ลั่นมิ.ย.!รู้เลือกตั้งเมื่อใด


เพิ่มเพื่อน    

    นายกฯ โวภาพลักษณ์ของไทยได้รับการยอมรับจากประเทศ ปชต.ทั่วโลกมากขึ้น เข้าใจ รบ.เดินหน้าสู่ปฏิรูปอย่างจริงจัง “วิษณุ” แจงเดือน มิ.ย.61 มีความชัดเจนจัดเลือกตั้งได้เมื่อไหร่ หลังกฎหมายลูกทุกฉบับประกาศใช้ “หมอเจตน์” ยันไม่มีใบสั่ง สนช.คว่ำ กม.เลือกตั้ง 2 ฉบับ เชื่อผ่านไปได้ด้วยดี ขณะที่ "มาร์ค” ไม่เชื่อเลือกตั้ง ก.พ.62 ชี้ คสช.สั่ง กม.ลูกได้ ด้านกลุ่มวีวอล์กเดินทางถึงเทศบาลเมืองขอนแก่นแล้ว จนท.อำนวยความสะดวกตามคำสั่งศาล ปค.
    เมื่อวันศุกร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ  (คสช.) กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ตอนหนึ่งว่า การเดินทางมาเยือนไทยของรัฐมนตรีต่างประเทศยุโรปถึง 3 ประเทศในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน นอกจากจะสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างกันที่มีมายาวนานแล้ว ก็ยังมีนัยสำคัญต่อการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป (อียู) หลังจากที่อียูได้ปรับข้อมติเกี่ยวกับการดำเนินความสัมพันธ์กับไทยไปเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2560 และสะท้อนให้เห็นว่าข้อมติดังกล่าวถูกนำไปปฏิบัติอย่างจริงจัง 
    "รวมถึงภาพลักษณ์ของประเทศไทยของเราในสายตาประชาคมโลก ก็ได้รับการยอมรับมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเทศประชาธิปไตยต่างๆ ที่สำคัญๆ ของโลกได้เข้าใจ และเห็นความจริงใจของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาและเดินหน้าสู่การปฏิรูปประเทศอย่างจริงจังด้วย เพื่อผลประโยชน์ของประเทศไทยและมิตรประเทศอื่นๆ อีกด้วย" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
    นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ระบุว่าการเลือกตั้งอาจจะลากยาวไปจนถึงเดือน มี.ค.62 ว่า หากพูดถึงโรดแมปคนทั่วไปจะคิดได้อย่างเดียวกันว่าจะเกิดอะไร เมื่อไร ทุกอย่างมีวันเวลาล็อกอยู่ ตนไม่อยากจะระบุว่าเป็นวันอะไร เพราะความชัดเจนจะเกิดในเดือน มิ.ย.61 ที่คาดว่ากฎหมายลูกทั้งหมดจะประกาศใช้ โดยคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 53/2560 ระบุไว้ว่า ให้เชิญคนที่เกี่ยวข้องมาประชุมหารือกัน ทุกอย่างจึงจะปรากฏชัดในวันนั้น
    ผู้สื่อข่าวถามว่า หากกฎหมายลูกถูกคว่ำในชั้นคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วม หน่วยงานใดจะร่างกฎหมายลูกฉบับใหม่ นายวิษณุกล่าวว่า ใครก็ได้ เพราะไม่มีการเขียนล็อกเอาไว้ว่าเป็นหน้าที่ของใคร ตั้งขึ้นมาใหม่ก็ได้ หรือให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ชุดเดิมทำหน้าที่ก็ได้ ถ้าจะให้ง่ายก็ให้ กรธ.ทำหน้าที่ เพราะเขาบอกว่าทำ 2 วันก็เสร็จ
    ด้าน นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการตั้ง กมธ.ร่วม 3 ฝ่าย มาพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ว่าการทำงานจะเริ่มในสัปดาห์หน้า โดยมีเวลาทำงาน 15 วัน ซึ่งได้พูดคุยกันเบื้องต้นว่า กมธ.ร่วม 3 ฝ่ายจะพิจารณาอยู่ในหลักที่เคยแสดงจุดยืนมาก่อน เท่าที่ฟังและจะถกกันหนักๆ อาทิ ในกฎหมายลูก ส.ว.ที่ กรธ.ไม่เอาด้วย เพราะเห็นว่าไม่ตรงตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ เรื่องการหั่นจำนวนกลุ่มอาชีพจาก 20 เหลือ 10 กลุ่ม การปรับแก้ไขประเด็นเลือกไขว้ผู้สมัคร รวมถึงการปรับให้มีทั้งการสมัครแบบอิสระกับการสมัครแบบเลือกตรง ส่วนกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.มีแค่ประเด็นมหรสพเรื่องเดียวน่าจะพอไปได้ 
