ยิ่งถ้าหากหา สูตรจัดตั้งรัฐบาล กันไม่เจอ...ก็ยิ่งเท่ากับเป็นการสนับสนุนให้ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ท่านสามารถ สืบทอดอำนาจ ยาวไกลยิ่งขึ้นไปเท่านั้น แถมยังเป็นอำนาจแบบพกกระบอง พก มาตราฉี่ฉิบฉี่ ติดไม้ ติดมือ เหน็บสะเอว เอาไว้อีกต่างหาก ชนิดใครก็ตามที่ยังชอบมั่วๆ อยู่กับเครื่องคิดเลข กับคณิตศาสตร์ทางการเมือง อาจต้องเบื่อๆ เอียนๆ กันไปข้าง...

----------------------------------------------

โดยเฉพาะคณิตศาสตร์ของพรรคที่ว่ากันว่า ได้จำนวน ส.ส.เขตมาเป็นอันดับหนึ่ง อย่างพรรคเผาไทย ที่พยายามลากใครต่อใครมาบวกๆ คูณๆ ถอดรูท ถอดสมการ จนได้ตัวเลข ส.ส. 255 เสียงอยู่ในมือตั้งแต่ไก่ยังไม่ทันโห่ แต่ในเมื่อลำดับแรกที่จะต้องไปเลือกผู้ที่จะมาเป็นหัวหน้าคณะรัฐบาล หรือนายกรัฐมนตรี ภายใน สองสภาฯ ไม่ใช่สภาฯ ส.ส.แต่เพียงอย่างเดียว ปัญหาก็มีอยู่ว่า...แล้วจะไปหาเสียงเพิ่มเติมอีกจำนวนถึง 121 เสียง มาจากแห่งหน ตำบลใด??? ถึงจะได้ครบ 376 เสียง หรือเกินครึ่งหนึ่งของทั้งสองสภาฯ ในเมื่อรายชื่อวุฒิสมาชิกทั้ง 250 พระหน่อนั้น ต่างอยู่ในกระเป๋าเอกสารของ บิ๊กป้อม ท่านมาตั้งแต่แรก...

-------------------------------------------------

จะไป ปิดสวิตช์ ส.ว. ด้วยการยืนหยัด ยืนกราน จับใครต่อใครมาเซ็นสัญญา สัตยาบัน เซ็นใบลาออกล่วงหน้า หรือจับไปสาบง สาบาน ต่อหน้าวัดพระแก้วก็แล้วแต่ เพื่อให้จำนวนเสียง ส.ส.ยังอยู่ครบ 251 เสียงขึ้นไป สุดท้าย...คงหนีไม่พ้นต้องถูกไฟชอร์ตเข้าจนได้ เพราะถ้ายังไม่เกิดการจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมาซะอย่าง ก็ รัฐบาลบิ๊กตู่ อีกนั่นแหละ ที่จะต้องทำหน้าที่รักษาการ จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ปรากฏขึ้นมาอย่างเป็นตัว เป็นตน แถมยังรักษาการในแบบสามารถพกมาตราฉี่ฉิบฉี่เหน็บสะเอวเอาไว้ได้ด้วย อันอาจส่งผลให้บรรดาผู้ที่รวมหัว รวมตัว อยู่ในจำนวน 251 ส.ส.เองนั่นแหละ ที่อาจต้องถูก ไฟชอร์ต กันไปเป็นรายๆ...

----------------------------------------------------

ยิ่งถ้าหากไปทำตามแรงยุ แรงเชียร์ ของพวกเด็กๆ หรือพวก ประชาธิปไตยนอกสภาฯ ที่กำลังเริ่มออกเดินถนนบ้างแล้วในทุกวันนี้ ด้วยการล่าชื่อ ถอดถอน กกต. ให้หลุดจากตำแหน่ง หน้าที่ ไปทั้งกะบิ อันนี้...ก็ยิ่งเข้าทางเท้า ทางตีน เข้าทางท็อปบู๊ตทมิฬ ของนายกฯ บิ๊กตู่ ท่านยิ่งขึ้นไปใหญ่ เพราะอย่างที่คุณพี่ ไพรสันต์ พรหมน้อย แห่ง Apacnews ท่านตั้งคำถามเอาไว้ในเฟซบุ๊กของอาจารย์ ปราโมทย์ นาครทรรพ นั่นแหละว่า แล้วคราวนี้...จะไปหา “กกต.” รายไหน หน้าไหน มาเป็นผู้ประกาศรับรอง ผลการเลือกตั้ง ในวันที่ 24 มีนาคม อย่างเป็นทางการ อย่างที่มีผลตามกฎหมาย ได้แบบจริงๆ จังๆ...

