ปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ เผยในหลวงทรงห่วงภัยหมอกควันพิษภาคเหนือ ผนึกกำลังยกระดับแก้ปัญหาตั้งศูนย์บัญชาการ 9 จังหวัด ด้าน "บิ๊กตู่" เมินลากฝุ่นควันคลุกการเมือง เผยพบพื้นที่ได้รับผลกระทบกว่า 3,000 จุด ไทยพร้อมหารือเวทีอาเซียนแก้ปัญหาไฟป่ายั่งยืน ขณะที่ "ศรีวราห์" ชงแก้ กม.เพิ่มโทษ จับแล้วกว่า 230 คดี นักวิชาการชี้หยุดธุรกิจทุนข้ามชาติไทยลุ่มน้ำโขงต้นตอควันพิษ
เมื่อวันจันทร์ ที่ห้องวายุภักษ์ 2-4 ชั้น 4 โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทาราศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ ถนนแจ้งวัฒนะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.เชียงใหม่ เพื่อร่วมประชุมติดตามสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานในพื้นที่ภาคเหนือว่า ต้องดูสถานการณ์ แต่ได้กำชับเจ้าหน้าที่ไปเป็นเดือนแล้ว ซึ่งปัญหาฝุ่นละอองในพื้นที่ภาคเหนือมาจาก 2 สาเหตุ คือไฟป่าและมลภาวะในเมือง จากการตรวจสอบของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) โดยรวมแล้วในหลายจังหวัดภาคเหนือและต่างประเทศมีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบกว่า 3,000 จุด ซึ่งเราต้องแก้ไขปัญหาตรงนี้ ในเขตเมืองก็ต้องเข้มงวด ซึ่งประชาชนไม่ค่อยมีความสุขนักเพราะต้องบังคับใช้กฎหมาย
นายกฯ กล่าวว่า ประชาชนต้องร่วมมือในการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ไฟไหม้ป่าส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากไฟป่าอย่างเดียว แต่เกิดเพราะถูกจุดขึ้น ดังนั้นวันนี้จะต้องมีความร่วมมือในพื้นที่ผ่านกระทรวงมหาดไทย ในส่วนกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะหารือในเวทีอาเซียน เพื่อทำให้การแก้ไขปัญหาไฟป่ามีความยั่งยืน เพราะที่ผ่านมาเกิดขึ้นทุกปี เรามีการดำเนินการแก้ไขมาเป็นระยะ แต่ที่สำคัญเราไม่สามารถควบคุมพื้นที่ป่าได้มากนักเพราะเป็นพื้นที่ภูเขาสูง ขอให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ด้วย และทราบว่าเมื่อ 31 มี.ค.มีอาสาสมัครดับไฟป่าเสียชีวิต สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นผลดีกับประเทศชาติบ้านเมือง อยู่ที่ความเข้าใจความรู้ว่าจะรักษาธรรมชาติอย่างไร ตนเห็นใจผู้มีรายได้น้อย แต่ไม่ว่าจะมีรายได้น้อยหรือมาก เป็นคนรุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่ ก็ต้องช่วยกันแก้ปัญหาประเทศของเราให้ได้
เมื่อถามว่า พล.ต.บัญชา ดุริยพันธ์ รองแม่ทัพภาคที่ 3 ระบุว่ามีกระบวนการลอบเผาป่าเพื่อดิสเครดิตรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เป็นเรื่องที่จะต้องสืบสวนกันต่อไป ถ้าสอบสวนแล้วพบว่าใครเป็นคนปลุกปั่นก็ไปหากันตรงโน้น อย่ามาเกี่ยวพันกันมากนัก คนที่ทำรู้ตัวเองอยู่แล้ว ตนเองยืนยันไม่ต้องการให้ทุกคนใช้เรื่องนี้ในทางการเมืองอีก ทุกอย่างเป็นการเมืองไปหมด ประเทศชาติเดินไม่ได้ ตนคิดว่าสื่อรู้ทุกเรื่องและต้องเข้าใจด้วยวิจารณญาณของสื่อ เพียงแต่จะช่วยประเทศชาติกันอย่างไร ขอฝากตรงนี้ด้วยแล้วกัน