    "ดังนั้นการที่ฝ่ายการเมืองบอกว่าเราพยายามทำให้วุ่นวายจนนำไปสู่การคว่ำกฎหมายลูกนั้น ไม่จริง เราปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญทุกอย่าง ไม่ได้มีใบสั่ง และไม่ได้รอสัญญาณคว่ำกฎหมายลูกจากใครด้วย การพูดดังกล่าวถือเป็นการเมืองโดยไม่ฟังเหตุฟังผล ทีเรื่องขยายเวลาประกาศใช้กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ออกไป 90 วัน ไม่เห็นมีฝ่ายการเมืองออกมาโวยวายเลย เพราะเขารู้ว่าเขาได้ประโยชน์ ถ้าใช้เงื่อนเวลาเดิม เขาจะทำขั้นตอนไพรมารีไม่ทันแน่ เชื่อในวินาทีนี้ว่าหลังจาก กมธ.ร่วม 3 ฝ่ายพิจารณาแล้วส่งเข้าสภาใหญ่ น่าจะผ่านไปได้ด้วยดี และราบรื่น และจะเป็นตัวแปรทำให้โรดแมปขยับเดินหน้าไปอีกขั้นหนึ่ง วันเลือกตั้งก็จะชัดเจนขึ้นไปด้วย" นพ.เจตน์กล่าว
ไม่เชื่อเลือกตั้ง กพ.62
    นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายพรเพชร วิชิตชลชัย ระบุถึงการขยายเวลาบังคับใช้ร่าง พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส.ออกไป 90 วัน หากไม่มีความจำเป็นพรรคการเมืองก็สามารถร้องต่อกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของข้อกฎหมายที่ สนช.และ กรธ.ในฐานะผู้ร่างกฎหมายต้องพิจารณาในชั้น กมธ.ร่วม 3 ฝ่าย ขณะเดียวกันการเพิ่มภาระขั้นตอนในเรื่องการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับสมาชิกพรรค ก็ถือเป็นการละเมิดสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ส่วนตัวก็ไม่เชื่อว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 เพราะแม้แต่นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีก็ไม่อาจตอบได้ว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อใด ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่เป็นผลดีเช่นกันในสายตาสังคมโลก เพราะเป็นการเลื่อนที่ไม่มีเหตุอันสมควร
    ส่วนการตั้ง กมธ.ร่วม 3 ฝ่ายเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ส. และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ซึ่งในส่วนของความเห็นแย้งจะนำไปสู่การคว่ำร่างกฎหมายได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การที่กฎหมายลูกถูกคว่ำหรือไม่ ขึ้นอยู่ที่ คสช.เป็นหลัก เพราะที่ผ่านมาแม้ สนช.จะได้แก้ไขกฎหมาย แต่ คสช.ก็มักใช้อำนาจตามมาตรา 44 เปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง อีกทั้งที่ผ่านมา สนช.ก็ฟังคำสั่ง คสช.มาโดยตลอดด้วย
    นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่ากังวลว่าร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับอาจถูกคว่ำได้ เพราะมีความเห็นไม่ตรงกัน หากที่ประชุมร่วมหาข้อตกลงกันไม่ได้ และหากกฎหมายถูกคว่ำ จะทำให้ต้องยกร่างใหม่ และระยะเวลาการบังคับใช้กฎหมายทั้ง 2 ฉบับจะต้องเลื่อนออกไป เชื่อว่าจะมีผลต่อการกำหนดวันเลือกตั้งด้วย ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้ สนช.พิจารณาร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก หากมีประเด็นใดที่เป็นข้อสงสัย ควรต้องทำให้กระจ่าง ไม่ควรต้องให้มีการส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความอีก เพราะจะทำให้ระยะเวลาการเลือกตั้งเลื่อนออกไป 
     "ไม่เห็นด้วยกับการเปิดให้จัดมหรสพหาเสียงเลือกตั้งได้ เพราะมีโทษมากกว่าประโยชน์ ไม่ควรที่จะย้อนยุคกลับไปอีก แต่ยอมรับว่าประเด็นนี้ไม่ชัดเจนว่าไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ส่วนเรื่องที่มาของ ส.ว. ที่กำหนดเปิดให้สมัครเพื่อเลือกกันเองโดยผ่านได้ 2 ช่องทาง คือสมัครส่วนบุคคลและส่งสมัครโดยองค์กรนั้น ยังมีความเห็นที่แตกต่างว่าเข้าข่ายไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ดังนั้นควรต้องเขียนให้ชัด เพื่อจะได้ไม่ต้องมาตีความกันในภายหลัง เพราะจะทำให้เสียเวลา"
    ส่วนที่นายพรเพชรระบุว่า สนช.ต้องพิจารณากฎหมายอย่างรอบคอบเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งหลังการเลือกตั้ง นายองอาจกล่าวว่า การพิจารณากฎหมายด้วยความรอบคอบถือเป็นเรื่องดี แต่ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ และไม่ควรเดาล่วงหน้าโดยทุกฝ่ายควรต้องช่วยกันไม่ทำให้เกิดเงื่อนไขที่จะทำให้เกิดความขัดแย้ง
    นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการตั้ง กมธ.ร่วม 3 ฝ่ายพิจารณากฎหมายลูกว่า ไม่สามารถตอบได้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร เนื่องจากอำนาจอยู่กับ กรธ., กกต. โดยเฉพาะสนช. เพราะฉะนั้นผลออกมาเป็นอย่างไรก็ต้องเป็นไปตามนั้น เพราะอยู่ที่ 3 ส่วนนี้ ส่วนการจะคว่ำกฎหมายหรือไม่ ตนไม่ทราบว่าเป็นความกังวลของฝ่ายไหน แต่ก็สะท้อนความไม่มั่นใจของฝ่ายต่างๆ ในภาพรวมว่าผลการพิจารณาทั้งหมดที่ออกมาจะมีผลกระทบต่อโรดแมปหรือไม่ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะเคยมีปรากฏการณ์ที่ปรากฏให้เห็นมาแล้วเป็นระยะๆ จึงเป็นที่มาที่ทำให้สังคมในภาพรวมเกิดมีความคิดว่าอะไรก็อาจจะเกิดขึ้นได้ 
        ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนพรรคการเมืองจะมีการเรียกร้องให้เกิดความชัดเจนเพื่อไม่ให้โรดแมปต้องเลื่อนออกไปอีก นายจุรินทร์กล่าวว่า ตนไม่ไปเรียกร้องความชัดเจน เพราะสุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับผู้ที่มีอำนาจว่าจะตัดสินใจอย่างไร เพราะกลไกอื่นๆ ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะไปกำหนดอะไรได้ในขณะนี้ จึงคิดว่าสุดท้ายขึ้นอยู่กับ คสช.ว่าประสงค์จะให้ทุกอย่างเป็นไปตามโรดแมปหรือไม่ ในส่วนของพรรคการเมือง ก็อยู่ในฐานะผู้ปฏิบัติ ไม่ได้อยู่ในฐานะผู้กำหนดกติกาหรือกฎเกณฑ์ เพราะกฎเกณฑ์ออกมาอย่างไรก็ต้องปฏิบัติไปตามนั้น และหากการเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไปอีก ก็ไม่กังวลเรื่องความได้เปรียบเสียเปรียบอะไร แต่ถ้าการออกกฎเกณฑ์กติกาอะไรมาแล้วก่อให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ คิดว่าสังคมก็จะมองออก แล้วไม่ได้เป็นผลดีต่อคนออกกติกา
แจ้งตร.สากลเฝ้าระวัง"ปู"
     ด้านนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ความมั่นคงของประเทศในขณะนี้ที่ยังมีกลุ่มเคลื่อนไหวอยู่ว่า ฝ่ายความมั่นคงดูแลอย่างเต็มที่ ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ จะบานปลายหรือไม่ ต้องดูหลายอย่าง ทั้งเงื่อนไข เหตุผล และรูปแบบ คนที่มีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องเหล่านี้เขาจะต้องดูครบหมด จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ส่วนตัวคิดว่าทุกอย่างยังอยู่ในความควบคุมของฝ่ายความมั่นคง คสช. และรัฐบาล ยังอยู่ในสถานะที่ควบคุมสถานการณ์ได้ และยังเชื่อว่าคนไทยทุกคนต้องการความสงบเรียบร้อยให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ มีอะไรก็คุยและหารือกันได้ ความเห็นอะไรที่ไม่ตรงกันก็ต้องมาแก้ไข
    “ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับรัฐบาลหรอก แต่บังเอิญสภาพแวดล้อมของบ้านเมืองยังมีปัจจัยที่ยังค้างอยู่ เช่น กฎหมายลูกสองฉบับที่ค้างอยู่ที่สภา คนที่เคลื่อนไหวก็คิดว่ามันต้องเคลื่อนไหวเพื่อแสดงความเห็นเกี่ยวกับกฎหมายลูกนี้ ส่วนจะมีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ตรงนี้ต้องให้ฝ่ายความมั่นคงดู ผมไม่รู้” นายสุวพันธุ์กล่าว     เมื่อถามว่าตอนนี้มีหลายกลุ่มเคลื่อนไหว หลายคนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับรัฐบาล 
    ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีที่ปรากฏภาพอดีตนายกฯ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในสื่อสังคมออนไลน์ ว่า ผบ.ตร.ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. เป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ ที่ผ่านมาได้ประสานความร่วมกับตำรวจสากล หรืออินเตอร์โพล ซึ่งมีประเทศสมาชิก 192 ประเทศ ทั้งที่มีและไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับไทย ให้ช่วยแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการพบตัวหรือเบาะแสของ น.ส.ยิ่งลักษณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตำรวจสากลพิจารณาออกหมายประเภทต่างๆ ที่มีมาตรการความเข้มงวดขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่เป็นเป้าหมายที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ปรากฏตัวหรือมีข้อมูลการเดินทางเข้า-ออก เช่นประเทศ อังกฤษ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 
    "หากมีการพบตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์อยู่ที่ประเทศใด ก็จะมีการแจ้งข้อมูลให้กับทางการไทยทราบทันที เพื่อทำเรื่องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน หรือใช้วิธีทางการทูตในการนำตัวกลับมาประเทศไทยต่อไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการตามขั้นตอนในทุกมิติทั้งหมดแล้ว ขณะนี้กองการต่างประเทศได้แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมให้ตำรวจสากลพิจารณาออกหมายสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นหมายแจ้งตำหนิรูปพรรณและแหล่งที่อยู่ "
    สำหรับกรณีที่ปรากฏภาพและข้อมูล น.ส.ยิ่งลักษณ์  ที่ระบุว่าอยู่ในประเทศจีนนั้น  รองโฆษก ตร.กล่าวว่า สตช.ได้ประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศเพื่อให้ทางการประเทศจีนให้ข้อมูลการเดินทางของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าได้มีการเข้า-ออกประเทศจีนช่วงใดบ้าง เดินทางด้วยสายการบินใด หรือเครื่องบินส่วนตัว และใช้พาสปอร์ตชนิดใด ซึ่งทางกระทรวงการต่างประเทศได้บันทึกชื่อของน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นบุคคลต้องเฝ้าระวัง สำหรับการพิจารณาออกหนังสือเดินทางและยกเลิกหนังสือเดินทางของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จำนวน 4 เล่ม ได้แจ้งให้ประเทศสมาชิกตำรวจสากลทั่วโลกทราบแล้ว เพื่อป้องกันการนำหนังสือเดินทาง เพื่อเฝ้าระวังการนำหนังสือเดินทางที่ถูกยกเลิกกลับมาใช้เดินทางอีก คดีนี้ยืนยันว่าดำเนินการอย่างเข้มงวด เช่นเดียวกับคดีอาชญากรรมอื่นๆ ไม่มีการเลือกปฏิบัติแต่อย่างไร 
วีวอล์กถึงเมืองขอนแก่น
    รองโฆษก ตร.กล่าวถึงกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองกลาง ที่ให้ ผบ.ตร.สั่งการให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 และภาค 4 ไม่ปิดกั้น ขัดขวาง การชุมนุมและคุ้มครองความสะดวกของประชาชนในกิจกรรม “We walk เดินมิตรภาพจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต มุ่งสู่จังหวัดขอนแก่น” ว่า  ผบ.ตร.ที่น้อมรับคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ซึ่งเจ้าพนักงานตำรวจพร้อมอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยให้แก่กลุ่มผู้ชุมนุมทุกคน ที่ดำเนินการตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 ซึ่งมีเสรีภาพในการชุมนุมสาธารณะและเป็นสิทธิเสรีภาพ ตามรัฐธรรมนูญ โดยต้องไม่ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 เรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ ข้อ 12 มั่วสุม หรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆ ที่มีจำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป 
    "ผู้ที่ร่วมเดินกิจกรรม We walk บางส่วนที่อาจไปละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น หรือกระทำการอันสุ่มเสี่ยงต่อความผิดข้างต้น หากเจ้าพนักงานตำรวจเห็นว่ามีการกระทำใดๆ อันนำไปสู่การชุมนุมสาธารณะที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายระหว่างที่มีการชุมนุม เจ้าพนักงานตำรวจก็จะพิจารณากำหนดเงื่อนไข หรือมีคำสั่ง หรือประกาศให้มีการแก้ไขหรือร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งเลิกชุมนุมหรือสั่งให้ยุติการกระทำนั้น หรือดำเนินการตามอำนาจหน้าที่เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะหรือกฎหมายอื่นได้" พ.ต.อ.กฤษณะกล่าว 
    ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่ม People Go Network ล่าสุดได้เดินทางมาถึงที่เขตเทศบาลนครขอนแก่นแล้ว โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครองคอยอำนวยความสะดวก และให้การจัดกิจกรรมของกลุ่มผู้เคลื่อนไหวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย 
    นายเลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายวีวอล์ก กล่าวว่า การจัดกิจกรรมดังกล่าวเป็นการสะท้อนปัญหาจากผลกระทบนโยบายรัฐใน 4 ประเด็นหลัก คือ  รัฐสวัสดิการความมั่นคงทางอาหาร, ทรัพยากรธรรมชาติ, สิทธิชุมชน และเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ในการจัดกิจกรรมวันนี้ เริ่มจากสามแยกบ้านกุดกว้าง อ.เมืองฯ จ.ขอนแก่น เป็นขบวนหลักที่สื่อถึงรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตย  
    “กิจกรรมวันนี้ได้กำหนดรูปแบบการเดินไว้ทั้งหมด 4 เส้นทาง 4 ประเด็น โดยเส้นทางแรกคือเรื่องประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ เริ่มต้นจากปากซอยโรงเรียน บ.กุดกว้าง เดินเข้าสู่ตัวเมืองขอนแก่น เส้นทางต่อมาคือเรื่องหลักประกันสุขภาพและรัฐสวัสดิการ เริ่มต้นจากบริเวณทางแยกเข้าสนามบินขอนแก่น เส้นทางที่ 3 คือเรื่องเกษตรและความมั่นคงทางอาหาร โดยมีจุดเริ่มต้นจากศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 4 และเส้นทางสุดท้ายคือเรื่องทรัพยากรสิ่งแวดล้อมและสิทธิชุมชน เริ่มจากโรงเรียนเทศบาลบ้านหนองใหญ่ โดยที่ทุกเส้นทางที่ได้กำหนดการเดินนั้นได้มารวมตัวกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เขตเทศบาลนครขอนแก่น” นายเลิศศักดิ์ กล่าว 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่นักเคลื่อนไหวได้เดินทางมาถึงบริเวณด้านหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ได้แสดงออกทางสัญลักษณ์ด้วยการปักธงที่ต้องการสื่อสารต่อสาธารณชนใน 4 ประเด็นที่ได้มีการจัดกิจกรรมรวมทั้งการประทับรอยเท้าลงบนผืนผ้า และการประกาศว่าได้เดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดของการจัดกิจกรรมคือที่ จ.ขอนแก่นแล้ว ก่อนที่ทั้งหมดจะแยกย้ายกันไปรวมตัวที่ วัดป่าอดุลยาราม เพื่อจัดกิจกรรมในด้านต่างๆ ต่อไป โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ทั้งในและนอกเครื่องแบบได้ติดตามความเคลื่อนไหวและอำนวยความสะดวกตามคำสั่งศาลอย่างใกล้ชิด.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"