----------------------------------------------------

ถึงจะคิดไปคัดสรร สรรหา กกต.รายใหม่ ขึ้นมารองรับกันแทนที่...แต่กว่าจะคัด กว่าจะสรร เผลอๆ อาจปาเข้าไปเป็นปีๆ เอาเลยก็ไม่แน่ แถมเมื่อคัดมาแล้ว สรรมาแล้ว แต่จะไปหา สภาฯ ที่ไหน มาเป็นผู้ รับรอง สถานะของ กกต.รายใหม่ ก๊วนใหม่ ในเมื่อสภาฯ มันยังไม่ได้ปรากฏตัวตนขึ้นมาเอาเลยแม้แต่น้อย หรือจะไปลากเอา สภา สนช. ที่ต่างกลับบ้านไปเลี้ยงหลานกันหมดแล้ว ให้มาให้การรับรอง กกต. กันโดยเฉพาะ อันนี้...ก็ยิ่ง บ้า เข้าไปใหญ่ ดังนั้น...การเดินหน้าไล่บด ไล่บี้ ไล่ถอดถอน กกต. ของพวกเด็กๆ เขา จึงแทบไม่ต่างไปจากการอาสาเป็น แนวร่วมมุมกลับ ของ บิ๊กตู่ คือกลายเป็นการเปิดไฟเขียว เป็นการออกใบอนุญาต ให้ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ท่านสามารถ สืบทอดอำนาจ ต่อไปได้เรื่อยๆ นั่นเอง...

-----------------------------------------------------

สรุปรวมความแล้ว...ถ้ายังมัวแต่ดื้อๆ ดึงๆ ดันๆ แยกข้าง-แยกฝ่าย แบ่งเป็นฝ่ายประชาธิปไตย-ฝ่ายเผด็จการ ฝ่ายเด็ก-ฝ่ายผู้ใหญ่ ฝ่ายค้านอิสระ-ไม่อิสระ หรือฝ่ายอะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ ที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันโดยสันติได้เลย สุดท้าย...ก็ย่อมหนีไม่พ้นต้อง เสร็จบิ๊กตู่ ไปด้วยกันทุกฝ่าย และทุกรายนั่นแล เพราะโดยกฎ กติกา โดยกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ก็เป็นที่รู้ๆ กันอยู่แล้วว่า ได้ถูกออกแบบ ดีไซน์ ให้ต้องหาทาง จัดสรรปันส่วนผสม กันให้จงได้ และถ้าหากยังจัดกันไม่ได้ จัดกันไม่ลงตัว ไม่ว่าด้วยเหตุผลกลใดก็ตามที ผู้ที่ต้องรับหน้าที่สืบทอดอำนาจไปตามตัวบท กฎหมาย อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ ก็ย่อมต้องเป็น รัฐบาลบิ๊กตู่ ผู้นี้นี่เอง...

---------------------------------------------------------

ดังนั้น...สุดท้ายของสุดท้าย ก็น่าจะเลิกดื้อ เลิกดึง เลิกดัน กันได้แล้ว หันมาหาอะไรที่มันพอจะช่วยให้เกิด จุดลงตัว กันได้มั่ง เปลี่ยนจากการแยกขั้ว แยกฝ่าย แยกประชาธิปไตย-เผด็จการ ที่ต่างก็มาจาก หีบเลือกตั้งใบเดียวกัน ไปด้วยกันทั้งสิ้น แล้วลอง เดินมาพบกันครึ่งทาง อันนี้นี่แหละ...ที่น่าจะ เข้าท่า กว่ากันเป็นไหนๆ ส่วนอะไรก็ตามที่มันอาจผิดๆ พลั้งๆ ไปบ้าง ด้วยเหตุเพราะความเป็น มือใหม่-หัดขับ ของ กกต.ท่าน ก็ค่อยๆ แก้ ค่อยๆ สางกันไปทีละเปลาะ อย่าถึงกับต้องหยิบเอามาเป็นเงื่อนไข-ปัจจัย อันจะนำไปสู่ฉากสถานการณ์ที่มีแต่จะไม่เอื้ออำนวยต่อความเป็นประชาธิปไตยใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าฉากสถานการณ์ที่จะกลายเป็นตัวบังคับให้ ลุงต่อ ท่านต้องอยู่ยาวว์ว์ว์ไปโดยไม่มีกำหนด หรือฉากสถานการณ์ที่ความเป็นประชาธิปไตยถูกแปลงสภาพให้กลายเป็น อนาธิปไตย เอาดื้อๆ!!!

---------------------------------------------------------

ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้...จาก Charles Yost (อีกครั้งๆๆๆๆ...และอีกครั้ง) “Democracy is not a matter of sentiment, but of fore-sight. Any system that does not take the long run into account will burn itself out in the short run. -ประชาธิปไตยไม่ใช่เรื่องของอารมณ์ แต่เป็นเรื่องของการมองการณ์ไกล ระบบอะไรก็ตามที่ไม่คำนึงถึงการณ์ไกล ย่อมต้องเผาไหม้ตนเองมอดไปในระยะอันใกล้...”

--------------------------------------------------------