8หมื่นชื่อจี้สปิริตป้อม 'ทิชา'ย้อนเกล็ดบิ๊กตู่/ประวิตรยุ่งเลื่อนแจงนาฬิกา


เพิ่มเพื่อน    

“ป้อมโรเล็กซ์” อ้างงานเยอะ ขอเลื่อนแจง “นาฬิกายืมเพื่อน” ไปถึง 2 มี.ค. “ป.ป.ช.” รับส่งผลต้องลากยาวสิ้นเดือนสรุปไม่ทัน “ทิชา” นำรายชื่อ 80,018 รายถามหาสปิริตพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ ย้อนเกล็ดคำพูด “ประยุทธ์” คนไทยไม่ทนกับการโกง เตือนเมินเสียง ปชช.ระวังหายนะ “วิษณุ” ชี้ไม่ส่งผลต่างคนต่างทำหน้าที่
เมื่อวันที่ 16 ก.พ. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงข้อมูลนาฬิกา 25 เรือนเพิ่มเติมเป็นครั้งที่ 3 ที่ครบกำหนดชี้แจงในวันที่ 15 ก.พ. ว่า พล.อ.ประวิตรได้ส่งหนังสือขอขยายเวลาในการชี้แจงข้อเท็จจริงต่อ ป.ป.ช.ออกไปอีกครั้ง โดยให้เหตุผลว่ายังติดปฏิบัติภารกิจต่อเนื่อง และมีเอกสารที่เกี่ยวข้องหลายอย่างที่ต้องรวบรวมนำมาเป็นหลักฐานเพิ่มเติม จึงขอขยายเวลาออกไปอีก 15 วัน ซึ่งเป็นไปตามระเบียบของ ป.ป.ช.
“เมื่อครบกำหนดในวันที่ 2 มี.ค.นี้ พล.อ.ประวิตรต้องยื่นคำชี้แจงต่อ ป.ป.ช. และไม่สามารถขอขยายเวลาได้อีก เนื่องจากขยายเวลาได้เพียง 2 ครั้งเท่านั้น ซึ่งการขยายเวลาในรอบล่าสุดนี้ ทำให้ ป.ป.ช.ไม่สามารถตรวจสอบกรณีนาฬิกาหรูดังกล่าวได้เสร็จสิ้นภายในเดือน ก.พ.นี้ตามที่เคยบอกไว้ได้” นายวรวิทย์ยอมรับ
นายวรวิทย์ยังกล่าวถึงกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ยื่น ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบกรณีการถือหุ้นบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) 5,000 หุ้น ของ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เข้าข่ายต้องห้ามตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ 2560 หรือไม่ ว่าได้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบตามขั้นตอนปกติแล้ว ยังไม่ต้องตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงาน ก.พ. นางทิชา ณ นคร ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและเยาวชน และอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) นำรายชื่อประชาชนที่รวบรวมตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค.-15 ก.พ. ผ่านเว็บไซต์ Change.org จำนวน  80,018 รายชื่อ ยื่นต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อเรียกร้องให้ พล.อ.ประวิตรแสดงสปิริตลาออกจากตำแหน่ง จากกรณีไม่ชี้แจงนาฬิกาในบัญชีทรัพย์สินราคากว่า 30  ล้านบาทต่อ ป.ป.ช. โดยมีเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการประชาชนเป็นตัวแทนรับหนังสือ 
ภายหลังยื่นหนังสือ นางทิชากล่าวว่า กรณีนี้ทำให้ประชาชนจำนวนมากยอมรับไม่ได้ เพราะ ป.ป.ช.ทำหน้าที่เหมือนผงฟอกขาวให้ พล.อ.ประวิตร และสร้างความไม่มั่นใจในการทำหน้าที่อย่างเที่ยงตรงหรือไม่   รวมถึงหมดความไว้วางใจ เช่น คำกล่าวที่ว่าถ้านาฬิกายืมมาไม่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สิน หากนี่เป็นบรรทัดฐานที่ถูกวางไว้จริง ต่อไปนี้จะเป็นช่องทางที่เอื้อให้นักการเมืองระดับสูงและข้าราชการจะใช้ช่องทางนี้ต่อไป เป็นความเสียหายอย่างร้ายแรง
ย้อนคำพูด”ลุงตู่”ปราบโกง