นายกฯ กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องของการศึกษา การทำความเข้าใจในระเบียบวิธีการปฏิบัติต่างๆ ของราชการ ของรัฐบาล ท้องถิ่นและประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการหารือร่วมกันแก้ปัญหาเหล่านี้ วันนี้ถ้าเรารวมจุดที่มีไฟไหม้ป่าทั้งในประเทศและนอกประเทศ มีจำนวนไม่ต่ำเป็นพันจุดขึ้นไป วันนี้รัฐบาลได้ปรึกษาหารือกับประเทศเพื่อนบ้านไปแล้ว แต่ต้องเริ่มจากภายในประเทศของเราไปพร้อมกันด้วย อย่าให้ใครมาบิดเบือนในเรื่องต่างๆ เหล่านี้นำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นอีก
ในหลวงทรงห่วงภัยหมอกควัน
นายโสภณ ทองดี ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ในฐานะโฆษก ทส.ระบุว่า นายวิจารย์ สิมาฉายา ปลัด ทส.ระบุว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยปัญหาหมอกควันไฟป่าที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ อีกทั้งนายกฯ ได้สั่งการให้ยกระดับการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า โดยให้ ทส.ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ และประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจแก่ประชาชน และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า
โดยปลัด ทส.กล่าวว่า ในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือมีคำสั่งจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์แก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าจังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ มีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานในพื้นที่ร่วมปฏิบัติงาน และผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเป็นเลขาฯ ประสานงานประจำศูนย์ฯ ทั้งนี้การปฏิบัติงานจะใช้รูปแบบ Single Command เพื่อให้การปฏิบัติงานเกิดความชัดเจน รวดเร็ว และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
นายวิจารย์ระบุด้วยว่า สำหรับมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อเตรียมการรองรับการระงับเหตุและการป้องกันปัญหาหมอกควันไฟป่าในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ ทุกหน่วยงานได้แสดงเจตจำนงร่วมมือหยุดการลุกลามของไฟป่า (Hot Spot) ที่เกิดขึ้นในทุกพื้นที่และป้องกันเหตุไฟป่าที่อาจจะเกิดขึ้นใหม่ นอกจากนี้ จังหวัดเชียงใหม่ได้จัดเตรียมทีมงานด้านสาธารณสุขและจิตอาสาเข้าดูแลสุขภาพประชาชน จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ตรวจสภาพรถยนต์และเครื่องยนต์ที่อาจก่อให้เกิดควันดำ ตรวจสภาพโรงงานอุตสาหกรรมและเหมืองแร่เพื่อลดปริมาณฝุ่นละออง
"สำหรับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 2,000 นาย เฮลิคอปเตอร์ดับไฟป่าจากกระทรวง 3 ลำ และจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 1 ลำ ร่วมสนับสนุนการปฏิบัติงานกับทุกหน่วยงานในพื้นที่ และดำเนินการควบคุมป้องกันการเกิดไฟป่าในพื้นที่รับผิดชอบทั้งเขตอุทยานแห่งชาติและเขตป่าสงวนฯ อย่างเข้มข้น" นายวิจารย์ระบุ
