ
    "ซากกระดูกขาหลังเสือดำ 2 ชิ้น และไส้เสือดำจำนวนหนึ่ง พบล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ก.พ. ซึ่งนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าชุดเฉพาะกิจพญาเสือ ได้ให้เจ้าหน้าที่ลงงมในลำห้วยปะชิ โดยริมลำห้วยเป็นแคมป์ที่พักของนายเปรมชัยและพวก" ตำรวจรายนี้ระบุ
    ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีนายเปรมชัยครอบครองที่ดิน อ.ภูเรือ จ.เลย ว่าขณะนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดเลยและกรมป่าไม้กำลังดำเนินการเรื่องฝาย การเปลี่ยนทางเดินน้ำ และการปิดกั้นทางสาธารณะ ต้องรอผลอีกประมาณ 7 วัน ถึงจะสรุปได้ เพิ่มเติมจากการครอบครองที่ดิน 6,000 ไร่ ที่มีการร้องทุกข์เรื่องบุกรุกป่า ยึดถือครอบครองป่าตาม ม.54 ทำให้เสื่อมสภาพที่กรวดที่ดินที่หินที่ทรายตาม ม.9 และการทำลายสิ่งแวดล้อมตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมสิ่งแวดล้อม ม.97 ความผิดนี้เกิดมาตั้งแต่ปี 33 บุกรุกออกเอกสารสิทธิทับป่า สมัยพ่อของนายเปรมชัย โดยมีนายอำเภอเป็นคนออกเอกสารให้ และถูกดำเนินคดีไปแล้ว สู้กันจนศาลฎีกาตัดสินว่าผิด
    พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวถึงการตรวจสอบของกลางที่เกี่ยวข้องกับคดีล่าสัตว์ป่าของนายเปรมชัยว่า ทางพล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) ได้รายงานมาแล้ว รถยนต์คันที่กลุ่มนายเปรมชัยนำเข้าไปล่าสัตว์ ตัวรถไม่มีเขม่าปืน อาวุธที่ใช้เป็นลูกซองยิงเข้าส่วนสำคัญ คือ หัวของเสือดำ พยานหลักฐานสอดคล้องกัน
นำไรเฟิลเทียบคดียิงช้าง
    "ผู้การ พฐ.ยังรายงานมาอีกถึงปืนที่ยึดได้จากบ้านนายเปรมชัย 43 กระบอก กำลังตรวจเปรียบกับลูกกระสุนปืนไรเฟิลที่ยิงช้างที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อหลายปีก่อนด้วย" รอง ผบ.ตร.กล่าว
    ด้าน พล.ต.ต.ธวัชชัยกล่าวว่า ปืนที่ยึดมาทั้งหมดจะนำไปเปรียบเทียบกับคดีที่คนร้ายใช้อาวุธปืนไรเฟิลยิงช้างที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรีประมาณปี 57-58 หลังได้รับการประสานจากศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 7 ว่าจะขอเอาลูกกระสุนและปืนจากบ้านนายเปรมชัยไปตรวจสอบ เพราะลูกกระสุนในตัวช้างเราได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนที่จะเปรียบเทียบกับปืนของนายเปรียมชัย คือเป็นอาวุธปืนขนาดเดียวกัน ถ้าตรวจแล้วตรงกันก็จะเกิดประโยชน์ในการเชื่อมโยง 
    "ตอนนี้เป็นเรื่องข้อสงสัยให้เจ้าหน้าที่ พฐ.ตรวจพิสูจน์ ถ้าใช่ก็ว่าอีกเรื่อง ถ้าไม่ใช่ก็อาจเป็นไปได้ว่าปืนขนาดเดียวกันมีเยอะ ไม่ใช่มีแค่กระบอกนี้กระบอกเดียว แต่เราไม่ได้มีข้อมูลว่านายเปรมชัยเข้าป่าในเวลาดังกล่าว เพียงแต่พบว่ามีช้างตายในป่า มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืน จึงเก็บหลักฐานที่ตัวเองเป็นลูกกระสุนปืนไรเฟิลไว้เป็นหลักฐาน ถ้ามีปืนในลักษณะเดียวกันจึงจะนำไปตรวจเปรียบเทียบ เพราะเจ้าหน้าที่สืบสวนเรื่องการเสียชีวิตของช้างตัวดังกล่าวยังตามเรื่องนี้อยู่" พล.ต.ต.ธวัชชัยกล่าว
    ผบก.พฐก.กล่าวว่า ในส่วนการตรวจสอบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนที่ใช้ยิงเสือดำของกลุ่มนายเปรมชัย พบลูกตะกั่วกระสุนปลายของปืนลูกซอง ขนาดเอสเอสจี นอกจากนั้นยังพบลูกปืนลูกซองขนาด 20 และปลอกกระสุน 1 ปลอก ซึ่งการพบเป็นเจ้าหน้าที่อุทยานฯ รวบรวมปืนที่ตรวจยึด 3 กระบอก ก็มีขนาด 20 ด้วย
    "การเชื่อมโยงถึงตัวผู้ยิงต้องดูพยานหลักฐานอื่นให้ครบถ้วน อยู่ระหว่างดำเนินการ เนื่องจากของกลางค่อนข้างเยอะ ส่วนจะเป็นใครยิง ยังบอกไม่ได้ บอกได้แต่ว่าปืนกระบอกไหนยิง เพราะปืนใครไปหยิบก็ยิงได้ อย่างไรก็ตาม ปืนทั้งหมดสามารถระบุได้ว่าเป็นของใคร" ผบก.พฐก.กล่าว
    อย่างไรก็ดี พล.ต.อ.ศรีวราห์เสริมว่า อัตราโทษระหว่างผู้ยิงและผู้ร่วมในเหตุการณ์ล่าสัตว์ป่านั้น กฎหมายบอกแค่เอาปืนเข้าไปก็มีความผิด ไม่ต้องบอกว่าใครยิง ผิดแน่ๆ ทั้งหมด คือร่วมกัน กฎกระทรวงเข้าไปเพื่อล่าก็ผิดแล้ว 
    "ยืนยันอัยการฟ้องแน่นอน กระบวนการนี้ใกล้เสร็จแล้วถ้าผลนิติวิทยาศาสตร์ออก ทั้งเรื่องของดีเอ็นเอ เขม่าปืน ผลตรวจซากสัตว์ ส่วนนายนพดล พฤกษะวัน อดีตข้าราชการกรมอุทยานฯ และที่ปรึกษาบริษัท จะมีส่วนรู้เห็นในการล่าสัตว์หรือไม่ตอบไม่ได้ แต่ได้มีการร้องทุกข์ไปที่ ปปป.ตร.แล้ว จะสอบสวนไปถึงแค่ไหนต้องรอฟังเขาอีกครั้ง รวมทั้งเรื่องการติดสินบนด้วย" พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าว
       วันเดียวกัน ตั้งแต่ช่วงเช้า บริเวณด้านหน้าศาลากลาง จ.เลย กลุ่มรักษ์เมืองเลย นำโดยนายคุ้มพงษ์ ภูมิภูเขียว เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ และเรียกร้องให้เปิดโอกาสภาคประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการร่วมตรวจสอบแก้ปัญหานายทุนบุกรุกป่า
    นายคุ้มพงษ์กล่าวว่า กลุ่มรักษ์เมืองเลยขอเรียกร้องให้ภาครัฐเร่งแก้ไขปัญหาการบุกรุกผืนป่าของภูเรือวโนทยานอย่างจริงจัง ทั้งการตรวจสอบข้อเท็จจริงและเปิดเผยผลการตรวจสอบโดยเร่งด่วน ตั้งกรรมการตรวจสอบบุคคลและหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาที่ยืดเยื้อยาวนานผิดปกติส่อไปในทางช่วยเหลือตระกูลกรรณสูต และต้องให้เหตุผลอย่างชัดเจนว่าพื้นที่ถูกเพิกถอนแล้ว ทำไมผู้ถูกเพิกถอนยังอยู่ได้ อยู่ดี อยู่ในฐานะใด รวมทั้งหากพบเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาด ส่อทุจริตช่วยเหลือผู้ถูกเพิกถอน ต้องลงโทษทั้งทางวินัยและอาญาเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง
    ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปรับกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองสัตว์ป่าให้มีโทษเพิ่มขึ้นว่า กฎหมายดังกล่าวมีการปรับแก้ในช่วงที่ คสช.เข้ามา แต่อาจจะยังไม่ได้เพิ่มโทษ เพราะถือว่ากำหนดโทษไว้พอสมควรแล้ว โดยกำหนดโทษขั้นต่ำและขั้นสูงสุดเอาไว้ ผู้ที่กระทำผิดกฎหมายเข้าป่าล่าสัตว์ส่วนใหญ่จะกระทำผิดหลายกระทง เมื่อรวมโทษทั้งหมดถือว่าโดนโทษหนัก หากตั้งหลักให้ความผิดใดความผิดหนึ่งมากเกินไปอาจจะพลาดในคดีอื่นได้.