“นายกฯ เคยกล่าวเอาไว้ในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล วันที่ 9 ธ.ค.2560 บอกว่าคนไทยไม่ทนต่อการโกง เป็นคำพูดที่นายกฯ พูดเอง คนไทยและดิฉันเชื่อว่าต้องเป็นคำพูดที่ศักดิ์สิทธิ์ และถ้าคำพูดนี้ไม่ศักดิ์สิทธิ์ แสดงว่าผู้นำประเทศไทยไว้วางใจไม่ได้เลยแม้แต่คนเดียว และนายกฯ ยังขอร้องให้คนไทยลดราวาศอกลงบ้าง ทั้งหมดเป็นความรู้สึกไม่เชื่อมั่นต่อผู้นำ จึงเป็นเหตุผลที่ต้องมา เพื่อยืนยันในฐานะผู้เสียภาษี สิ่งที่เกิดขึ้นในรอบหลายเดือนที่ผ่านมาเป็นความไม่เชื่อมั่นอย่างรุนแรง แต่เราไม่มีพื้นที่อภิปรายในสภาอันศักดิ์สิทธิ์ จึงต้องใช้ช่องทาง Change.org และช่องทางนี้เพื่อส่งเสียงไปถึงนายกฯ ช่วยแก้ปัญหาประเทศนี้ให้ประชาชนสามารถไว้วางใจได้ หรือกอบกู้คืนมาให้กับพวกเราด้วย” นางทิชากล่าว
เมื่อถามถึงกรณีมีกลุ่มคนเข้าชื่อสนับสนุน พล.อ.ประวิตรกว่าแสนรายชื่อนั้น นางทิชากล่าวว่า เชื่อว่านักวิเคราะห์และคนติดตามข่าวสารบ้านเมืองคงวิเคราะห์ได้ว่ารายชื่อเหล่านั้นถูกจัดตั้งมาด้วยกระบวนการใดบ้าง ซึ่งก็ถือเป็นสิทธิของพลเมืองอีกกลุ่มหนึ่งที่สามารถทำได้  มีสิทธิออกเสียงของตัวเอง แต่เสียงที่บริสุทธิ์ยืนยันได้ว่าเราไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง แต่เรารู้สึกร้อนหนาวกับผู้นำของเราที่ไม่อยู่กับร่องกับรอย และไม่โปร่งใส อันนี้สังคมต้องวินิจฉัยกันอย่างจริงจัง แต่ใครจะทำอะไรที่ไม่ละเมิดกฎหมายและไม่เป็นอันตรายต่อผู้อื่นก็สามารถทำได้ แต่เราก็สามารถวัดได้ว่าสิ่งนั้นทำด้วยเจตจำนง
ถามย้ำว่า หากการยื่นหนังสือครั้งนี้ไม่มีผลอะไรต่อรัฐบาล จะดำเนินการอย่างไรต่อไป นางทิชาตอบว่า อันนี้เป็นสิ่งที่คาดเดาได้ รัฐบาลอาจเหลิงแก่อำนาจของตัวเอง และคิดว่าอำนาจที่มีอยู่ไม่มีใครทำอะไรได้ เสียงของคน 8 หมื่นคน อาจเป็นแค่เสียงนกเสียงกาในความหมายของรัฐบาล แต่เมื่อใดที่รัฐทำเช่นนี้ ลางแห่งหายนะก็จะมาเช่นกัน ไม่มีประวัติศาสตร์หน้าไหนบอกว่าเมื่อรัฐไม่ฟังเสียงประชาชนจะยังเข้มแข็งต่อไปได้ 
เมื่อถามว่า แสดงว่าเชื่อว่าหากไม่มีการดำเนินการใดๆ จะมีผลกระทบต่อรัฐบาล นางทิชายืนยันว่า ใช่  เพราะขณะนี้เราก็เห็นอยู่แล้วว่าความเชื่อมั่นรัฐบาลเริ่มน้อยลงๆ ถ้าหากรัฐบาลยังทระนงในอำนาจที่ตัวเองมีอยู่แสดงว่าฝ่ายที่ปรึกษาและตัวรัฐบาลเองอาจประเมินสถานการณ์ผิดพลาดก็ได้
     “ที่สำคัญคิดว่าหาก พล.อ.ประวิตรรักรัฐบาลนี้ แล้วก็เป็นพี่ที่ดี เป็นบูรพาพยัคฆ์ที่รักน้องจริง ควรลาออกเสียก่อน ก่อนเป็นปัจจัยที่ทำให้รัฐบาลนี้เสียหายกว่าเดิม อย่างกรณีในต่างประเทศทำผิดนิดเดียวก็ประกาศขอลาออกจากตำแหน่งแล้ว” นางทิชากล่าว
นางทิชากล่าวต่อว่า เชื่อว่าคำว่ายืมไม่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สิน เป็นแค่คำพูดที่ ป.ป.ช.ปล่อยออกมา แต่ยังไม่เขียนเป็นกติกา ยังไม่ถูกเอามาตัดสิน ซึ่งเป็นเหตุผลที่ภาคประชาชนอย่างเราต้องออกมาปกป้องมาตรฐานที่สูงกว่านั้น ว่าอย่าออกมาล้ำเส้นเข้ามานะ   ถ้าเมื่อไหร่การยืมเพื่อนไม่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สิน จะทำให้องค์กรตรวจสอบทุจริตล่มสลายจริงๆ เพราะองค์กรตรวจสอบได้ตีความอย่างไร้เดียงสามาก และการออกมาส่งสัญญาณนี้จะบอกกับ ป.ป.ช.ว่าอย่าทำไร้เดียงสากับเครื่องมือที่ดีที่สุดของประเทศ ที่ออกแบบไว้ในรัฐธรรมนูญปี 2540 ที่เราเริ่มมีองค์กรอิสระ เพราะเราไม่เคยจัดการกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองกับข้าราชการระดับสูงได้ เมื่อกติกานี้ออกมา จึงไม่เข้าใจป.ป.ช.จะทำให้มาตรฐานนี้ต่ำลงไปเพื่ออะไร 
“คำนี้ของ ป.ป.ช.ช่างไร้เดียงสา ทำให้ประเทศนี้ไม่จำเป็นต้องมี ป.ป.ช. เพราะการมี ป.ป.ช.ต้องใช้เงินมหาศาล ใช้ความหวังอันมากมายของคนไทยที่จะถ่วงดุลอำนาจที่เราไม่สามารถจะจัดการได้ ดังนั้นไม่ต้องใช้ ป.ป.ช. หากใช้มาตรฐานยืมเพื่อนไม่จำเป็นต้องแจงบัญชีทรัพย์สิน” นางทิชากล่าว
เชื่อไร้ผลกระทบ
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงการยื่นรายชื่อดังกล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าจะมีผลอะไรทางกฎหมายหรือไม่ เพราะอยู่ที่ว่าคำลงท้ายที่นางทิชายื่นไว้นั้น ระบุว่าขออะไร ถ้าจะยื่นเพื่อให้ผู้ถูกร้องต้องออกจากตำแหน่ง ต้องไปยื่นที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และไม่แน่ใจว่าตอนนี้มีกฎหมายลูกเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวออกมาแล้วหรือไม่ แต่โดยหลักการสามารถดำเนินการอย่างนั้นได้ ส่วนต้องรวบรวมรายชื่อจำนวนเท่าไรนั้น ไม่แน่ใจ ขอให้ไปดูในรัฐธรรมนูญดีกว่า
เมื่อถามว่า การมีรายชื่อประชาชนที่ต้องการให้ พล.อ.ประวิตรลาออกมากถึง 80,000 รายชื่อ จะส่งผลกระทบกับความเชื่อมั่นหรือสปิริตของรัฐบาลหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่น่าเป็นปัญหา ไม่กระทบอะไร แต่ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลไม่สะทกสะท้าน แต่ถือว่าเป็นการทำไปตามสิทธิหน้าที่ของแต่ละคน
    นายวิษณุยังกล่าวถึงผลสำรวจดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชันไทยของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ว่ารัฐบาลได้เห็นและรับทราบผลสำรวจดังกล่าวแล้ว รัฐบาลยินดีรับฟัง เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นตัวชี้วัดหนึ่ง จากนั้นหน่วยงานใดที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องต้องไปเร่งปรับปรุงและพิจารณาว่าปัญหาอยู่ที่ตรงจุดไหน แต่ผลสำรวจดังกล่าวจะไม่ส่งผลต่อการประเมินประเทศไทยโดยองค์กรตรวจสอบความโปร่งใสนานาชาติ เพราะไม่เกี่ยวข้องกัน เป็นตัวชี้วัดคนละตัว
ผู้สื่อข่าวถามว่า สะท้อนว่ากลไกของรัฐบาลที่พยายามแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันไม่สามารถทำงานได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า มันสะท้อนทัศนะของคนจำนวนหนึ่ง แต่รัฐบาลมั่นใจว่าได้แก้ปัญหานี้ด้วยความเหน็ดเหนื่อย เอาจริงเอาจัง ทำหลายเรื่อง ทั้งมาตรการทางกฎหมาย มาตรการในทางที่ทำกับตัวบุคคล แต่อาจมีบางจุดที่คนในสังคมยังสงสัยหรือข้อสังเกต ซึ่งต้องทำไปตามกระบวนการที่ยังดำเนินการไม่สิ้นสุด
“ยกตัวอย่างกรณีล่าเสือดำในป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เป็นเรื่องที่ผมและสังคมติดตามอยู่เช่นกัน แต่สุดท้ายจะเป็นอย่างไร ต้องอยู่กับว่ากระบวนการที่เกี่ยวข้องจะจบลงอย่างไร เพราะเรื่องนี้เข้าสู่คดีแล้ว ซึ่งนำไปสู่การมีโทษ ต่างจากการทุจริต ที่มีหลายเรื่องเป็นการกล่าวหาเลื่อนลอยและทำให้เกิดความรู้สึก ดังนั้นเราจะเอาสิ่งที่เป็นคดีแล้วไปปะปนกับเรื่องทุจริตที่เป็นการกล่าวหาคงไม่ได้” นายวิษณุกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"