ด้าน พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่จะต้องช่วยกันสอดส่องว่านอกจากเกิดไฟป่าเองตามธรรมชาติแล้ว มีผู้ตั้งใจจุดไฟป่าเพื่อทำกิจกรรมหรือวัตถุประสงค์อื่นแอบแฝงหรือไม่ และจะต้องดำเนินการสืบหาจับกุมผู้กระทำผิดมาลงโทษทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้ ได้กำชับให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมป่าไม้ดำเนินการตรวจสอบเฝ้าระวัง และป้องกันมิให้เกิดไฟป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์และป่าสงวนแห่งชาติ หากเจ้าหน้าที่ระดับใดย่อหย่อนประสิทธิภาพไม่สามารถดำเนินการได้ตามนโยบายก็จะพิจารณาลงโทษอย่างเฉียบขาด
วันเดียวกัน นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผวจ.เชียงใหม่ เรียกประชุมด่วนนายอำเภอ 25 แห่งและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง สั่งการให้เพิ่มความเข้มข้นในการปฏิบัติงานดับไฟป่าในพื้นที่และกำชับต้องดับให้ได้ โดยต้องรายงานจำนวนจุด Hot Spot ในพื้นที่และจำนวนจุดที่สามารถดับไฟได้ทุกวัน สองช่วงเวลา คือ 12.00 น. และ 17.00 น. นอกจากนี้ การบรรเทาสภาวะอากาศที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน ให้เพิ่มความถี่ในการฉีดพ่นละอองน้ำในอากาศเพิ่มความชุ่มชื้นให้เกิดขึ้น และกำชับให้อำเภอจัดหาพื้นที่ตามความเหมาะสมจัดเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้ประชาชนเข้ามาพักผ่อนหลบหมอกควัน และกำชับให้นายอำเภอสั่งการไปยังโรงเรียนในพื้นที่ให้ดูแลเด็กและเยาวชนที่ได้รับผลกระทบเป็นพิเศษ ทั้งนี้ได้สั่งการไปยังหอกระจายข่าวในพื้นที่และวิทยุชุมชนให้แจ้งเตือนประชาชนงดกิจกรรมกลางแจ้ง และสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ทำกิจกรรมนอกอาคาร
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า เรื่องมลพิษเป็นเรื่องของกรมบรรเทาสาธารณภัย ส่วนตำรวจเป็นผู้สนับสนุน ปีนี้มีการจับกุมผู้กระทำความผิดเพิ่มขึ้น 15 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเป็นการเผาพื้นที่สวนไร่นาเป็นเรื่องของตำรวจและฝ่ายปกครอง ถ้าเรื่องบนภูเขาหรือในป่าเป็นเรื่องของกองทัพภาคที่ 4 และกระทรวงทรัพยากรฯ
พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวต่อว่า ส่วนผู้ประกอบการรายใหญ่ตั้งใจเผาพืชผลเพื่อเก็บเกี่ยวการเกษตร ถ้าจับถึงไหนก็ถึงนั่น ขณะนี้มีการจับกุมดำเนินคดีไปแล้วกว่า 230 คดี ส่วนจะเป็นการเผาดิสเครดิตรัฐบาลหรือไม่ การสอบสวนยังไม่ปรากฏ เรื่องนี้นายกฯ ได้กำชับมาตลอด เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ตนได้กำชับไป 50 กว่ารอบแล้ว ถ้าจะให้เด็ดขาดต้องแก้กฎหมายเพราะกฎหมายยังมีโทษน้อยอยู่ ยืนยันว่าไม่มีการเกรงใจ การเผาป่าของนักธุรกิจในพื้นที่ว่าไปตามเนื้อผ้า ใครทำผิดก็จับกุมดำเนินคดี ถ้าทรัพย์สินคนอื่นเสียหายก็ใช้กฎหมายอาญา ถ้าเผาเฉพาะไร่ของตัวเองก็ใช้ พ.ร.บ.สาธารณสุขดำเนินการ
ชี้หยุดต้นตอธุรกิจรมควันพิษ
ดร.ไชยณรงค์ เศรษฐเชื้อ อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Chainarong Setthachua ระบุว่า รัฐบาลต้องเร่งเจรจากับประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและทุนข้ามชาติจากไทย เพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควันพิษ ทั้งนี้หมอกควันพิษไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในไทยเท่านั้น แต่ยังเกิดเข้มข้นในลาวและเมียนมา
ดร.ไชยณรงค์ระบุว่า การแก้ไขปัญหาหมอกควันพิษนอกจากแก้ไขที่ต้นตอในประเทศแล้ว ยังต้องแก้ที่ต้นตอในต่างประเทศด้วย ดังนั้นรัฐบาลไทยควรถือว่าปัญหานี้เป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดนในลุ่มน้ำโขง ไม่ใช่อธิบายโดยทำให้เป็นการเมืองไปหมด โดยกล่าวหาว่าหมอกควันพิษจากการเผาป่าเป็นการเผาเพื่อการเมืองทำนองเพื่อดิสเครดิตรัฐบาล ดังที่นายทหารระดับสูงได้ให้สัมภาษณ์สื่อเมื่อวานนี้
"ขณะนี้แม้ว่าเรายังไม่ได้รัฐบาลใหม่จากการเลือกตั้ง และรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังทำหน้าที่เป็นรัฐบาลอยู่ ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องเร่งให้มีการเจรจากับประเทศสมาชิกในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (GMS) ที่เกี่ยวข้องทั้งลาว เมียนมา และจีน รัฐบาลไทยยังต้องเร่งเจรจากับทุนไทยเองที่ข้ามชาติไปลงทุนปลูกข้าวโพดในพม่าด้วย เพื่อให้กลุ่มทุนหยุดธุรกิจที่รมควันพิษคนไทยและคนลุ่มน้ำโขง" ดร.ไชยณรงค์ระบุ
ด้านนายยงยุทธ ติยะไพรัช กองเชียร์พรรคเพื่อชาติ โพสต์เฟซบุ๊กถึงปัญหาหมอกควันพื้นที่ภาคเหนือว่า เรื่องหมอกควัน (Smoke Haze) ตนใช้เวลาศึกษาหลายปีเพื่อเฝ้าสังเกตการณ์ เป็นงานวิจัยระดับปริญญาเอก ซึ่งจากการติดตามทางดาวเทียมกลุ่มควันที่มีแหล่งเผาจากเกาะสุมาตราถูกลมพัดไปถึงเกาหลีใต้ ขณะที่สิงคโปร์ไม่มีการเผาป่า แต่ได้รับผลกระทบจากการเผาแถบเกาะสุมาตราเช่นกัน ส่วนประเทศของเราเป็นทั้งแหล่งกำเนิดและพื้นที่ได้รับผลกระทบ
นายยงยุทธระบุว่า ขอยกตัวอย่างประเทศสิงคโปร์ รัฐบาลเขาแก้ปัญหาโดยอนุมัติงบให้คณะกรรมการที่เรียกว่า ASEAN wide fire committee ปีละ 10 ล้านเหรียญ แต่แก้ไม่ได้เพราะประเทศเพื่อนบ้านยังยากจน ปัญหาปากท้องยังหนักอยู่ ดังนั้นควรยกเรื่องนี้ขึ้นเป็นประเด็นระดับโลกเพราะเกี่ยวข้องกับปัญหาโลกร้อน
"สำหรับการแก้ปัญหาเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับปากท้องและวิถีชีวิตของชาวบ้าน หากทำให้เป็นการเมือง นอกจากจะแก้ไม่ได้แล้วยังซ้ำเติมปัญหา กรุณาเช็ก Hot Spot จากดาวเทียม แล้วรีบวิ่งไปขอความร่วมมือกับพม่า ส่วนการแก้ปัญหาเป็นระดับท้องถิ่น จนถึงระดับนานาชาติ หากอยากให้ตนมีส่วนร่วม ยินดีครับ เราแก้ที่ปลายเหตุไม่จบ ไม่บรรเทาครับ สำหรับพี่น้องคนไทยพูดกันฉันพี่น้อง ดีกว่าไม่ชอบใครก็บอกเป็นคอมมิวนิสต์เหมือนเมื่อก่อนทำไม่ได้แล้วครับ ใช้ความรักความเมตตาแก้ปัญหาเถอะครับ".
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |